SF: We shoot the moon and miss completely. (JARK)

Title: We shoot the moon and miss completely.

Pairing: Jackson Wang/Mark Tuan

A/N: มันคือฟิคแปลงจากคู่ฮอว์คซิลเวอร์น่ะค่ะ ๕๕๕

We shoot the moon and miss completely.

 

มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไร้ทางออก..

 

            คล้ายกับการว่ายวนในเวิ้งน้ำกว้างใหญ่  หันไปทางใดก็ไม่อาจเจอจุดสิ้นสุด  ระลอกคลื่นซัดสาดเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่าจนหมดแรงจะเคลื่อนไหวต่อ  จำยอมปล่อยร่างร่วงหล่นสู่อ้อมกอดของมวลน้ำเย็นเฉียบ  ดำดิ่งล้ำลึก  ทว่าไร้ซึ่งความอึดอัดทรมาน  ไม่จำเป็นต้องตะเกียกตะกายกลับขึ้นไป

            เป็นการจมจ่อมที่ไม่ได้เกิดกับเขาเพียงลำพัง  มีสัมผัสมือจากใครอีกคนทาบทับ เกาะเกี่ยวกันและกันแนบแน่น  ถลาลึกลงพร้อมกัน  และเราก็ต่างยินยอมให้เป็นเช่นนั้น ทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว.. เราจะต่างหลงลืมซึ่งความจัดจ้าของแสงสว่างเบื้องบนนั่น

 

            เรียวมือที่กอบกุมกันไว้ในตอนนี้..

แสงจากภายนอกลอดผ่านช่องว่างของมู่ลี่  พาดเป็นริ้วลายทางบนสองมือของคนทั้งคู่  มาร์คเพ่งพิศมัน ปลายนิ้วลากผ่านลายเส้นบนฝ่ามือกร้านแกร่งของอดีตหนุ่มนักกีฬาฟันดาบแห่งเอเชีย ฝ่ามือที่เคยเขานึกสงสัยว่าจับอาวุธอย่างหนักแน่นเพียงใดในแต่ละการแข่งขันที่ผ่านมานั่น

มือที่ไม่เคยฉุดดึงให้เขาโผล่พ้นผิวน้ำ  หากแต่มันก็จับแน่นไม่เคยยอมให้เขาจมจ่อมอย่างโดดเดี่ยว

 

 

“ คิดอะไรอยู่ล่ะ? หื้ม? ” ฝ่ามือนั่นตะครุบนิ้วที่ลากวนแน่นและรวดเร็วราวกับปลาฮุบเหยื่อ ดึงลากมาแนบอก “ คิดถึงใครที่ไม่ใช่ผมอยู่รึไง? ”

 

“ เปล่า.. ” เขาเนี่ยนะหรือจะเป็นฝ่ายหนีจาก เขาสิควรจะนึกกลัว ตำแหน่งนั้นควรคู่แก่อีกคนมากกว่าเสียอีก

 

“ มีนายแล้วฉันจะไปไหนได้ ”

เขาทอดน้ำเสียงออดอ้อนซึ่งใช้ได้ผลดีกับแจ็คสันเสมอ ขืนเรียวมือออกแล้วผลักร่างอีกฝ่ายให้เอนราบกับลานเตียง ประทับจูบว่องไวปานงูฉก สองกายเปล่าเปลือยบดเบียดแนบชิด ความร้อนรุ่มทะลักล้นอย่างรุนแรง

 

สองมือฟ้อนเฟ้นทั่วเรือนกายหนุ่มฮ่องกง  ปัดป่ายตามมัดกล้ามสมบูรณ์และผิวเนื้อ.. มาร์คหลงใหลจะสัมผัสมันอย่างไม่รู้เบื่อ  ความอุ่นชื้นแลบเลียลงมาตามลำคอ  จนมาหยุดยังแผ่นอกด้านซ้าย เสียงชีพจรที่เต้นตุบภายในนั้นดังให้ได้ยิน ..หัวใจที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นของเขาได้เมื่อไหร่กัน 

 

แจ็คสันลุกขึ้น โถมกายใส่ตัวเขา ในชั่ววูบนั้นเองที่ระยะห่างระหว่างเราทั้งสองเหลือเพียงน้อยนิด  นัยน์ตาคู่นั้นสบมองลึกซึ้งราวจะจดจำทุกอณูบนใบหน้าของเขาเอาไว้  “ อย่าให้รู้ว่าไปไหนแล้วกัน ” ความหนักแน่นในน้ำเสียงนั่นคล้ายตะปูที่ตอกลงตรึงไว้ให้อยู่ในคำสั่งนั้น

 

สัมผัสนุ่มหยุ่นกดแนบลงตรงหว่างคิ้ว  เลื่อนลงมายังเปลือกตา “ Gosh, Your skin tastes so good.” ลากผ่านปลายจมูกและผิวแก้ม แช่มช้าราวจังหวะเยื้องกรายของแมวย่อง  “Mine..” แล้วแตะค้างที่บริเวณเนินโค้งของเรียวปาก

 

 

            เป็นความสัมพันธ์ที่คล้ายกับเส้นใยบางเบา..

            ทว่ามันร้อยรัดมัดตรึงจนแน่นเหนียว  ไม่เคยคาดนึกถึงว่ามันจะส่งผลต่อเรามากเพียงใด  รู้ตัวอีกที.. เพียงแค่เขยื้อนกาย เส้นใยเหล่านั้นก็กรีดบาดจนเป็นแผลเหวอะหวะเสียแล้ว ..อยากตัดจากมันใจจะขาด แต่ก็กลัวว่าตนเองจะขาดใจลงเสียก่อน

            ความพยายามของเขากลายเป็นเพียงใบมีดทื่อๆ..

 

 

Yours..”

 

เขากระซิบตอบก่อนจะยกยิ้ม จูบนั่นเลาะเล็มตามความโค้งนุ่ม บรรจงละเลียดทั่วทุกอณูพื้นที่อย่างละเมียดละมุน  ราวจะกลั่นแกล้งกัน.. รสจูบเนิบช้าทว่าหนักแน่นในความนุ่มนวลทำเอามาร์คทรมานแทบคลั่งตาย  “ อื้อออ.. หะ.. ” เขาต้องการมากกว่านี้ และอยากให้มันรวดเร็วมากกว่านี้..

 

เสียงวัตถุสั่นครืดคราดไม่ใกล้ไม่ไกล หากแต่ในเวลานี้แล้ว ใครเล่าจะสนใจว่ามีคนติดต่อเข้ามากัน  ห้วงความคิดของเขามีเพียงแจ็คสัน หวัง.. มีเพียงความร้อนผะผ่าวที่แผ่ซ่าน.. มีเพียงอ้อมกอดที่โอบล้อมกันและกัน

 

“ ม.. ไม่รับหน่อยเหรอ? ” น้ำเสียงทั้งหอบกระสันและแหบพร่า บอกถึงกามารมณ์ที่เดือดพล่านภายใน

 

“ ช่างสิ ”

 

            การสั่นประท้วงจากเจ้าเครื่องมือสื่อสารดูจะไม่ได้รับความสนใจจากคนทั้งคู่ในครั้งแรก  ทว่าครั้งที่มันกลับได้ผลอย่างดียิ่ง หน้าจอสว่างวาบปรากฏภาพของใครคนหนึ่ง “ จ..แจ็คสัน.. เดี๋ยว.. ”  ความอุ่นชื้นนั่นยังคงรุกไล่อย่างตะกรุมตะกราม “หยุดก่อน..” แรงขัดขืนหนักแน่นเสียจนจำต้องหยุดการกระทำ

 

“ นั่นคนของนาย..

 

คนอายุน้อยกว่าพลันชะงักกึก คิ้วขมวดเป็นปมแน่นบนใบหน้าเคร่งขรึมคล้ายกับกำลังเจอภารกิจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย.. ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจผละออกห่าง  แจ็คสันตรงเข้าคว้าโทรศัพท์มือถือ หันมองเขา ก่อนจะแตะนิ้วที่ริมฝีปากเชิงให้สัญญาณว่าอย่าส่งเสียงใดๆ

            ซึ่งมันไม่จำเป็นเลยสักนิด..

 

            เขาพลิกร่าง ตะแคงหันเข้าหาผนัง สบมองความมืดทึบที่ฉาบบนนั้น  เสียงชีพจรที่สั่นระรัวของตนเองดังก้องสะท้อนในโสต  รู้สึกวูบโหวงเคว้งคว้างคล้ายชายฝั่งที่ถูกคลื่นซัดสาดและพัดพาเอามวลเม็ดทรายทั้งหมดจนสิ้น  กลายเป็นหลุมดำว่างเปล่า

            แจ็คสันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย.. มาร์ครู้ตัวดีมาตลอดว่าควรจะต้องปฏิบัติอย่างไร.. ต้องซ่อนเร้นในเงามืด  ถักทอความสัมพันธ์บิดเบี้ยวผิดบาปนี้อย่างเงียบเชียบที่สุด

            รู้ดีอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องตอกย้ำซ้ำเติม..

 

“ ฮยอง..

 

“ ไปซะ ”

 

“ ไม่เอาหน่า

 

“ ฉันหมดอารมณ์แล้ว ”

 

            มันไร้เหตุผลที่อีกคนจะต้องอยู่ต่อ..

            แม้แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เป็นอยู่ในตอนนี้ยังไม่อาจหานิยามได้ด้วยซ้ำ มีเพียงแค่เรื่องพรรค์นี้ที่ยังเหนี่ยวรั้งกันและกันเอาไว้  มันคือความรักหรือเปล่าก็ไม่อาจแน่ใจ  และต่อให้นี่คือความรัก.. ก็นับเป็นรักที่พ่วงมาด้วยความเจ็บปวดเหลือล้นทีเดียว

 

“ นายควรจะกลับไป ” เสียงของเขาสั่นพร่า.. สั่นเสียจนตะกอนความเศร้าหมองในห้วงหัวใจลอยคละคลุ้ง  ยากเย็นเหลือเกินที่จะบอกให้ตนเองนิ่งเฉยได้ ลำคอแสบร้อนด้วยก้อนสะอื้น  ความเจ็บหน่วงกัดกินในอก

 

จะโทษใครได้ในเมื่อเขาไม่เคยอาจหาญจะทำให้มันจบสิ้นอย่างจริงจังเสียที

 

“ อย่าลืมสิว่านายเลือกเธอ ”

 

“ อย่า.. อี้เอิน ” น้ำเสียงนวลนุ่มคุ้นเคยเอ่ยชื่อเขา  รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปจูบ หากแต่เปลี่ยนที่หมายจากเรียวปากเป็นแกนกลางหัวใจ  “ อย่าทำแบบนี้..

 

“ อย่าไปจากผม.. ได้โปรด..

 

..และแล้วก็เป็นแบบนี้จนได้..

 

“ ไม่รักผมแล้วเหรอ? ”

           

เขาหลับตาแน่น  หยาดน้ำอุ่นร้อนหยดลงมาเป็นทางยาวจนผิวแก้มเปียกชื้น  แรงยวบบนเตียงจากน้ำหนักของใครอีกคนที่กดทับลงมาค่อยคืบคลานเข้าใกล้  แพนิ้วหยอกล้อกับกลุ่มผมสีซีดจาง  สัมผัสโค้งนุ่มแนบตรงขมับ การกระทำนั้นช่างอ่อนโยน ทว่าแรงกำลังมันล้นเหลือ พังทลายความยับยั้งชั่งใจจนป่นปี้

 

..เขาแพ้ ..แพ้อีกแล้ว..

 

“ ร..รักสิ ”

 

น่าแปลกที่ต่อให้จะสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกผิด แต่ก็เลือกจะกระทำไม่ได้เสียอย่างนั้น

 

“ ฉัน.. รักนาย ”

 

ก็เพราะความรักทำให้คนพ่ายแพ้..

ไม่ใช่ว่าจะโง่งมจนเข้าหาความมืดบอด  เขารู้ถึงผลลัพธ์อยู่แล้วอย่างดีว่าจะต้องหลงวนอยู่ในนั้น  แต่ก็ยังเลือกที่จะหลีกหนีจากแสงสว่าง เหมือนกลืนกินยาพิษร้ายกาจทั้งที่กระจ่างชัดอยู่ว่ามันจะนำพาเขาสู่ความตาย  ยังนึกจินตนาการว่ารสชาติของมันหวานล้ำลึก 

ทั้งที่พิษของมันกัดกร่อนหัวใจจนกลายเป็นเศษเสี้ยวรูปร่างพิกลพิการไปเสียแล้ว

 

แล้วเขาก็กลับมายังจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด รอการขาดสะบั้นครั้งต่อไป

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

TALK TO WRITER:

แค่นี้ก็หลงคู่นี้จนไม่รู้จะหลงยังไงแล้วค่ะ orz..

จริงๆอยากใส่อะไรไปมากกว่านี้เยอะๆนะคะ แต่แบบนั้นคงได้ยกเครื่องเขียนเรื่องใหม่ไปเลยดีกว่า ๕๕๕ อีกอย่างที่เอาอันนี้มาแปลงเพราะไม่ค่อยเจอคู่นี้แนวแองส์ๆเลย  เจอแต่แนวฟลัฟๆอ่ะค่ะ (ไม่ใช่ว่าฟลัฟไม่ดีแต่ดันชอบคู่นี้กับความแองส์มากกว่า ๕๕๕)

 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😀       

SF: Ice Bucket Challenge (Benedict Cumberbatch/Tom Hiddleston)

Title: Ice Bucket Challenge

Pairing: Benedict Cumberbatch/Tom Hiddleston 

Author: KuNgWoN

 

Ice Bucket Challenge

 

..เบเนดิกต์น่ะน่าแกล้งเสมอแหละ..

 

            ไม่ใช่แค่เพียงกับเขา.. ทอม ฮิดเดิลสตัน ผู้เป็นเพื่อนบ้านที่ทั้งยังพ่วงตำแหน่งเพื่อนรักด้วยจะคิดเช่นนี้  ไม่ว่าใครก็เห็นด้วยทั้งนั้นแหละ  ก็เพราะความซื่อแบบสุดฤทธิ์ของเจ้าตัวนั่นแหละ  เด็ดสุดเห็นทีคงจะเป็นตอนที่ถูกหลอกเรื่องนิวตรอนครีมในกองถ่ายสตาร์เทรค  แล้วยังจะเซ็นต์เรื่องที่ยืนยันว่าตัวเองโง่เง่านั่นอีก..

            ..นี่นายไม่ได้อ่านมันก่อนเซ็นต์เลยใช่มั๊ยเบน?!

 

นึกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหลุดหัวเราะกับวีรกรรมความซื่อที่ฝ่ายนั้นก่อไว้  ก่อนที่ความคิดนั้นจะถูกชะงักไว้เมื่อทอมเหลือบเห็นบนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารว่าด้วยการทักท้วงจากบรรดาแฟนเกิร์ลที่พร้อมถล่มเมนชั่นในทวิตเตอร์ของเขา  เขาหรี่ตามองครู่หนึ่งก่อนจะแย้มยิ้มบางเบา

 

Ice Bucket Challenge อย่างนั้นหรอ?.. อา.. เขาได้อะไรไปแกล้งเบนเพิ่มแล้วล่ะ..

 

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

“ ราดน้ำแข็งที่เขาฮิตๆกันนั่นหรอ?  เอ่อ.. ฉันขอบริจาคก็พอได้มั๊ยทอม? ”

 

ทอมพยายามกลั้นขำเมื่อนึกสีหน้าของคนที่พยายามออดอ้อนไม่รับคำท้านั่น  เขาจงใจขึ้นเสียงดุขู่  “ ไม่ได้นะเบน นี่ลุคก็ทำตามคำท้าฉันไปแล้วด้วย  อีกอย่าง.. นายน่ะเป็นทูตของโครงการพวกนี้นะ  แล้วยังจะเคยเล่นหนั

 

“ เออหน่าๆ ก็ได้ๆ ไม่ต้องมาอ้างเหตุผลอะไรหรอก  ที่จริงก็เพราะแฟนเกิร์ลเรียกร้องด้วยใช่มั๊ยล่ะ? ” เบเนดิกต์เร่งตัดบท เพราะถ้าเขาปฏิเสธ  ไม่ว่าอย่างไรทอมก็จะสามารถชักเอาแม่น้ำทั้งโลกมากล่อมเขาให้ได้อยู่ดี.. สู้ตอบรับไปเลยจะดีกว่า ก็แค่เอาน้ำแข็งราดหัวเท่านั้นเอง

 

“ เฮะๆๆๆ  รู้ตัวก็ดี  ฉะนั้น.. ฉันจะรอดูคลิปจากนายนะ ”

 

“ โอเค  แต่ว่า..

 

“ หืม? ”

 

“ ฉันมีข้อแม้อย่างนึงนะทอม  แต่ฉันจะบอกอีกทีหลังจากนายได้ดูคลิปแล้วกัน ”

 

ทอมตอบตกลง ก่อนที่บทสนทนาของทั้งคู่จะจบลงตรงนั้น  ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร  แต่เขาก็มั่นใจว่านั่นไม่ใช่เรื่องนักหนาแน่  ตอนนี้เขาแทบจะรอดูสีหน้าของเบเนดิกต์ยามเมื่อถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดขนาดนั้นไม่ไหวแล้ว อ่ะเฮะๆๆ

 

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

            ทอมเพิ่งจะมาตระหนักได้ในขณะนั้นว่านอกจากเบเนดิกต์จะมีความทุ่มเทแบบหมดหน้าตักให้กับงานแสดงแล้ว  ทางด้านการกุศลเจ้าตัวก็จัดเต็มไม่แพ้กัน  จากที่คิดว่าจะเป็นแค่น้ำแข็งถังเดียวเหมือนอย่างที่เขาทำ กลับกลายเป็นอลังการกว่านั้นเยอะ  คาดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะวางแผนมาเป็นอย่างดีทั้งพล็อตและคอสตูมขนาดนี้

 

“ บ..เบน  นี่นายเอาจริงอะ? ”  ทอมวางสคริปต์ลงอย่างเชื่องช้า  ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่อ่านไปเมื่อครู่และคำอธิบายการทำงานจากอีกฝ่าย

 

“ เอาจริงสิทอม  นี่! แล้วนายก็มาเป็นตากล้องนะ ”  เขาปล่อยให้เบนอธิบายยาวเหยียดอยู่อย่างนั้น  นัยน์ตาหลากสีนั่นเป็นประกายวาววับ ..เด็กน้อยชะมัด

            แล้วเขาจะกลั้นขำตอนที่ต้องถ่ายให้ยังไงดีวะ??

.

.

 

            ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นไปตามคาด  คลิปราดน้ำแข็งการกุศลของเบเนดิกต์นั้นเป็นที่ฮือฮาอย่างมากหลังจากที่ถูกเผยแพร่ออกไป  ก็แน่ล่ะ.. เล่นล่อน้ำแข็งไปถึงห้าถัง  สละชุดสูทของตัวเองมาชุดหนึงแถมยังมีหลายโลเคชั่นอีกต่างหาก  ที่สุดของที่สุดก็คงไม่พ้นทิ้งซากชั้นในสีเทาให้คนดูได้ยลกัน

            อ่า.. ขึ้นชื่อว่าเบเนดิกต์  คัมเบอร์แบทช์นี่ไม่เคยมีอะไรธรรมดาเลยจริงๆสินะ

 

“ เอาล่ะ.. ตามที่สัญญากันไว้  ข้อแม้ของฉันน่ะ ”  เบเนดิกต์เดินตรงเข้ามาใกล้  กลุ่มผมยังคงชื้นอยู่จากการราดน้ำแข็ง  ผ้าขนหนูถูกวางพาดบนลาดไหล่

 

ทอมเลิกคิ้วขึ้น   “ จะให้เช็ดผมให้เนี่ยนะ? แค่นี้เอง? ”  ก็เขานึกว่าจะอะไรมากมายซะอีก

 

“ ไม่ใช่ซะหน่อย ฮ่าๆๆ ” เบเนดิกต์ขำพรืด  มองหน้าเขาทั้งที่รอยยิ้มจากการหัวเราะยังคงค้างอยู่  “ นี่ต่างหาก ” ว่าพลางก็แตะนิ้วลงบนริมฝีปากของตัวเอง

 

เพียงเท่านั้นทอมก็รู้สึกว่าความร้อนผ่าวพร้อมใจกันมาครอบครองใบหน้า

“ เอ่อ.. ทีมงานคนอื่นยังอยู่ข้างนอกนั่นนะเบน ”  ทอมถอยฝีเท้าอย่างไม่รู้ตัว

 

เขาลืมบอกไปอย่างนึง.. นอกจากจะมีตำแหน่งเพื่อนบ้านพ่วงเพื่อนรักแล้ว  ทอม ฮิดเดิลสตันคนนี้ก็ยังมีตำแหน่งคนรักด้วยอีกต่างหาก

 

“ ข้างนอกก็ข้างนอกสิ  นี่ก็มีกันแค่สองคน  จะอายอะไรล่ะหือ? ”    

 

และต่อให้เบเนดิกต์คนซื่อนั่นจะถูกเขากลั่นแกล้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม  แต่พอเรื่องพวกนี้ทีไร.. กลับกลายเป็นว่าเขาถูกแกล้งประจำ  ทีพอจะถึงเนื้อถึงตัวกับเขานี่ไม่เห็นมีอายเหมือนตอนสัมภาษณ์ถึงเจมส์ แมคอะวอยบ้างเลย!

 

“ ทำเหมือนไม่เคยจูบกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ ”

ทอมบ่นอุบ ทว่าสุดท้ายก็จำยอมดึงชายผ้าขนหนูที่พาดไหล่นั่นให้อีกคนเข้ามาใกล้  ไหนๆก็ไหนๆแล้วอ่ะนะ.. เบนถึงขึ้นทุ่มทุนกับคลิปตั้งห้าน้ำเชียวแน่ะ  ให้รางวัลสักหน่อยก็ไม่เสียหาย.. ใช่มั๊ยล่ะ?

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

TALK TO WRITER:

ในที่สุดก็ได้แต่งคู่นี้ที่เป็น RPF ซะที หลังจากมีแต่ฟิคที่อยู่ในบทมานาน ๕๕๕๕

เป็นฟิคที่ไม่ได้พิถีพิถันในการแต่งมาก  เอาความฟินจากการดูคลิปเมื่อวานมาล้วนๆ วนลูปฟังเสียงพี่เบนพูด yeah Tom yeah อยู่หลายรอบมาก -/////-

กราบขอบคุณพี่ทอม และเกมส์การกุศล(ที่ทำให้เราจิตอกุศล)มา ณ ที่นี้ค่ะ กร๊ากกก

SF: Everything I had done, it was all for you (Sherlock Holmes/Loki)

Title: Everything I had done, it was all for you.

Pairing: Sherlock Holmes/Loki

Genre: Angst

Author: KuNgWoN

 

 Everything I had done, it was all for you.

 

            เรียวมือแกร่งโยกคันชักของเครื่องดนตรีคู่ใจอย่างชาญชำนาญ  บรรเลงท่วงทำนองโศกซึ้งให้ล่องลอยทั่วอณูของห้องพัก  นัยน์ตาหลากสีจับจ้องยังทัศนียภาพภายนอกผ่านหน้าต่างบานใหญ่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะพริ้มหลับลงสดับฟังเพื่อให้ห้วงคำนึงอันกระหายซึ่งการแก้ไขปัญหาตลอดเวลานั้นสงบ

            ทว่าเพียงไม่นานนักความคิดเรียบนิ่งเหล่านั้นก็พลันแตกกระจายยามเมื่อเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังแทรกเข้ามา  โสตรับรู้และการอนุมานอันเป็นเลิศของชายหนุ่มทำให้เขาล่วงรู้ได้ว่ารูปร่างของใครคนนั้นไม่ใกล้เคียงกับคุณนายฮัตสันหรือว่าจอห์นเป็นแน่

 

เรียวมือชะงักการบรรเลงลงทันที  ร่างสูงโปร่งหันกายมาเผชิญกับอาคันตุกะปริศนา ..และเมื่อพบว่าบุคคลผู้นั้นคือใคร  ชายหนุ่มก็แทบอยากจะพลิกหน้าหนี

 

..นี่จะตามรังควาญกันไม่เลิกใช่มั๊ย?!..

 

 

“ หยุดเล่นทำไมเสียล่ะ? เจ้าบรรเลงได้ไพเราะทีเดียว ”

 

“ ฉันเบื่อ.. ”  นักสืบหนุ่มกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะวางสตราดิวาเรียสลงยังที่เก็บ  เคลื่อนกายผ่านร่างของเทพจอมลวงอย่างไม่ใยดี  แล้วจึงหย่อนตัวเอนราบลงกับโซฟาติดผนังที่ประจำของตน  จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้เชอร์ลอคจะเฝ้ากระหายการได้พบเจอกับโลกิยิ่งนัก  ทว่าฝ่ายนั้นก็ตามติดซะเหลือเกินจนความต้องการเหล่านั้นจึงค่อยลดทอนลงไป

 

..และบางทีเชอร์ลอคก็แอบคิดไปว่าอีกฝ่ายนั้นก็น่าเบื่อหน่ายไม่ต่างจากพวกคดีที่ไขอย่างง่ายดายเอาเสียเลย..

 

“ ข้าว่าความคิดของเจ้าคงผิดพลาดไปนะ ” 

 

ราวกับจะรู้ซึ่งสิ่งที่นึกคิดอยู่ภายในใจ  นักสืบหนุ่มยันกายขึ้นมาครู่หนึ่ง  ชะงักกับสิ่งที่ตนสามารถอนุมานได้จากเทพตรงหน้า  ก่อนจะเอนลงตามเดิม

“ ทะเลาะกับพ่อหรือว่าพี่ชายล่ะ? ”

 

นี่คงเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งกระมังที่เชอร์ลอคพอจะอนุมานอะไรจากโลกิได้บ้าง  นั่นทำให้เทพจอมลวงถึงกับนิ่งงันในคำถาม..

“ คงไม่ใช่พี่ชายของนายอยู่แล้วล่ะ รายนั้นเขาจะไม่ทำร้ายนายถ้าไม่จำเป็น ถึงแม้เจ้าตัวจะเป็นคนใจร้อน ทำอะไรไม่คิดก็เถอะ ส่วนพ่อของนาย ไม่สิ.. ต้องบอกว่าเป็นพ่อเลี้ยง เล่นไม้แข็งตลอดให้สมกับเป็นราชาแอสการ์ด ฉะนั้นรอยแผลนั่นน่าจะมาจากพ่อเลี้ยงของนายมากกว่า ”

 

เทพมุสาขี้คร้านจะต่อปากต่อคำกับนักสืบหนุ่มแล้ว  เพียงแค่สิ่งที่พบเจอมานั้นก็ทำให้เหนื่อยใจมากเกินพอ  วรองค์สูงโปร่งหย่อนกายลงบนโซฟาข้างกัน  เอนศีรษะแนบพิงลาดไหล่ของฝ่ายนั้นโดยไม่นึกเกรงว่าเจ้าตัวจะถือหรือไม่  ซึ่งเชอร์ลอคเองก็แทบจะแย้งอยู่แล้วเชียว  หากแต่เป็นอันต้องชะงักเมื่อนัยน์ตาหลากสีเลื่อนเห็นสิ่งหนึ่งที่เขาสังเกตได้ตั้งแต่มาแรกเริ่มในการเจอโลกิอย่างชัดเจน

            ..มันคือร่องรอยบอบช้ำบนใบหน้า..

 

“ ข้าขอพักตรงนี้สักครู่หนึ่งนะ ”  ว่าจบนัยน์ตาสีมรกตจึงพริ้มหลับลง..

 

เชอร์ลอคนิ่งเฉยไม่ได้ปฏิเสธ..  ที่ผ่านมาเขาอาจไม่เคยสนใจเรื่องเล่าเกี่ยวกับทวยเทพหรือความรู้ทางด้านดาราศาสตร์เอาเสียเลย  เชอร์ลอคไม่สนใจว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์เสียด้วยซ้ำ  เพราะเขาคิดว่ามันไร้ซึ่งความจำเป็นที่เขาจะต้องรู้และมันก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการไขคดีของเขาเพิ่มขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

หากแต่บุคคลที่เขากำลังสนใจในขณะนี้กลับเกี่ยวเนื่องกับทั้งสองศาสตร์ที่เขาไม่คิดจะศึกษาเลยทั้งสิ้น  ซึ่งนั่นทำให้เชอร์ลอคต้องสืบค้นเรื่องราวเหล่านี้จนคนรอบข้างถึงกับประหลาดใจ

 

เชอร์ลอครู้ว่าโลกิไม่ค่อยถูกกับบิดาและผู้เป็นพี่ชาย.. และการที่หลบเลี่ยงการตอบคำถามของเขานั่นก็ชัดเจนแล้วว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นที่แอสการ์ดอย่างแน่นอน

 

“ ถ้าไม่มีอะไรล่ะก็.. มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย  ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนายนะ ”

ได้ยินแล้วคนฟังก็รู้สึกร้าวรานในอกไม่น้อยกับการผลักไสไล่ส่งกันเช่นนี้  เนื่องด้วยโลกิเองหาได้เคยมีเจตนาร้ายใดๆ  ..ทั้งที่เจ้าเคยรักและยอมทุกอย่างเพื่อข้าแท้ๆ..

 

“ ตัวข้าเองน่ะไม่มีอะไรมากหรอก เจ้าต่างหากล่ะที่มี ”

 

นัยน์ตาหลากสีลอบมองคนข้างกาย พยายามเก็บซ่อนความลังเลเอาไว้ภายใน  “ ไม่ต้องมาหาเรื่องฉัน กลับไปซะ!

 

ทันใดนั้นเองที่โลกิพลิกกายหันมาทางฝ่ายนักสืบหนุ่ม  สองแขนกางกั้นขอบโซฟาไว้ให้เชอร์ลอคอยู่ภายใต้อาณัติ  ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้กันจนแทบจะแนบชิด นัยน์ตากลมโตสีมรกตทอแววเศร้าสร้อย   “ ความอ้างว้างในใจของเจ้า อย่าปฏิเสธเลยว่ามันไม่มี..

 

“ อดีตเพื่อนร่วมชายคาของเจ้ากับความรักครั้งใหม่.. ” น้ำเสียงของเทพจอมลวงแตกพร่าเล็กน้อย  “ มันเป็นเพราะตัวเจ้าเองนะเชอร์ลอค.. ความเจ็บปวดทางใจที่เจ้าก่อขึ้นมันเกินจะอภัย ”

 

“ เจ็บปวดสินะ.. เสียใจสินะ.. ที่ถูกแย่งคนสำคัญไปเช่นนี้ ”

 

นัยน์ตาหลากสีจ้องมองใบหน้าของคนที่เข้ามาประชิดอย่างแข็งกร้าว  “ ทุกอย่างที่ฉันทำ.. ฉันทำก็เพื่อจอห์น ”

 

โลกิรู้สึกเหมือนลำคอของตนฝืดเฝื่อนไปหมดจนเค้นคำพูดได้ยากลำบาก  ..ถ้าหากเจ้าจะรู้เพียงสักนิดว่าเจ้าฮอบบิทตนนั้นเป็นสาเหตุให้เจ้าต้องตายในอดีตชาติ  เจ้าจะยังรักและปกป้องมันเช่นนี้หรือไม่?

 

หัตถาสั่นเทาเลื่อนแตะตรงข้อมือของนักสืบหนุ่ม.. ใช้วิธีเดียวกันกับที่เชอร์ลอคเคยทำเพื่อพิสูจน์ความรู้สึกจากไอรีน แอดเลอร์ ..ภายใต้ความเงียบงันอันขมขื่นนั้นเอง มีเพียงเสียงชีพจรที่ระรัวกึกก้อง

 

“ ฉันพยายามแล้วที่จะตัดความรู้สึกนี้ออกไปเหมือนเวลาที่ฉันทำกับข้อมูลบางอย่างในหัว  โลกิ.. ฉันขอโทษ  ฉันอาจจะสนใจนาย แต่.. ฉันรักจอห์น..

 

นักสืบหนุ่มเจ็บแปลบขึ้นมาในอกเนื่องด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้น  เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้เพื่อแนบแตะเรียวปาก ..ไร้ซึ่งการรุกล้ำใดๆ  คล้ายดั่งเพียงแค่จะเรียกร้องคำขออภัยผ่านความโค้งหยุ่น  ท่อนแขนเลื่อนขึ้นโอบล้อมร่างแห่งเทพนั่นไว้ ..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่โลกิรู้สึกใจเต้นแรงกับอ้อมกอดจากคนตรงหน้า  เขาสัมผัสมาแล้วนับพันครั้งจากคนเดียวกันในอดีตชาติ 

หากทว่าอ้อมกอดเหล่านั้นเปี่ยมด้วยรัก  หาใช่แผ่วจางและคล้ายจะแตกสลายได้ทุกเมื่อเช่นนี้..

 

“ นายก็รู้ใช่มั๊ยว่าความรักเป็นเรื่องอันตรายแค่ไหน..

 

“ ข้ารู้ถึงพิษสงของมันเป็นอย่างดี..

เหมือนดั่งที่โลกิกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้.. ความเศร้าโศกไม่เคยช่วยอะไร  ความดีไม่อาจแลกรัก และความรักก็ไม่อาจแลกมาด้วยความรักที่เสมอเท่าเทียมกัน.. ต้องมีใครคนหนึ่งที่รักมากกว่าและเจ็บมากกว่า

 

“ ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าอย่างนึงนะเชอร์ลอค.. ” หยาดน้ำที่ท่วมท้นร่วงหล่นจากนัยน์ตาสีมรกต  สุรเสียงสั่นเทาจากการสะอื้น หากแต่เชอร์ลอคได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

“ ทุกสิ่งที่ข้ากระทำ  ทุกความวุ่นวายที่ข้าก่อ.. ข้าทำก็เพื่อเจ้าเช่นกัน..

 

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 TALK TO WRITER:

นานมากกว่าจะปั่นจบ(เพราะอู้นั่นเอง)

ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้มันดราม่าขนาดนี้เลยนะคะ ฮฮฮฮ แต่คิดว่าจบแบบนี้นั่นแหละดีแล้วเนอะๆ ;;w;;

SF: Breaking your cold, cold heart (Khan/Loki)

Title: Breaking your cold, cold heart

Pairing: Khan Noonien Singh/Loki

 

Breaking your cold, cold heart

 

            ในขณะที่บนหน้าปัดนาฬิกาบ่งบอกเวลาผ่านเลยสามทุ่มมาเล็กน้อยนั้นเอง.. ม่านฝนเบื้องนอกบางเบาลงบ้างแล้ว  ชายร่างสูงโปร่งก้าวตรงเข้ามาในตัวร้าน  หุบร่มสีเข้มในมือลงก่อนจะจัดแจงผ้าพันคอสุดรักให้เข้าที่เข้าทาง  นัยน์ตาหลากสีมองรอบ  ร้านอาหารแห่งนี้มีผู้คนเพียงประปรายเท่านั้น

            นักสืบหนุ่มหยุดสายตายังโต๊ะตัวหนึ่งที่เขาอนุมานได้จากขวดไวน์บนโต๊ะรวมทั้งเก้าอี้ซึ่งไม่ยังถูกจัดให้เข้าที่นั้นได้ว่าจะต้องมีลูกค้าเพิ่งออกไปเป็นแน่.. และโต๊ะนั้นก็ไม่ได้มีลูกค้าเพียงคนเดียวเสียด้วย

 

..นัดไว้เองแล้วให้มารอเหรอ?.. ใช้ไม่ได้!..

 

            เชอร์ลอคกลับเลือกที่จะนั่งรอยังโต๊ะที่เพิ่งถูกใช้งานนั้นเอง  บอกกับพนักงานรับเมนูว่าเขาจะสั่งอาหารก็ต่อเมื่อคนที่นัดไว้มาถึง  นักสืบหนุ่มหลับตาลงเพื่อไม่ให้ตนเองวอกแวกไปกับการสังเกตผู้คนในแห่งนี้  พยายามละเลียดเอาอากาศเย็นเยียบโดยรอบเพื่อสงบจิตใจอันร้อนรุ่ม

เขากระตือรือร้นยิ่งนักที่จะได้ติดต่อกับเทพจอมลวงนั่นอีกครั้ง  ความสนใจของเขาถูกกระตุ้นได้ดีเสียยิ่งกว่าการไขคดีใดๆที่เคยเผชิญ.. ความลึกลับและเรื่องราวที่ฝ่ายนั้นทิ้งไว้ทำให้เขาแทบคลั่ง

 

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงก็กลับยังคงไร้วี่แววจากเทพยุโรปเหนือ.. เชอร์ลอคก็ไร้ซึ่งความอดทนอีกต่อไป

 

..นายมันยิ่งกว่าน่าเบื่อซะอีกโลกิ!  แต่ฉันสาบานว่าฉันจะต้องได้เจอนายอีกครั้งให้ได้..

           

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

..ไม่เคยมีความผิดครั้งใดที่ทำให้จิมทุกข์ใจได้ขนาดนี้..

 

            นัยน์ตาสีไพลินจับจ้องอย่างเหม่อลอยยังร่างของลูกเรือหลายรายที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก  มันเป็นเพราะเขาเองแท้ๆที่ยอมปล่อยตัวจอห์น  แฮร์ริสันหรือชื่อใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักว่าข่านนั้นออกมา  เพราะจิมคาดไม่ถึงว่าอาชญากรผู้นั้นจะทรยศพวกเขาแบบนี้ 

และถึงแม้ฝ่ายนั้นจะไม่ได้ลูกเรือที่ถูกแช่แข็งเหล่านี้กลับไปยังต้องการ  หากแต่การที่ข่านสามารถหลบหนีไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย

 

..จะต้องมีอีกกี่คนที่ตาย..อีกกี่คนที่ถูกทำร้าย..

           

            ยิ่งไปกว่านั้น..  ไม่ได้มีเพียงข่านที่หายไปจากยานลำนี้  หากทว่าฝ่ายนั้นยังได้เอาบางสิ่งติดมือไปด้วย.. บางสิ่งที่พวกเขาพบเจอบนดาวร้างและคิดจะนำมันไปสู่ฐานของสตาร์ฟลีทเพื่อทำการตรวจสอบ  พวกเขายังไม่รู้หรอกว่ามันสร้างโทษหรือประโยชน์อันใด  เขาหวาดเกรงเหลือเกินว่าการที่ข่านนำมันไปเช่นนี้ย่อมต้องสร้างหายนะเป็นแน่

 

..มันคืออัญมณีสีส้ม..

 

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

            เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำตามพื้นถนนชื้นแฉะอย่างเร่งรีบดังสะท้อนทั่วตรอกขนาดเล็กแห่งหนึ่ง  ก่อนที่มันจะหยุดลงเมื่อโลกิได้พบกับบุคคลที่เขาตัดสินใจตามออกมาจากร้านเสียที  ชายผู้นั้นหันมองมาก่อนจะเหยียดยิ้มขึ้น.. ไร้ซึ่งความเป็นมิตร  มีเพียงความพึงพอใจที่แสดงออกมา

 

“ ผมดีใจที่คุณเลือกถูกนะคุณโลกิ ”  เสียงทุ้มเย็นเยือกกล่าวเนิบช้า 

 

“ ก็.. ข้าต้องการเจ้า ”

 

“ ดีมาก.. ” ชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาชญากรตัวฉกาจตรงเข้าประชิด  กระทั่งว่าระยะห่างระหว่างกันและกันนั้นเหลือเพียงนิด  ข่านเอื้อมไปคว้าเรียวมือของเทพจอมลวงขึ้นมา  โอบอุ้มอย่างทะนุถนอม  ก่อนจะประทับริมฝีปากผะแผ่วลงบนแพนิ้วเรียวสวย  “ ผมจะช่วยคุณ ”

 

ราวกับมีกระแสบางอย่างแล่นผ่านทั่วร่าง  โลกิตะลึงงัน  การกระทำอ่อนโยนทั้งยังความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากเรียวปากคดโค้งทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก  ครั้นพอตั้งสติขึ้นได้จึงรีบขืนมือกลับ  โลกิต้องย้ำเตือนตนเองตั้งอีกกี่ครั้งกี่หน.. ว่าคนทั้งคู่ที่เขาได้เจอนั้นหาใช่คนเดียวกันกับสม็อก.. ทั้งสองไม่ใช่คนรักของเขา..  

 

“ เอาล่ะ.. คุยกันตรงนี้คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่ ”  ข่านล้วงหยิบเอาบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นสร้อยคอออกมา สิ่งที่ห้อยอยู่ตรงปลายนั้นสะกดนัยน์ตาสีมรกตให้จับจดอย่างไม่กะพริบ.. มันคืออัญมณีสีส้ม

 

ทว่าก่อนที่จะได้ทันทักท้วงอะไรนั้นเอง  แสงสว่างจ้าก็พลันปรากฏขึ้นรอบกาย นำพาทั้งคู่เดินทางสู่อนาคตกาล

 

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

            บรรยากาศภายในยานอวกาศขณะนี้มีเพียงความเงียบงันที่ยิ่งก่อตัวหนักหน่วงขึ้นจนน่าอึดอัด  โลกิซึ่งยืนพิงผนัง ณ มุมหนึ่งของห้องสบมองอีกฝ่ายที่กำลังง่วนอยู่กับแผงควบคุมยาน เขายังคงมีความสงสัยเกี่ยวกับอัญมณีสีส้มที่ฝ่ายนั้นครอบครองอยู่  เพียงครู่หนึ่ง.. ข่านจึงค่อยหันเก้าอี้เลื่อนมาเผชิญหน้ากัน

 

“ ผมมีเรื่องอยากจะถามอย่างนึงนะคุณโลกิ ”  คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความฉงน  “ เลือดของผม.. คุณไม่ได้เอาไปใช้กับตัวเองใช่มั๊ย? ”

 

“ ข้า.. เอ่อ.. ใช่ ”  โลกิไม่อาจหาญจะเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาหลากสีคู่นั้นได้เลย.. เขาไม่อยากแสดงซึ่งความอ่อนแอในจิตใจให้ใครเห็นทั้งนั้น   “ ข้าอยากช่วยคนที่ข้ารัก  เหมือนกับเจ้านั่นแหละ.. ที่เจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อลูกเรือของเจ้าทั้งนั้นไม่ใช่รึไง? ”

 

ข่านคิดว่าเขาไม่จำเป็นนจะต้องตอบคำถามนี้ในเมื่อเทพจอมลวงนั้นรู้ดี   “ คุณรู้มั๊ยว่ามันไม่คุ้มกันเลย.. ผมได้แค่ลูกเรือซึ่งมันสมควรจะเป็นสิทธิ์ของผมตั้งแต่แรกกลับมา  แต่สิ่งที่คุณได้นั้นเป็นถึงเลือดของผม.. ซึ่งคุณอาจจะเอามันไปใช้ทำอย่างอื่นอีกก็ได้ ”

 

“ ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใดนอกเหนือจากลูกเรือและยาน? ”

 

อาชญากรเหนือมนุษย์เหยียดยิ้มที่มุมปาก  “ พลังอำนาจเพื่อสิ่งที่ดีกว่าไงคุณโลกิ ”  จากนัยน์ตาหลากสีที่เบือนมองยังคทายอดโค้งในมือ  ทำให้โลกิล่วงรู้ได้ทันทีว่าข่านต้องการสิ่งใด และเขาจะไม่ยอมเป็นแน่.. สิ่งนี้มันหนักหนาเกินไป

 

..ถ้าหากข่านคิดจะฆ่ามนุษย์.. บุคคลหนึ่งก็จะต้องหายไป..

 

“ เจ้าต้องการจะใช้พลังจากอัญมณีเหล่านี้?! ”  โลกิไม่เคยคาดเดาความคิดผู้ใดได้ผิดพลาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน.. เขารู้ว่าผู้ที่โหยหาความยิ่งใหญ่อย่างข่านจะนำเอาพลังอำนาจจากอัญมณีทั้งเจ็ดแห่งจักรวาลเพื่อการทำลายและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า.. เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองนั้นอยู่เหนือกว่าทุกคน

 

หนึ่งในอัญมณีที่กล่าวถึงเหล่านั้นอยู่ ณ ปลายยอดคทาของเขานี่เอง  อีกหนึ่งก็คือเทสซาแรค  และถ้าหากโลกิคาดการณ์ได้ไม่ผิด.. อัญมณีที่ปลายสร้อยของข่านก็คงจะเช่นเดียวกัน

 

“ คุณจะร่วมมือกับผมก็ได้.. การเป็นราชาคือสิ่งที่คุณปรารถนามาตลอดไม่ใช่หรอ? ”  รอยยิ้มที่เคยปรากฏเพียงแค่มุมปากคลี่แย้มออกกว้างขึ้น ..เหมือนข่านจะรู้ดีว่าควรจะใช้วิธีใดในการเจรจากับโลกิให้ได้ผล 

 

เพราะเพียงแค่เทพจอมลวงได้เห็นแววเปี่ยมรักภายในนัยน์ตาที่ข่านแสร้งแสดงแล้ว  โลกิก็แทบจะเป็นดั่งขี้ผึ้งลนไฟ.. เขาไม่อาจอดหวนนึกถึงสม็อกได้เลย  เขาต้องเตือนตนเองอีกครั้ง.. คนตรงหน้าเขาในขณะนี้ทั้งโหดเหี้ยมและร้ายกาจกว่านั้นยิ่งนัก

 

“ ถ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือซากศพแล้วเจ้าจะได้อะไร?!  สิ่งที่ข้าต้องการคือการให้ทุกคนสยบแทบเท้าข้าด้วยความจำนนต่างหาก! ” เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกล้ำกลืนความขมขื่นภายใน

 

“ ที่แท้เจ้ามันก็ปีศาจนี่เองข่าน.. จิตใจเจ้ามีแต่ความกระหายไม่หยุดหย่อน ”

 

ทันใดนั้นเองที่ร่างสูงโปร่งตรงเข้ากระโจนด้วยความเกรี้ยวกราด  ประชิดร่างของเทพมุสาจนแนบติดกับผนัง  มือข้างหนึ่งคว้าหมับที่ลำคอด้วยแรงเหนือมนุษย์  “ ปีศาจงั้นหรอ?  ใครกันแน่ที่เป็น..

 

เรียวปากนุ่มหยุ่นแตะแนบใบหูของผู้ที่อยู่ในอาณัติ  กล่าวถ้อยคำเจ็บช้ำ  “ แล้วใครกันที่มีความโลภมากมายถึงขั้นทำให้คนรักเผาทำลายเมืองแล้วยึดเอามาเป็นของตัวเอง ใครกันที่ทำให้เจ้ามังกรนั่นต้องตาย?!  ก็เอาสิ.. ลองปฏิเสธผมมาสิว่าคุณมันไม่ใช่ปีศาจ! ”  

 

หยาดน้ำร่วงหล่นจากนัยน์ตาสีมรกตไม่ทันตั้งตัว  โลกิเคยใช้วาจาของตนทำร้ายผู้อื่นมานักต่อนัก  ในตอนนี้ที่ถึงคราวเขาโดนเองบ้างจึงรู้รสว่ามันเจ็บเจียนตายเพียงใด 

 

“ โอ.. ผมไม่อยากจะทำแบบนี้เลยนะคุณโลกิ ”  ข้อนิ้วแกร่งไล้ลงมาตามวงหน้าเรียว   “ ทั้งที่ผมออกจะสนใจคุณขนาดนี้..

 

“ ผมชักอยากจะพิสูจน์ซะแล้วว่าเทพตายได้รึเปล่า ”

 

            แรงบีบมหาศาลถูกกดลงมาที่บริเวณลำคออย่างไม่ปราณี  ขณะเดียวกันที่เรียวปากทาบทับ  บดเบียดรุนแรง  ช่วงชิงเอาอากาศในการหายใจจากในโพรงปาก  โลกิพยายามดิ้นสุดแรง  เบี่ยงใบหน้าหนีจาก ทว่าก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการหนาแน่นนี้ได้เลย

 

“ ฮื่อออ.. ..ปล่อย..

 

โลกิเค้นเสียงกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก คทาในมือร่วงหล่นยังพื้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  หากแต่ข่านก็ไม่ได้เบนความสนใจของตนไปหามัน  ชายหนุ่มยังคงจับจดอยู่กับการสังหารเทพตรงหน้า.. ด้วยการมอบสัมผัสอันป่าเถื่อนและโหดร้าย..

 

“ คุณมันก็อ่อนแอไม่ต่างจากมนุษย์พวกนั้น ”

ด้วยพละกำลังที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างมหาศาล  สองมือยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้น  เรียวปากเหยียดยิ้มอย่างพึงใจที่สามารถเอาชนะเทพจอมลวงผู้เคยหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีได้  บัดนี้กลับกำลังดิ้นรนให้หลุดพ้นอย่างน่าสงสาร

 

เหนือกว่าความเจ็บปวดทางกาย.. คือความร้อนรุ่มอันแสนทรมานที่มอดไหม้จิตใจให้แหลกลาญ  ราวจะเป็นผลจากเวรกรรมที่เขาเคยสร้างมันไว้กับมังกรแห่งมัชฌิมโลก

 

 

เปรี้ยง!!

 

            ทันใดนั้นเองที่พลังจากปลายโค้งของยอดคทาพุ่งตรงยังร่างของอาชญากรโฉดจากทางด้านหลัง  แรงปะทะมหาศาลนั้นทำให้ข่านหมดสติล้มลง  พร้อมด้วยการปรากฏกายของเทพจอมลวงจากอีกที่หนึ่ง  รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยกระจายบนใบหน้า  โลกิย่างกรายเข้าใกล้ร่างนั้นอย่างแช่มช้า

 

“ เจ้าพูดถูกแล้วล่ะข่าน  ข้ามันปีศาจ.. ”  เขาหย่อนกายลง  กล่าววาจาอันสาแก่ใจแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยินก็ตาม  “ และข้าก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่เจ้าคิดด้วย ”

 

นัยน์ตาสีมรกตเลื่อนมองยังบางอย่างที่มีในตัวของฝ่ายนั้น.. บางอย่างที่ล้ำค่ายิ่งนัก  “ ตอนนี้ข้าไม่อยากได้เลือดของเจ้าแล้วล่ะ  เพราะข้าเจอสิ่งที่ดีกว่านั้นแล้ว ”  ก่อนจะออกแรงกระชากสร้อยที่ลำคอนั่น  อัญมณีสีส้มทอประกายวาววับอย่างน่าหลงใหล.. อัญมณีที่มีพลังทำให้เขาควบคุมมิติกาลเวลาได้

 

เฉกเช่นเดียวกันกับผลึก ณ ยอดคทาของเขาเอง.. ซึ่งมีพลังในการควบคุมจิตใจของผู้คน

..เหลืออีกห้าที่โลกิยังมิได้ครอบครอง.. อันจะนำพามาซึ่งความยิ่งใหญ่ และจะไม่มีผู้ใดพิชิตเขาได้

 

“ จงหลับไปตลอดกาลเช่นเดิมเสียเถิดข่าน  อย่าได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย ”  ก่อนจะตรงไปยังแผงควบคุมของยาน  ถึงเวลาแล้วที่อาชญากรผู้นี้ควรจะได้รับโทษที่ก่อไว้   “ ตั้งเป้าหมายเป็นฐานบัญชาการสตาร์ฟลีท ”

 

ระบุเป้าหมายฐานบัญชาการสตาร์ฟลีท  โปรดยืนยัน

 

“ ยืนยัน ”

 

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

.

 

.

 

ยังหรอก..

 

           

            ม่านควันสีเทาขุ่นลอยล่องแผ่วจางในอณูอากาศ  นักสืบหนุ่มยกบุหรี่ที่คืบอยู่ตรงข้อนิ้วขึ้นรับเอากลิ่นหวานฉุนอีกครั้ง  ความอุ่นร้อนที่กระจายทั่วใบหน้าและลำคอช่วยต้านอากาศหนาวเหน็บรอบกายได้อย่างดี  เชอร์ลอคจัดแจงผ้าพันคอของตนให้กระชับแน่น  ก่อนจะเอนศีรษะพิงกับเก้าอี้ตัวยาวในสวนสาธารณะ

            นัยน์ตาหลากสีพริ้มปิดลงเนื่องด้วยไม่ต้องการจะจ้องมองกับแสงไฟจากเสาต้นสูงนี้โดยตรง  เพียงครู่หนึ่งนั้นเอง.. เสียงย่างฝีเท้าของบุคคลหนึ่งที่ก้าวเข้ามาใกล้ก็ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง

 

เพียงแค่ได้เห็นว่าคนนั้นคือใคร  ใบหน้าของนักสืบหนุ่มก็พลันเรียบตึงอย่างไม่สบอารมณ์   “ นายผิดนัดฉัน ”

 

เมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจอย่างเด็กน้อยนั่นแล้ว  โลกิอดไม่ได้ที่จะลอบอมยิ้ม  “ งั้น.. ข้าขอโทษเจ้าก็แล้วกัน ”  แม้จะเป็นการขออภัยที่ดูไม่จริงจังเอาเสียเลยก็ตาม รู้ดีว่าถึงอย่างไรแล้วพ่อนักสืบหัวรั้นก็คงไม่ต้องการจะฟังอยู่แล้ว  

 

“ เหอะ.. ” 

 

“ ข้ารู้หน่าว่าเจ้าอยากจะเจอข้า  เป็นไง?  ไม่คิดถึงกันเลยรึไง? ”

 

..คิดถึงจะแทบจะบ้าตายเลยแหละ.. เจ้าเทพกวนประสาท!..

 

เชอร์ลอคยังคงนิ่งเงียบด้วยถือทิฐิในตนเอง  ก้มหน้าก้มตาง่วนกับบุหรี่ในมือครั้งแล้วครั้งเล่าจนโลกิเริ่มจะเหนื่อยใจ  “ ไม่คิดถึงกันจริงๆสินะ.. งั้นก็ได้ ”

 

ก่อนที่นักสืบหนุ่มจะได้ทันทักท้วงอะไร  หันมองอีกที.. ร่างของเทพมุสาก็พลันเลือนหายไปจากบริเวณนั้นเสียแล้ว  ซึ่งนั่นทำให้เขาได้แต่ขยุ้มกลุ่มผมหยักศกของตนด้วยความไม่พอใจ  ..ปัดโถ่เว้ยโลกิ!!..

 

โดยที่เชอร์ลอคไม่รู้หรอกว่า.. เทพจอมลวงผู้นั้นก็ไม่ได้ห่างจากตัวเขาเลยเท่านั้นเอง

 

THE REAL END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 TALK TO WRITER:

อะไรเอ่ยแย่งซีน? ๕๕๕๕  ดูๆไปแล้วเหมือนควรจะให้เป็นเชอร์กิ ft. ข่านซะมากกว่า

(พี่ข่าน said: ถ้าให้บทแค่นี้จะเอาตรูมาใส่ทำไม)  ขออภัยพี่ข่านงามๆแต่คาแรคเตอร์นี้นี่ยากจริงๆ TwT

ยำเละซะยิ่งกว่าตอนแรกกับตอนสองซะอีก อย่าถือสามันเลยนะคะ ถถถถถ

 

 แอบมีใส่พวกอัญมณีแห่งจักรวาลมาร์เวลไว้นี้ด้วย(ไม่แอบแล้วล่ะ ฮ่าๆ) ต้อนรับหนัง Guardians of the galaxy เบาๆ =v=

ที่จริงนอกจากเทสซาแรคแล้วก็มีอีเทอร์จากในเรื่องธอร์อีกค่ะ แต่ไม่รู้จะแทรกบอกตรงไหนดี แฮะๆ

 

ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ  ไม่มีภาคต่อแล้ว ๕๕๕

SF: My heart is all yours (Smaug/Loki)

Title: My heart is all yours

Pairing: Smaug/Loki

Genre:  Romance, Drama

 

My heart is all yours

 

..เจ้าคงลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่งเสียแล้ว..

 

            ม่านพิรุณโปรยปรายทั่วอาณาบริเวณแห่งนั้น  นัยน์ตาสีมรกตเลื่อนจากละอองน้ำที่เกาะตามแผ่นกระจกมามองยังเครื่องดื่มตรงหน้าอย่างเศร้าโศก  นาฬิกาที่แขวนบนผนังร้านอาหารบ่งบอกเวลาเพียงสองทุ่มเท่านั้น  ยังเหลือเวลาอีกนานโขกว่าที่นักสืบหนุ่มผู้นั้นจะมาตามนัดที่เขาเชิญชวน.. เวลาเหล่านั้นที่โลกิจะใช้จมจ่อมอยู่กับความคิดของตน

            นึกย้อนถึงช่วงเวลาเมื่อหลายพันปีมาแล้ว  ความทรงจำแสนหวานยังคงแจ่มชัดอยู่เสมอ  ทว่าเทพจอมลวงกลับถูกกระชากสู่ความเป็นจริงอีกครั้งด้วยประโยคจากน้ำเสียงอันคุ้นเคยที่กล่าวซ้ำไปมา

 

“ หัวใจงั้นหรอ?  นายก็รู้ว่าฉันไม่มีมัน ”

.

.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

..เราต่างขาดแคลนซึ่งความรักด้วยกันทั้งคู่..

 

            เสียงหยาดฝนที่เริงระบำอยู่ภายนอกนั่นดังก้องสะท้อนทั่วพื้นที่ห้องบรรทมอันเป็นของกษัตริย์คนแคระในอดีต  เบื้องล่างผืนม่านรอบเตียงสี่เสานั้นปรากฏเป็นร่างเปลือยเปล่าที่กอดก่ายกับหมอนข้างภายใต้ผ้านวมหนานุ่ม  แม้จะล่วงเลยยามอรุณมาครู่ใหญ่แล้ว  ทว่าบุคคลนั้นกลับยินดีจะนิ่งเฉยและสดับฟังเสียงนั้นอย่างเพลิดเพลิน

 

“ ตื่นเถิดท่านโลกิ ”  อีกร่างหนึ่งแหวกผืนม่านตรงเข้ามาใกล้  หากแต่โลกิยังไม่ยอมขยับเขยื้อนใดๆ   “ ข้าเตรียมน้ำชารอท่านไว้แล้ว ”

 

“ ไม่เอา.. ข้ายังอยากอยู่ตรงนี้สักครู่ ”

 

สักครู่ของท่านมันเนิ่นนานตั้งเท่าไหร่กันเชียว?!..   มังกรในร่างแปลงนึกอยากจะเอ่ยเถียง  ทว่ากลับยอมจำนนในความเอาแต่ใจของเทพจอมลวง.. เขาชาชินกับมันเสียแล้ว

 

ปลายนิ้วละไล้ตามเรือนเกศาสีรัตติกาลครั้งแล้วครั้งเล่า  นัยน์ตาหลากสีสำรวจถ้วนทั่ววงหน้าพริ้มเพราของผู้ที่หลับใหล  กระแสรักเอ่อล้นจากประกายสุกในภายในนั้นอย่างปิดไม่มิด

 

“ หากเจ้ายังมองหน้าข้าอยู่เช่นนี้  ข้าจะข่มตาหลับได้อย่างไร? ”  น้ำเสียงจริงจังนั่นทำเอาเรียวมือที่กำลังสางกลุ่มผมนุ่มเป็นอันหยุดชะงัก  ทว่าเมื่อพบเจอกับนัยน์ตาสีมรกตที่มองมาแล้ว  สม็อกจึงได้รู้ว่านั่นเป็นเพียงการหยอกเย้าเท่านั้น

 

            นัยน์ตาสองคู่นั้นสบกันเนิ่นนานเพียงใดไม่อาจรู้..  จนกระทั่งว่าเสียงหยาดฝนภายนอกนั่นคล้ายจะแผ่วเบาลงไป  มังกรหนุ่มเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้หมายจะทาบทับเรียวปากของอีกฝ่าย.. ความนุ่มหยุ่นที่เขาได้ครอบครองมันตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา  หากทว่าไม่ทันไรนั้นเอง  ร่างในอ้อมแขนก็พลันหายวับไปต่อหน้าต่อตา

            สม็อกลอบถอนหายใจอย่างนึกเสียใจ  ก่อนเบือนสายตามองยังอีกฝ่ายที่ปรากฏร่างตรงส่วนอื่นของห้อง

 

“ เมื่อไหร่เจ้าจะตามข้าทันเสียที ฮ่าๆ ” 

 

            ในบัดนี้ร่างเปลือยเปล่านั้นถูกปกปิดด้วยชุดคลุมตัวยาวอย่างลวกๆ  นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้นวมที่หันออกยังหน้าต่างบานใหญ่อันเผยให้เห็นท้องทุ่งกว้างขวางเบื้องนอกอันขุ่นมัวด้วยม่านฝน  ความอุ่นซ่านจากน้ำชาภายในถ้วยกระเบื้องแผ่กระจายทั่วโพรงปากและลำคออย่างเชื่องช้า

 

สำหรับสม็อกที่ยังคงนั่งบนตำแหน่งเดิมข้างเตียงนั้น.. ภาพที่เห็นตรงหน้านับว่างดงามไม่น้อย  ทว่าก็เป็นอันต้องใจหายเมื่อคิดนึกขึ้นได้ว่าสิทธิในการครอบครองอีกฝ่ายนั้นมีอยู่น้อยนิดเพียงใด  ..อีกไม่นานเทพองค์นี้คงจะละจากเขาไปเสีย

 

..ในใจท่านหลงเหลือความรักให้ข้าบ้างหรือไม่?.. ท่านโลกิ..

 

สม็อกเพียงแต่เก็บซ่อนคำถามนั้นไว้ในความคิดอย่างเงียบเชียบ

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

..ข้าคือไฟกัลป์.. ข้าคือ..ความตาย..

 

            มังกรร่างมหึมาร่อนกายขึ้นกลางเวหา  สยายปีกกว้างจนทองคำที่เคยหลอมละเลยติดหนึบกับมันว่อนกระจาย  ในใจคุกรุ่นด้วยความคลั่งแค้นต่อบรรดาคนแคระรวมถึงเจ้าฮอบบิทที่บังอาจมาทวงคืนบัลลังก์ถึงดินแดนใต้ขุนเขา  นึกตั้งมั่นว่าต่อให้เจ้าคนพวกนั้นจะใช้วิธีใดในการกำจัดเขา.. ก็จะไม่มีทางให้สมบัติล้ำค่าทั้งหลายถูกช่วงชิงกลับไปอย่างเด็ดขาด

 

ไม่ได้เป็นเพราะความละโมบหรือหวงแหน..

..หากแต่นึกกลัวถึงความรู้สึกของอีกคน..

 

            สม็อกหาได้ต้องการตำแหน่งราชันย์ใต้ขุนเขาหรือแม้แต่เศษเสี้ยวสมบัติใดๆในดินแดนเอเรบอร์แม้แต่น้อย  เขาทำเพื่อที่จะให้ความปรารถนาของโลกิบรรลุต่างหาก  แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าในสายตาของฝ่ายนั้นเขาอาจมีค่าเพียงแค่ข้ารับใช้คนหนึ่งเท่านั้น  ทว่าแลกกับความรักน้อยนิดที่อีกฝ่ายมีให้แล้วเขาก็ยอม..

            เขายินยอมสละชีวิตอันสงบจากดินแดนมังกรในวิทเทอร์ฮีธ  เข้าบุกยึดเอเรบอร์และเผาทำลายเมืองเดลจนสิ้น  ยอมทนแบกรับถ้อยคำสาปแช่งและความเกลียดชังจากผู้คนหลากหลาย  สม็อกจะยอมถึงเพียงนี้เพราะใครหากนั่นไม่ใช่เพราะเทพจอมลวงอย่างโลกิ.. นี่แหละคือผู้ครอบครองบัลลังก์แห่งกษัตริย์ใต้ขุนเขาตัวจริง

            และมันก็น่าน้อยใจเสียเหลือเกินที่โลกิกลับไม่มาปรากฏตัวอยู่ข้างกันในเวลาที่สม็อกต้องการเช่นนี้

 

..เขาเกลียดแสนเกลียดโลกิยิ่งนัก..

..หากแต่ก็รักมากเกินกว่าจะทำร้ายได้ลง..

 

            เสียงหวีดร้องของผู้คนหลากหลายดังระงมทั่ว  ต่างวิ่งหนีความตายที่เข้ามาเยือนกันอลหม่าน  สม็อกพยายามกลั้นเก็บความเห็นใจจนสุดลึก  ภาพตรงหน้าที่เห็นนี้ไม่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยกระทำอย่างโหดเหี้ยมเมื่อนานมา.. สิ่งที่เขาคิดว่าจะทำเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย  นัยน์ตาคมดุคู่นั้นปิดลงครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ

            หากลองนึกว่าพวกคนแคระทำสำเร็จ.. เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย..

 

            เพลิงกัลป์ช่วงโชติลุกลามตามบ้านเรือนและคร่าเอาชีวิตชาวเมืองทะเลสาบไปมากมาย  อาวุธที่เหล่านักรบพยายามสรรหามาเพื่อต่อกรก็ไม่อาจระคายผิวหนังหุ้มเกล็ดนี้ได้เลย  รังแต่จะเพิ่มเติมความรำคาญใจให้กับเจ้ามังกรมากขึ้นเท่านั้น

 

แท้จริงแล้วสม็อกหาใช่มังกรร้ายอย่างที่ใครเข้าใจหรอก..

..ทว่าเพราะเขาไม่อยากได้รับรสชาติแห่งการสูญเสียและเปลี่ยวดายอันแสนขมขื่น

 

            นัยน์ตาสีอำพันมองยังความหายนะเบื้องล่างอันเกิดจากน้ำมือของเขาด้วยความพึงพอใจ  ยิ่งนึกถึงสีหน้ามุ่งมั่นของบรรดาคนแคระที่บุกเข้าไปนั้น  สม็อกก็ยิ่งอยากทำลายให้ทั้งเมืองนี้เหลือเพียงเถ้าธุลี  ..โทษฐานที่ให้การสนับสนุนเจ้าคนพวกนั้น  ทั้งที่ดินแดนเอเรบอร์ควรจะมีเพียงโลกิของเขาเท่านั้นที่ได้ครอบครอง

 

            เจ้ามังกรคิดว่าการกระทำเพียงเท่านี้ก็คงเกินพอแล้วสำหรับการข่มขู่  แค่เตือนว่าอย่าให้ใครได้บังอาจเข้ามารุกรานยังสถานใต้ขุนเขาอีก  ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ร่อนกายย้อนกลับไปชำระบัญชีแค้นกับเหล่าคนแคระนั้นเอง.. ลูกศรสีดำไร้ที่มาก็พลันพุ่งปักยังบริเวณลำคอทันที ..มันเป็นจุดอ่อนของเขาที่น้อยคนนักจะสังเกตเห็นมัน  และเขาก็ผิดเองด้วยที่คาดไม่ถึงว่ามนุษย์จะกล้าแกร่งถึงเพียงนี้

 

            มังกรร่างยักษ์กรีดร้องเสียงลั่นเนื่องด้วยความเจ็บปวดที่กลืนกินทั่วสรรพางค์กาย  ทิศทางการบินเริ่มเสียการควบคุมจนต้องทิ้งกายถลาร่วงลงสู่พื้นดิน  เกิดเสียงกึกก้องกัมปนาททั่วบริเวณ  ทว่ากลับไร้ซึ่งผู้ใดอาจหาญจะย่างกรายเข้าใกล้เนื่องด้วยยังคงหวาดหวั่นในเจ้ามังกร

            สม็อกกัดฟันกรอดทนข่มความทรมานที่เขาเป็นอยู่  ภายในห้วงคำนึงมีเพียงใบหน้าของโลกิที่ลอยวนอยู่  ภาพเบื้องหน้าเริ่มขุ่นมัวเนื่องด้วยม่านน้ำที่เอ่อคลอนัยน์ตาทั้งยังสติที่หลุดลอยไปทีละน้อย  เขาไม่ได้หวาดกลัวซึ่งความตายเลย.. เพียงแต่นึกเสียใจและเสียดายที่ตนเองใช้เวลาร่วมกับคนที่รักมากได้ไม่เยอะดังปรารถนา

 

..ความรักไม่เคยปราณีผู้ใด.. การจากลาก็เช่นกัน..

 

            ยิ่งคิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งเจ็บปวดนักเนื่องด้วยสม็อกมีถึงสองสิ่งนั้นที่อัดแน่นในอก  หยาดน้ำตาร่วงรินอย่างห้ามไม่อยู่  หากเป็นไปได้สม็อกคงไม่ขอลุ่มหลงหรือใส่ใจซึ่งใครอีกแล้ว  การไร้ซึ่งความรู้สึกต่อบุคคลใดอย่างน้อยก็อาจช่วยให้เขาต้องทนทุกข์น้อยลง  และเขาก็หวังเหลือเกินที่จะให้ความปรารถนานี้เป็นจริง

 

            ทันใดนั้นเองที่เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งรีบเร่งเข้ามาใกล้  ร่างนั้นตะโกนเรียกชื่อเขาไม่หยุดหย่อน ..เสียงของผู้เป็นดั่งยอดดวงใจ  ทว่าความมืดมิดกลับโรยตัวลงมาคลี่คลุมการรับรู้เสียก่อน ..พร้อมกับชีพจรที่ดับวูบลง  อันเป็นจุดจบของมังกรตัวสุดท้ายแห่งมัชฌิมโลก

.

.

 

..และในเวลานั้นเองที่โลกิรู้ตัวว่าเขามาช้าไปเสียแล้ว..

 

            การประชุมอันน่าเบื่อหน่ายและยาวนานในแอสการ์ดนั้นเรียกร้องให้ความคิดของโลกิล่องลอยยังมัชฌิมโลกิอยู่หลายครั้งหลายครา  นึกไม่เข้าใจเสียเลยว่าเหตุใดผู้เป็นบิดาจึงเรียกตัวเขามาเข้าร่วมด้วยทั้งที่ไร้ซึ่งสิ่งใดจะรับสั่งเลย.. อย่างเดียวที่พึงต้องกระทำคือนั่งฟังอย่างนิ่งเฉย

            โลกิไม่ได้รับรู้เลยว่าราชาแห่งแอสการ์ดนั้นกล่าวสิ่งใดออกมาบ้าง  เขาแทบจะวิ่งออกจากที่ประชุมทันทีที่หมดเวลา  ใช้มนตราที่มีเฉพาะตนสะกดให้นายทวารผู้รักษาประตูมิตินำพาเขาสู่มัชฌิมโลก

 

            โลกิรักดินแดนแห่งนั้นเหลือเกิน.. มันช่างแตกต่างจากแอสการ์ดนัก  เรื่องราวของหลากเผ่าพันธุ์แปลกประหลาดและภูติพรายที่อาศัยรวมในโลกเดียวกันได้นั้นช่างมีเสน่ห์  หากแต่เหตุผลที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดนั่นก็คือ.. ณ ที่แห่งนั้นมีคนที่รักและมองเห็นซึ่งคุณค่าในตัวของเขา

            ในขณะที่นี่กลับตรงกันข้ามนัก.. นอกจากผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยสนใจใยดีกันแล้ว  ยังมีพี่ชายวู่วามน่ารำคาญนั่นอีก

 

สิ่งที่โลกิปรารถนาอย่างที่สุดนั้น.. หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจตอบว่าอำนาจหรือความยิ่งใหญ่..

ทว่าในตอนนี้ขอเพียงแค่ความรักความเอาใจใส่จากใครสักคนก็เพียงพอ

 

โดยที่เทพจอมลวงไม่อาจล่วงรู้เลยว่า.. การมาเยือนมัชฌิมโลกของเขาในครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..

 

 

“ สม็อกกกกไม่!!!

 

            ภาพของมังกรสิ้นฤทธิ์ด้วยลูกธนูนั่นปรากฏให้เห็นทันทีที่โลกิเดินทางมาถึงยังดินแดนมัชฌิมโลก  เร่งฝีเท้าฝ่าความโกลาหลโดยรอบมุ่งตรงยังพื้นที่เปลี่ยวร้างอันเป็นสถานที่ร่างนั้นร่วงลงมา  เรียวมือที่สั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่พยายามสัมผัสบนใบหน้าหุ้มเกล็ดสีแดงฉานนั่นไว้  ร่ายมนตร์ที่สม็อกเคยบอกให้มังกรตรงหน้านี้คืนสู่ร่างแปลง

 

“ ม.. ไม่.. สม็อก.. เจ้าต้องอยู่กับข้า..

 

            โลกิเลื่อนเรียวมือมาที่ลูกศรสีดำตรงบริเวณลำคอ  ออกแรงดึงมันจนหลุดออก  มังกรในร่างแปลงผู้ใกล้สิ้นชีพนั้นฝืนทนต่อสติรับรู้อันเลือนลาง  นัยน์ตาเรียวรีเหลือบแลยังบุคคลที่พยายามประคองกายของตนวางบนหน้าตัก  พักตราโศกสลดนั้นปรากฏตรงหน้า  อัสสุชลท่วมท้นนัยน์เนตรสีมรกตคู่งาม

 

“ ข้ารักเจ้า.. ..สม็อก.. ได้โปรด..

 

“ ล..โลกิ.. ข้า.. ”   ..ดวงใจข้าจักเป็นของท่านชั่วนิรันดร์.. สม็อกพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวดและความเหน็บหนาวอันเสียดลึก  ทว่ามันก็สุดความสามารถของเขา

 

แผ่นอกกำยำนั่นหาได้กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเข้าออกเสียแล้ว  ความวูบโหวงเนื่องด้วยการจากลาผสานกับความโศกเศร้าที่มีทำให้เทพจอมลวงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเสียงแหบแห้ง

“ ไม่เจ้าจะทิ้งข้าไปไม่ได้สม็อกก!!!

 

ทั้งที่มีโอกาสได้พบเจอส่วนที่เติมเต็มความว่างเปล่าในห้วงใจได้แล้ว.. ไฉนจึงต้องมีเหตุมาพรากกันเช่นนี้..

 

            เนิ่นนานเท่าใดไม่รู้ที่โลกิยังคงนั่งร่ำไห้ด้วยความอาลัยกับร่างสิ้นชีพในอ้อมแขน  จนกระทั่งถึงในตอนนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่ผู้ใดย่างกรายเข้าใกล้ยังบริเวณที่มังกรร่วงถลาลงมา  หากทว่าเสียงโห่ร้องดีใจนั้นกลับดังก้องทั่วดินแดนทะเลสาบ  เนื่องด้วยผู้คนต่างคาดเดากันว่าความสงบที่ปรากฏขึ้นเนิ่นนานขนาดนี้นั้นเท่ากับมังกรถูกสังหารได้สำเร็จแล้ว

            นัยน์เนตรกลมโตวาวโรจน์ด้วยความแค้นเคือง  เบือนมองยังดินแดนแห่งชาวเมืองเหล่านั้นอย่างอาฆาต  ยิ่งไปกว่านั้นคืออดีตกษัตริย์คนแคระที่เข้ามาทวงคืนเอเรบอร์..  ผู้ที่บังอาจทำร้ายและทำลายสิ่งที่เขารักยิ่งเช่นนี้ย่อมไม่มีวันได้พบกับความสงบสุขเป็นอันขาด  เขาจะทำให้ความลุ่มหลงในใจของมันผู้นั้นพลุ่งพล่านจนเสียสติและไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

โลกิจะสาปแช่งมัน.. .ให้ความชั่วร้ายนั้นสถิตอยู่ทุกแห่งหน..

..และไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ตามในดินแดนนี้จะต้องได้รับสงคราม!

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

            เหล้าองุ่นรสเลิศถูกกระดกรวดเดียวหมดแก้วเมื่อจิตใจหวนคืนสู่เวลาปัจจุบัน  ความทรงจำปวดร้าวเหล่านั้นทำให้โลกิไม่นึกอยากจะไปเยือนมัชฌิมโลกอีกเลยหลังจากนั้น  ทว่าการเดินทางมายังโลกมนุษย์ในครั้งนี้ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน  การได้พบเจอกับบุคคลที่เหมือนกันกับคนรักซึ่งตายจากไปแล้วทุกประการ  หากแต่กลับแตกต่างกันด้วยบทสนทนาเหินห่างและเววตาเมินเฉย.. ไร้ซึ่งความรักใคร่

            สิ่งเหล่านั้นมันทำให้โลกิรู้สึกไหววูบในอกไม่น้อย

 

            อย่างไรก็ตามแต่.. เหตุผลแท้จริงนั้นไม่ใช่เพียงเพราะต้องการเลือดของข่านเพื่อสร้างอมตภาพให้กับตนเองหรอก.. ความปรารถนาของเขาคือการได้คืนชีพสม็อกต่างหาก

 

            ทันใดนั้นเองที่ร่างของผู้มาใหม่ย่างกรายลงมานั่งตรงข้ามกัน  โลกิซึ่งกำลังจมจ่อมอยู่กับความคิดและวุ่นวายในการเติมเครื่องดื่มลงในแก้วทรงสวยนั้นเป็นอันต้องชะงักการกระทำ  เขารู้ว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่เชอร์ลอคที่เขานัดไว้หรอก ..เพราะนี่ยังไม่ถึงเวลาด้วยซ้ำ  อีกทั้งการแต่งตัวและทรงผมก็แตกต่างเสียเหลือเกิน

            ทว่าสิ่งหนึ่งที่สะกดสายตาของเทพจอมลวงให้ตกในห้วงภวังค์.. คือใบหน้าที่เหมือนกันกับนักสืบหนุ่มนั่นต่างหาก!

 

“ จ..เจ้า..

 

“ สวัสดีคุณโลกิ.. แห่งแอสการ์ด ”  เสียงทุ้มเย็นเยือกนั้นทรงอำนาจยิ่งนัก  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเหยียดยิ้มบนมุมปากอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นนัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นหลังจากที่ได้เอ่ยตำแหน่งแท้จริงของเทพยุโรปเหนือนั่นจบ   “ คุณจะรอให้ถึงนัดก็ได้ถ้าคิดว่าเจ้านักสืบนั่นมีประโยชน์  แต่ผมจะบอกอย่างหนึ่งให้คุณรู้..

 

 

 

“ ผมคือข่าน นูเนี่ยน ซิงห์ ที่คุณตามหา..

 

 

TBC.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

TALK TO WRITER:

WTFFFFF! (เราจะกรีดร้องด้วยคำอุทานนี้ไปจนจบซีรี่ส์เบเนฮิ ๕๕๕๕)

ครอสกันได้มั่วตั้วมาก ยำเละเลยทีเดียว แถมยังหลุดคาร์ไปโขอีกกกก กร๊ากกกก

จั่วหัวฟิคไว้ว่าดราม่า  ไม่รู้ว่าจะดราม่าสักเท่าไหร่สำหรับคนอ่าน ;w; (อาจจะไม่รู้สึกดราม่าหลังจากมาเจอทอล์คเกรียนๆนี้ก็เป็นไป)

ยังไงก็ขอฝากไว้อีกเรื่องนะคะ  แล้วมาชิปเบเนฮิกัน xD *ปูพรมสู่ทางขึ้นเรือ*

SF: Quid pro quo (Sherlock Holmes/Loki)

Title: Quid pro quo

Pairing: Sherlock Holmes/Loki

 

Quid pro quo

 

            ทัศนียภาพเบื้องหน้าที่ชายหนุ่มมองเห็นในขณะนี้ช่างขุ่นมัว  คล้ายมีม่านหมอกขุ่นมัวปกคลุมโดยรอบ  ภาพเหตุการณ์และปริศนาในแต่ละคดีที่เขาเคยพบเจอเล่นวนในความขุ่นมัวเหล่านั้น  ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะแผ่วๆ ดังว่าล่องลอยมาจากที่ไกลๆสักแห่ง.. และมันก็ค่อยๆแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ..

 

..จนคล้ายกับว่าเสียงนั้นมันใกล้เข้ามาเพียงเอื้อม..

.

.

 

!!

 

            ราวกับมีแรงกระชากบางอย่างที่ทำให้นักสืบหนุ่มสะดุ้งตื่นจากห้วงนิทรา  ประตูที่มักเปิดอ้าอยู่ตลอดนั้นปิดสนิท  เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามที่เพื่อนร่วมห้องตัวเล็กของเขาใช้งานบ่อยครั้งก็กลับปรากฏร่างของใครบางคนขึ้นแทนที่  ..ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำสนิท  กลุ่มผมสลวยที่ยาวระต้นคอถูกหวีไปด้านหลังจนเรียบแปล้

 

“ สวัสดี ”  บุคคลปริศนาผู้นั้นคลี่ยิ้มให้กับเขา  ทว่าเชอร์ลอคกลับไม่รู้สึกถึงความเป็นมิตรหรือการทักทายจากรอยยิ้มนั่นเลย

 

..ดูแล้วคงไม่ใช่ ลูกค้าธรรมดาอย่างแน่นอน..

 

เชอร์ลอคหาได้กล่าวตอบ  เขาเพียงแต่นั่งมองหน้าและสำรวจรอบกายอีกคนอย่างนิ่งเงียบ  พลางครุ่นคิดในสิ่งที่เขาสงสัยในตัวฝ่ายนั้น..  ทว่าเขาไม่อาจอนุมานสิ่งใดจากคนตรงหน้าได้เลย  

 

นัยน์ตาหลากสีเบือนมองยังหนังสือบนโต๊ะขนาดเล็กด้านข้างที่จอห์นตั้งทิ้งไว้เพื่อทดสอบว่าเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นกับตัวเขาหรือไม่  ทว่าเชอร์ลอคสามารถวิเคราะห์มันได้อย่างดีเยี่ยม  แปลก.. มันแปลกมากทีเดียว..

 

“ นายเป็นใครกันแน่? ”

 

นัยน์ตาสีมรกตของแขกผู้มาเยือนทอประกายวาววับในทันที  ยิ่งฉีกรอยยิ้มกว้างขึ้นอีกกลั้วเสียงหัวเราะแผ่วๆ  มันช่างคล้ายกับเสียงหัวเราะที่เชอร์ลอคได้ยินในห้วงฝันเมื่อครู่เสียเหลือเกิน

“ เอาล่ะ.. ข้าจะไม่อ้อมค้อมก็แล้วกันนะ ”

 

ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้นวม  เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้  จนกระทั่งฝ่ายนั้นทิ้งน้ำหนักลงกับพนักวางแขนของเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่  โน้มใบหน้าสลักลงต่ำ  มันใกล้.. ใกล้เสียจนเชอร์ลอครับรู้ลมหายใจอุ่นร้อนที่เคล้าคลอผิวแก้มและกลิ่นน้ำหอมอ่อนจางอย่างชัดเจน

 

ปลายนิ้วเรียวยาวที่ลากผ่านไรผม ไล้ลงมาตามวงหน้านั่นก่อความระแวงในอก  ก่อนที่มันจะหยุดตรงปลายคาง  “ เจ้ามีบางสิ่งที่ข้าปรารถนา และหากข้าได้มัน  เจ้าก็จะได้สิ่งที่เจ้าต้องการกลับไป ”

 

ไหนจะสรรพนามที่ใช้และข้อเสนอแปลกประหลาดนั่นอีก  คราวนี้ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยของเชอร์ลอคมากขึ้น  เขาหรี่ตามอง   “ นายจะถามนายอีกครั้ง  นายเป็นใคร? ”  เสียงทุ้มถามย้ำในแต่ละคำอย่างหนักแน่น

 

เมื่อได้เห็นท่าทีจริงจังเช่นนั้น  บุคคลปริศนาจึงค่อยขยับห่างออก  ยืนขึ้นเต็มความสูง  “ ขออภัยที่เสียมารยาท  ข้ามีนามว่าโลกิ ”

 

“ นายไม่ได้มาขอให้ฉันไขคดีแน่ ”

 

“ ฮ่าๆ  แน่นอน.. ข้าไม่มีปริศนาใดมาให้เจ้าแก้เบื่อทั้งนั้นหรอก ”  เสียงหัวเราะแผ่วๆนั่นดังขึ้นให้ได้ยินอีกครั้งหนึ่ง  “ ข้าว่าข้าบอกไปแล้วนะว่าข้าต้องการบางอย่างในตัวเจ้า ”

 

“ แล้วที่นายต้องการนี่มันอะไร?  จะเอาลิ้นฉันหรอ? ”

 

“ เจ้านี่ช่างมีอารมณ์ขันนัก ถ้าเจ้าจะให้มันด้วยข้าก็ยินดี ”  เรียวมือข้างหนึ่งตะปบเข้าที่ปลายคางอย่างแรง  ก่อนที่โลกิจะโน้มกายลงมาอีกครั้ง บดเบียดเรียวปากนุ่มอย่างไม่ทันได้ให้นักสืบหนุ่มตั้งตัว  กลั่นแกล้งและหยอกล้อด้วยปลายลิ้น  และเชอร์ลอคก็หาใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน  เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันช่างหวานละมุน..

 

..นี่จะเอาลิ้นกันจริงๆหรอวะ?!..

 

เชอร์ลอคเบิกตาโพลงเมื่อเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาได้  ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์  นึกขัดใจไม่น้อยที่คนตรงหน้าสามารถปั่นหัวเขาได้ขนาดนี้ 

 

“ ข้าต้องการเลือดของเจ้า ”

 

เอาอีกแล้ว.. พูดจาแปลกๆมาอีกแล้ว.. เชอร์ลอคปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเกลียดแสนเกลียดเหลือเกินเวลาที่ตนเองไม่รู้จุดประสงค์หรืออ่านใครไม่ออกแบบนี้  ไม่แน่ว่าบุคคลนี้อาจเป็นพวกแฟนคลับที่ชื่นชอบการสืบคดีของเขาแล้วตามสตอล์กเกอร์ก็เป็นได้  แต่การกระทำที่เป็นถึงขนาดนี้ก็ดูจะน่ากลัวไปหน่อย

 

เรียวมือเอื้อมลงด้านข้างของเก้าอี้หยิบเอาอาวุธร้ายที่เขามักใช้ยิงผนังแก้เบื่อขึ้นมา  จ่อปลายกระบอกปืนขึ้นขู่คนตรงหน้า  “ เลิกพูดจาไร้สาระแล้วออกไปซะ  นายมันน่าเบื่

 

ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคนั้นเอง  ชายหนุ่มผู้นั้นก็พลันหายวับไปต่อหน้าต่อตาทันที   นัยน์ตาหลากสีเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็น  พยายามตั้งสติ.. ในเดือนนี้เขาไม่ได้แตะต้องสิ่งเสพติดใดๆเลยนอกเสียจากนิโคตินที่สูบเป็นประจำ  ไม่มีทางที่จะประสาทหลอนไปได้ขนาดนี้หรอก!

 

“ ชู่วว์~  ข้าไม่ได้กล่าวเท็จเลยนะ ”  ชายผู้นั้นปรากฏอีกครั้งหนึ่งที่ด้านหลังของพนักพิง  ทำให้เชอร์ลอคต้องหันไปมอง  คราวนี้ไม่ได้อยู่ในชุดสูทสีดำนั่นแล้ว  แต่กลับอยู่ในชุดที่คล้ายนักรบหรือไม่กษัตริย์ยุคโบราณ  มือข้างหนึ่งถือสิ่งที่น่าจะเป็นคทาไว้  ตรงยอดปลายของมันส่องแสงสีฟ้าอ่อนสว่างวาบ

 

“ เลือดของเจ้ามันมีค่ามหาศาลในอนาคตกาล  มันจะคงความเป็นอมตะให้กับข้า ”  ร่างสูงโปร่งเคลื่อนกายมาเผชิญหน้ากันกับเขาอีกครั้งหนึ่ง   “ แค่เพียงหยาดหยดเล็กน้อยเท่านั้น  แล้วมาร่วมมือกับข้า ”

 

“ เจ้าจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล ทรงพลังและชาญฉลาด ” 

 

“ แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ? ”  ตอนนี้เชอร์ลอคยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยจะถูกนัก  เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วด้วยซ้ำว่านี่คือความจริงหรือความฝัน  แต่อย่างไรก็จะลองเล่นไปตามน้ำดูก่อน

 

“ ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงจะต้องบังคับเจ้า ”  ปลายยอดคทานั่นเลื่อนลงมาจ่อที่แผ่นอก  แสงสีฟ้าอ่อนยิ่งสว่างกว่าที่เป็น  “ เจ้ามีหัวใจ.. และข้าจะทำลายมันทิ้งเสีย ”

 

มันช่างคล้ายคลึงกับประโยคที่จิม มอริอาร์ตี้เคยข่มขู่เขาไว้เหลือเกิน  ทว่าเชอร์ลอคกลับคิดว่าคนตรงหน้านั้นอันตรายและเล่ห์เหลี่ยมจัดยิ่งกว่าอาชญากรผู้นั้นเหลือเกิน  ปืนในมือของเขาดูจะไร้ประโยชน์ไปเสียสนิทเมื่อเทียบกับปลายคทาที่จ่ออยู่นี้

“ หัวใจงั้นหรอ?  นายก็รู้ว่าฉันไม่มีมัน ”

 

“ อา.. เจ้าคิดผิดเสียแล้ว ”

 

 

 

ก๊อกๆๆ!

 

ทว่ายังไม่ทันที่บทสนทนานั้นจะได้ดำเนินต่อ  เสียงคานบนบานประตูก็ดังขัดขึ้น  สีหน้าของโลกิบ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง  เทพแห่งการหลอกลวงพยายามสะกดความเกรี้ยวกราด

 

“ เจ้าจะได้เจอข้าอีกครั้งแน่  และข้าจะต้องได้เลือดของเจ้า ข่าน นูเนี่ยน ซิงห์  ”

.

.

 

            เชอร์ลอคสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  บุคคลที่เพิ่งตั้งข้อเสนอให้กับเขาหายวับไป  กระบอกปืนก็ตั้งอยู่ตรงพื้นที่ข้างเก้าอี้เช่นเดิม  บานประตูที่เปิดอ้าเป็นปกติปรากฏร่างของนายแพทย์ตัวเล็กที่หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังเข้ามา  ทว่านักสืบหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่เดิม  หาได้ตรงเข้าไปช่วยถือแต่อย่างใด.. ซึ่งจอห์นก็ไม่ถือสาอยู่แล้ว คุณหมอตัวเล็กรู้จักเพื่อนรักของเขาดี

 

รู้จักดีเสียจนตอนนี้จอห์นสัมผัสได้ว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับเชอร์ลอค..

“ เชอร์ลอค.. คุณเป็นอะไรรึเปล่า? ”

 

“ เปล่าหรอก  ไม่มีอะไร ”  นักสืบหนุ่มเลือกที่จะโกหกออกไปเช่นนั้น  เพราะเขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงๆหรือไม่  แม้ว่าทั้งน้ำเสียง  ใบหน้า และกลิ่นน้ำหอมของเทพยุโรปเหนือนั่นจะยังคงชัดเจนในห้วงคำนึงอยู่ก็ตาม

 

            ความเงียบงันก่อตัวขึ้นในพื้นที่ห้องครู่ใหญ่  นัยน์ตาหลากสีจับจ้องยังหัวกะโหลกที่ถูกตั้งบริเวณปล่องไฟอย่างเหม่อลอย  บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดที่มีหรือเพราะห่างหายจากการไขคดีมานานพอสมควร  เรียวมือล้วงหยิบเอาบุหรี่และไฟแช็คในเสื้อคลุมตัวยาวออกมาหมายจะทำให้ใจสงบลงบ้าง

 

ทว่าปลายนิ้วกลับสัมผัสกับสิ่งของบางอย่างในนั้น.. บางอย่างที่ดูน่าจะเป็นแผ่นกระดาษ   เชอร์ลอคหยิบมันมาคลี่ออก  ข้อความภายในนั้นปรากฏตรงหน้า

 

 

คืนนี้สามทุ่มมาเจอข้าที่ร้านอาหารมุมถนน

 

 

เรียวปากเหยียดรอยยิ้มขึ้นกับข้อความเชิญชวนนั่น  แม้นี่จะดูเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติไปหน่อย  แต่ก็ยังดีที่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากอาการประสาทหลอนของเขานำพาไปเอง  และมันก็ท้าทายยิ่งนักสำหรับช่วงนี้ที่เขาแห้งแล้งการสืบคดีเสียเหลือเกิน

 

 

“ ผมได้เรื่องสนุกๆทำแล้วล่ะจอห์น ”

 

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

TALK TO WRITER:

ปั่นจบแล้ว WTF ขึ้นมาในหัวเป็นอย่างแรกเลย  นี่ฉันทำอะไรลงไปปปป

ทำไมมายำได้ขนาดนี้  ครอสกี่เรื่องเนี่ย ๕๕๕๕  (ดีนะที่เป็นฟิคสั้น ถ้าเป็นเรื่องยาวอาจมีฮากว่านี้อีก)

แล้วยังดูเป็นกิเชอร์  มากกว่าเชอร์กิอีกต่างหาก  ;;w;;

 

ตอนแต่งนี่อยู่ๆเพิ่งนึกได้ว่า  เอ๊ะ.. นี่มันคล้ายๆฉากในสไปดี้นี่หว่า  คุณหนูออสบอร์นเวลาจะขอเลือดใครมันต้องอย่างนี้นะคะ  จูบได้ยิ่งดี(?)  กร๊ากกกก

ไม่แน่อาจมีภาคต่อนะเคอะ อิ____อิ  (คนอ่านคงโอดครวญว่ายังมีต่ออีกเรอะ  แค่นี้ก็พอเถอะะะะ ๕๕๕๕๕ )