Title: The path of the past
Pairing: Min Yoongi/Jeon Jungkook
Genre: Angst, Hurt/Comfort (Warning: Rape/Non-con, Graphic Violence)
The path of the past
ถ้าหากคุณย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากแก้ไขอะไร?
ชีวิตของมินยุนกิไม่ใช่เส้นทางที่ราบเรียบนัก มีทั้งเรื่องดีร้ายปะปนกันไป แต่ส่วนใหญ่มันมักเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลายต่อหลายครั้งที่เขามองไปข้างหน้าและไม่รู้ว่าควรจะพาตนเองไปที่ใด หลายต่อหลายครั้งที่เขามีความคิดว่าควรยกเลิกแล้วยอมแพ้เสียที
ยุนกิเคยนึกอยากย้อนเวลากลับไปให้ตัวเองก้าวตามทางที่ใครคนอื่นกำหนดไว้ ไม่ใช่วิ่งไล่ตามความฝันลางเลือนเหมือนคนโง่เง่า
ทว่าท้ายที่สุดแล้วมันผลักดันให้เขาสู้ต่อ แลกมาหลายอย่างกว่าจะได้เป็นโปรดิวเซอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นในทุกวันนี้ แลกแม้กระทั่งตัวตนของเขาเอง วันเวลาแห่งความพยายามยิ่งล่วงเลยมานานเท่าไหร่ กำแพงในใจก็ยิ่งก่อตัวขึ้นสูงลิบ ยากที่จะเปิดรับให้ใครอื่นผ่านเข้ามา
กระทั่งเขาได้เจอกับจองกุก
เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายน่ารักที่นำเอาความรู้สึกเคยคุ้นซึ่งยุนกิแทบจะหลงลืมมันไปเสียแล้วกลับมา ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ทรงพลังล้นเหลือจนสามารถข้ามผ่านกำแพงนั่นเข้ามาได้อย่างง่ายดาย โดยที่มันไม่จำเป็นจะต้องพังทลายลงมา มันยังคงตั้งตระหง่านอยู่เช่นนั้น ไม่ปรากฏแม้รอยร้าวใด เพียงแต่ว่า.. เมื่อเป็นจองกุกแล้ว กำแพงแห่งนั้นเหมือนไม่เคยมีอยู่
จอนจองกุกคือข้อยกเว้นสำหรับมินยุนกิ
ข้อยกเว้นที่ทำให้เขาก่อกำแพงสูงกว่าเก่าเพื่อป้องกันอีกฝ่ายจากอันตรายทั้งปวง
ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้..
“ คุณจอน จองกุกค่ะ ” เสียงของพยาบาลสาวเรียกดังขึ้นมา เขาหันมองเจ้าของชื่อข้างกาย เลื่อนเรียวมือเข้ากอบกุม ผ่อนแรงลงเมื่อพบว่าอีกคนชะงักนิ่งเนื่องด้วยยังคงไม่อาจคุ้นชินกับการสัมผัส
“ กุกอา ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ”
ความตื่นกลัวที่ฉายชัดภายในนัยน์ตากลมโตหมองหม่นมันยิ่งตอกย้ำให้เขาตระหนักว่าความอ่อนหวานล้ำลึกที่เขาเคยรู้จักมันขื่นขมได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
นับตั้งแต่เหตุการณ์ระยำบัดซบที่ไอ้สารเลวคนหนึ่งได้ก่อกระทำขึ้นมา
ถ้าเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะลงเอยแบบนี้
.
.
ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าจอสมาร์ทโฟนบ่งบอกเวลาล่วงเลยมานานโขนับจากครั้งสุดท้ายที่ยุนกิมองมัน การใช้ความคิดในการเขียนเพลงเป็นจำนวนถึงสี่เพลงสามารถรีดเค้นพลังให้เขาเหน็ดเหนื่อยแทบจะเทียบเท่าการวิ่งมาราธอนทีเดียว นึกประหลาดใจเล็กน้อยที่วันนี้เด็กตากลมของเขายังไม่ติดต่อหากันเสียที
หากแต่มันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องมากังวลใจ จองกุกอาจจะแค่เข้านอนเร็ว อีกฝ่ายเป็นคนมีเหตุผลมากพอที่จะไม่โกรธเคืองกันแบบไร้ที่ไปที่มาและชาชินกับการทำงานหามรุ่มหามค่ำของเขาไปแล้ว
จนเมื่อนัมจุนผู้เป็นเพื่อนร่วมงานชงกาแฟแก้วที่สองมาให้ บนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารก็ปรากฏเป็นชื่อจองกุกติดต่อเข้ามา
ยุนกิเกือบจะเอ่ยคำทักทายอีกฝ่ายอยู่แล้วเชียว หากทว่า..
“ พ..พี่ยุนกิ.. ”
ในตอนนั้นเขานึกว่าเสียงสะอื้นของจองกุกเกิดจากอาการฝันร้าย
“ ช..ช่วย ช่วยผมด้วย.. ”
แต่ไม่ใช่เลย สาเหตุมันร้ายแรงกว่านั้นมากโข
.
.
ผลตรวจเลือดครั้งที่สองของจองกุกนั้นปรากฏเป็นปกติ เขาพาอีกคนมาตรวจซ้ำเพื่อให้มั่นใจว่าปราศจากโรคติดต่อนั่นจริง ผลที่ได้รับพอจะทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งในอกบรรเทาลงไปได้บ้าง ลำพังเพียงแค่สิ่งที่อีกคนพบเจอในก่อนหน้าก็รุนแรงมากพออยู่แล้ว
ร่องรอยบอบช้ำบนเรือนกายนั้นพอจะรักษาจนมันจางหายไปได้มากแล้ว แต่ในด้านจิตใจนั้น.. ยุนกิรู้ดีว่ามันไม่มีทางเยียวยาจนหายสนิท มันแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาและฝันร้ายที่เขาต้องคอยปลอบประโลมอยู่ทุกค่ำคืน
จองกุกถูกข่มขืน
มันเหมือนคำสาปที่สลักลึกเป็นตราบาปในใจและไม่มีวันลบล้างมันออก
ยุนกิจรดปลายมวนบุหรี่เข้าปากริมฝีปากอีกครั้งหนึ่ง กลิ่นหวานฉุนคุ้นเคยและควันสีจางกลายเป็นเพื่อนยามยากคนใหม่ของเขา แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่มันมอบให้คือความผ่อนคลายชั่วครั้งชั่วคราวก็เท่านั้น ขอแค่ช่วยจากหลบเลี่ยงจากความหวาดกลัวและอาการปวดแปลบทางใจนั่น แค่เพียงเวลาเล็กน้อยก็ยังดี
ม่านควันเจือจางลอยอ้อยอิ่งเชื่องช้าตามแรงลมหายใจ
นัยน์ตาเรียวรีจับจดกับประกายไฟริบหรี่บนยอดปลายของมัน
ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้..
“ พี่ไม่น่าต้องมาลำบากเพราะผม ”
เสียงนั่นสั่นพร่า และเมื่อยุนกิเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย จ้องลึกเข้าไปในแววตาที่มันกรีดร้องว่าแหลกสลาย แรงบีบเค้นกลางอกก็ดูจะเพิ่มกำลังมากขึ้นจนเขาอึดอัด เหมือนถูกถ่วงลงให้จมจ่อมใต้ผืนน้ำแสนเศร้าและไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้
เขาอยากย้อนเวลาไปแก้ไขไม่ให้เรื่องราวพวกนี้เกิดขึ้นกับจองกุก
“ ไม่เป็นไรหรอกจองกุก มันไม่เป็นไร ” โปรดิวเซอร์หนุ่มไม่มีคำพูดอื่นนอกเสียจากคำปลอบใจที่เป็นเหมือนเม็ดยาจอมปลอมซึ่งไม่เคยออกฤทธิ์รักษาอาการใด
เลื่อนปลายนิ้วขึ้นปาดเอาน้ำตาที่หยดร่วงลงบนผิวแก้มนั่นออก เขารู้สึกได้ถึงรอยแยกร้าวในแต่ละสัมผัสที่ละไล้ลากผ่าน การทุบทำลายอย่างสาหัสในอดีตทำให้จองกุกแตกหักกลายเป็นเศษแก้วชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ไม่สามารถหล่อหลอมดังเดิมได้
“ นายจะผ่านมันไปได้ ” เราต้องผ่านมันไปให้ได้
เศษแก้วที่อาจบาดเข้าเนื้อจนได้เลือด ทิ้งรอยแผลและความเจ็บแสบไว้ให้
แต่ยุนกิจะยังคงประคับประคองมันไว้อย่างทะนุถนอมต่อไป
เพราะในชีวิตนี้เขาสูญเสียอะไรไปตั้งหลายต่อหลายอย่าง เขาจะไม่มีวันยอมสูญเสียจองกุกไปอีกคนเป็นอันขาด
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ถ้าหากคุณย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากแก้ไขอะไร?
จองกุกคิดมาตลอดว่าโลกใบนี้คือการไล่ระดับสีจากสีขาวไปยังสีดำ แต่ละเวลาของชีวิตที่ผัดผ่านอาจทำให้เราพบทั้งจุดที่เป็นสีขาวสว่างที่สุดและจุดที่เป็นสีดำมืดมนที่สุด หรืออาจพบเพียงสีเทาที่ผสมทั้งสองสีนั้นไว้อย่างกลมกลืน
เขาคิดเพียงว่าแค่เอาตัวให้ออกห่างจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายบนโลกก็พอจะให้ตนเองรอดปลอดภัย
ไม่เคยคาดนึกถึงวินาทีที่มันพุ่งชนเข้ามา ทำให้เขาจมดิ่งสู่ความมืดมนอนธกาล
มันเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่ยุนกิจะขลุกอยู่ในสตูดิโอเพื่อทำเพลงเป็นเวลาข้ามวันข้ามคืน หลายครั้งก็มีนัมจุนหรือไม่ก็โฮซอกมาร่วมงานด้วยบ้าง และหลายครั้งจองกุกเองก็จะแวะไปเยี่ยมเยือนแม้จะเป็นเวลาดึกดื่นแค่ไหนก็ตามแล้วกลับพร้อมกันกับอีกฝ่ายในเช้าวันถัดมา
เขาไม่เคยนึกถือสากับการทุ่มเทในงานของอีกคนนักหรอก ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เวลาที่ใช้ร่วมกันลดน้อยลงไปบ้าง หากแต่จองกุกคิดว่าเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามปรามฝ่ายนั้น นี่คือสิ่งที่ยุนกิรักและทุ่มเทแทบจะทั้งชีวิตให้ ถ้ามันทำให้ยุนกิมีความสุข เขาเองก็มีความสุขเช่นกัน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันธรรมดาที่จองกุกจะแวะไปหาอีกฝ่าย
มันเป็นเวลาดึกสงัด.. ความพลุกพล่านวุ่นวายสร่างซาลงไปมากโขเมื่อเทียบกับช่วงกลางวัน เหลือเพียงผู้คนบางส่วนที่ออกมารื่นเริงยามราตรีไม่ก็คนที่เปลี่ยนกะเวลาทำงาน เด็กหนุ่มเยื้องย่างไปตามบาทวิถีตามปกติ เรียวปากพึมพำเนื้อเพลงที่ดังก้องจากหูฟัง
จนเขาไม่อาจรู้ถึงบางอย่างที่คืบเคลื่อนตามติดจากข้างหลัง
รู้ตัวอีกทีแรงกระชากปริศนาก็ดึงดันเขาไปยังถิ่นที่เปลี่ยวร้าง มือหยาบกร้านตะปบแน่นกับซีกหน้าล่างจนเสียงร้องของเขากลายเป็นเสียงอู้อี้แผ่วเบา ความตื่นตระหนกที่ตีตื้นขึ้นทำให้จองกุกดิ้นรนจนสุดกำลัง ฝ่ามือและท่อนแขนนั่นยิ่งรัดแน่นแทบทำให้เขาหายใจไม่ออก
มันเหวี่ยงเขากับผนังอิฐอย่างแรง ความเจ็บร้าวแล่นริ้วทั่วแผ่นหลังจนเขาเบ้หน้า ครั้นพอจะเหวี่ยงหมัดหรือผลักมันออกเพื่อสู้กลับบ้าง ใครอีกคนก็พุ่งตรงเข้ามา ดันร่างเขาติดผนังอีกครั้งหนึ่งก่อนจะกระแทกกำปั้นเข้ากลางท้อง หมัดที่สองซึ่งตามมาติดๆทำให้เขาร่วงลงพื้น นอนขดตัวสิ้นเรี่ยวแรง
จองกุกไม่เคยโดนต่อยแบบนี้มาก่อน มันเจ็บจนเสียงที่เปล่งกลายเป็นเสียงครวญหวิว
ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าไม่อาจสู้แรงของผู้ชายที่ตัวโตกว่าสองคนนี้ได้
เขาพยายามเค้นคำพูดต่อรองพวกมัน “ ต..ต้องการอะไร กระเป๋าตังค์กับมือถือ คุณ.. คุณเอาไปได้เลย ”
อีกแค่นิดเดียว.. เพียงนิดเดียวเท่านั้นก็จะถึงสตูดิโอของยุนกิอยู่แล้วเชียว เขายังไม่อยากตาย
“ ฉันไม่ได้จะมาปล้นหรอกเด็กน้อย ” มันคนหนึ่งว่า คลี่รอยยิ้มประหลาดที่ชวนขยะแขยง
“ ฉันต้องการอย่างอื่น ”
.
.
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความหวาดผวา ชีพจรเต้นถี่จนน่ากลัว ผนังและเพดานในตัวห้องที่เคยคุ้นไม่สามารถช่วยลดทอนความหวั่นวิตกลงไปได้เลย เครื่องนอนนุ่มฟูที่ห่อหุ้มเรือนกายเป็นอย่างดีกลับไม่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ความยะเยือกยังคงจับแน่นที่ขั้วหัวใจอยู่อย่างนั้นจนจองกุกต้องขดร่างสะท้านแล้วหลับตาแน่น
หายใจเข้าลึกๆช้าๆ ปลอดภัยแล้ว
ยุนกิอยู่ตรงนี้และจะไม่มีอะไรทำร้ายเขาได้อีก
เขาพยายามปลอบใจตนเองซ้ำไปซ้ำมา พยายามกลบฝังภาพอดีตอันแสนทารุณแล้ววิ่งหนีออกมา ทว่าเพียงนิดเดียวที่จองกุกพลั้งเผลอ มันก็กระโจนกลับมารัดเขาไว้จนแน่นหนาราวจะย้ำเตือนกันให้รู้ว่ามันไม่เคยไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมให้คลุ้มคลั่ง
เพียงวูบเดียวเท่านั้น เขาก็กลับไปอยู่ในโถงทางเปลี่ยวร้างนั่นอีกครั้ง ทั้งแรงทุบตีที่บังคับให้เขาหยุดดิ้นรนขัดขืน การขบเม้มและดูดดึงจนทิ้งร่องรอยน่ารังเกียจไปทั่วร่าง คราบเหนียวเหนอะที่เปรอะเปื้อนต้นขาด้านใน มันชัดเจนเหมือนกำลังเกิดขึ้นอยู่จริง
“ ย..หยุด ได้โปรด ”
จองกุกคว้าข้อมือของตนไว้ จับแน่นจนเล็บจิกเข้าผิวเนื้อ ลมหายใจกระชั้นถี่แทบควบคุมไม่ได้ ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องจนลำคอเจ็บแสบของตนเอง
“ กุกอา! จองกุก! ”
ช่วยด้วย พี่ยุนกิ ใครก็ได้..
“ พี่อยู่นี่ ชู่วว์ ไม่เป็นไรแล้ว ”
พอได้แล้ว หยุดมันเสียที
“ จองกุก ได้โปรด.. หายใจเข้าลึกๆ ”
เขากลับมายังห้องนอนคุ้นตาแห่งนี้ ฝ่ามือกว้างทาบทับบนแผ่นอกช่วยกำกับจังหวะการหายใจไม่ให้มันเร็วถี่กว่าที่ควร ในห้วงนาทีแห่งความอ่อนล้านั้นเอง จองกุกเห็นบางอย่าง เขาเห็นดวงตาเรื่อแดงที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำของคนตรงหน้า
มินยุนกิที่แทบจะไม่เคยเสียน้ำตาให้กับสิ่งใดกำลังร้องไห้เพราะเขา..
“ พ..พี่ พี่ยุนกิ ผมขอโทษ ผมขอโทษ ”
จองกุกสะอื้นไห้ พร่ำคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกอย่างมันไม่ควรเป็นแบบนี้ ถ้าหากว่าในวันนั้นเขาไม่ไปหาอีกฝ่ายที่สตูดิโอในเวลาดึกดื่นแบบนั้น ถ้าหากวันนั้นเขาจะระมัดระวังสิ่งรอบข้างสักนิด
ถ้าหากว่า..
“ ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดของนาย ” วันนี้พวกเขาทั้งคู่ก็คงไม่ต้องทุกข์ระทมกับเรื่องราวเจ็บปวดแบบนี้ สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงทำใจยอมรับในสิ่งที่มันเป็นไป
ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้..
THE END
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
TALK TO WRITER:
ในที่สุดความยาวฟิคก็เพิ่มเป็นช็อตฟิคเสียทีค่ะ เป็นฟิคที่รีดเค้นทั้งพลังงานและจิตใจเราพอสมควรเลย
ล..แล้วก็ ร..เราขอโทษเมนคู่นี้ทุกคนด้วยค่ะ ฮืออออ *วิ่งหนี*
ติดแท็กฟิค #kwlfic บอกรีแอคชั่นหรือเม้นท์ในนี้ก็ได้ตามเดิมนะคะ ;w; (ปล.ขอความกรุณานิดนึงค่ะว่าไม่เอาความเห็นแนว victim blaming นะคะ บทน้องในฟิคไม่ผิดค่ะ และน้องเจ็บมาพอแล้วด้วย)