Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Last Chapter

Last Chapter

 

..บางครั้งเราก็ควรเลิกเรียกร้องสิ่งใดที่ตนเองไม่ควรคู่เสียที..

 

            เสียงของแข็งบางอย่างที่ลากผ่านโลหะด้ามยาวดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเรียกความสนใจจากมินโฮไปทั้งหมด  นัยน์ตาเรียวรีมองหาต้นเหตุของเสียงเหล่านั้น  ก่อนจะพบกับร่างหนึ่งที่เขาตามหานั่งอยู่ไม่ไกล  ในมือข้างหนึ่งถือหินลับบรรจงครูดไปมาตามด้านของใบมีดขนาดยาว  หนุ่มเอเชียเคลื่อนกายเข้าใกล้เล็กน้อย

 

โจเจ้นเบือนใบหน้าขึ้นมาตามเสียงการเคลื่อนไหว  ยกมีดด้ามยาวขึ้นชี้เป้าหมายตามสัญชาติญาณ  ขณะที่มินโฮยกสองมือขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองหาใช่ใครอื่น  “ นี่ฉันเอง..

 

เมื่อพบว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร  คนอายุน้อยกว่าก็เอนซบกับลำต้นไม้ใหญ่ตามเดิม  กล่าวกับอีกฝ่ายโดยไม่ได้แม้แต่จะมองหน้ากัน “ นี่เจ้าตามข้ามา? ”

 

“ ฉันอยู่ในทุ่งนี่มานานกว่านายนะ ถ้าจะมีใครสักคนหายไป หากไม่ใช่เพราะอู้งาน

 

“ แต่งานในไร่ของข้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ”

 

มินโฮนั่งลงข้างกัน  ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกลอกตาแสดงความระอาที่ถูกขัดจังหวะ  ..บางทีมันก็อาจเกิดเรื่องไม่ดี ” ในตอนนั้นเองที่โจเจ้นสบมองหน้าเขาอย่างนิ่งงัน  สายตานั่นราวจะเป็นแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เขาต้องพูดความจริง  “ ฉันเป็นห่วงนายมากเข้าใจมั๊ย? ”

 

“ ข้ารู้.. และข้าก็ขอขอบใจในความเป็นห่วงของเจ้า ”

น้ำเสียงที่ดูไร้ซึ่งความใส่ใจนั้นราวจะทอดทิ้งความหวังดีที่มินโฮส่งมอบให้อย่างไร้เยื่อใย

 

ทั้งที่มินโฮเองเป็นชาวทุ่งที่ดูจะมีความสนิทกับโจเจ้นมากที่สุด หากแต่เขากลับรู้สึกว่ายิ่งพยายามวิ่งเข้าหา ก็กลับมีกำแพงกางกั้นกันและกันทุกทีจนเขาไม่อาจผ่านเข้าไปได้เลย 

 

ความเงียบงันอันน่าเจ็บปวดก่อตัวขึ้นครู่ใหญ่..

 

            แสงอาทิตย์ยามอัสดงที่ถูกจำลองขึ้นมานั้นต้องกระทบกับโลหะด้ามยาวที่ถูกลับจนคมกริบ  ฝ่ายเจ้าของแห่งตระกูลรี้ดยกมันขึ้นพิจารณาผลงาน  เรียวนิ้วปัดป่ายกลุ่มผมสีทรายที่ปรกลงใบหน้าบางส่วน ก่อนจะทัดไว้กับใบหู  ..วงหน้านั่น.. มินโฮกลับมองว่าน่าชื่นชมยิ่งกว่าอาวุธประจำตระกูลของเจ้าตัวเป็นไหนๆ

 

“ นายคงรักมันมาก ”

มินโฮสบมองแววตาของอีกฝ่ายที่เหม่อมองราวจะปล่อยให้ความคิดล่องลอยออกไปแสนไกล.. ไกลเสียจนเขาไม่อาจเอื้อมถึง  แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องให้ฝ่ายนั้นหยุดรอเขา

 

“ มากที่สุดในชีวิตของข้าเลยเชียวล่ะ ”  ปลายนิ้วแตะลงบนตราสัตว์เลื้อยคลานนั่น ก่อนจะเก็บมันเข้าฝักอย่างทะนุถนอม

 

แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ..

 

“ มีดนายนี่น่าอิจฉาจังเลยนะ ”

 

“ มินโฮ! ” โจเจ้นร้องลั่นในความไร้เหตุผลนั่น  คาดหวังว่าสิ่งที่ได้รับตอบจะเป็นเสียงหัวเราะผะแผ่วในลำคอกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มจากหนุ่มชาวทุ่ง  มีเพียงความจริงจังจากมินโฮที่ถูกทอดผ่านมาทางสายตา

 

โจเจ้นเริ่มตระหนักได้ว่าการที่ตนเองก้าวห่างออกมาเพียงแค่ก้าวเดียวบางทีก็ดูจะห่างเกินไปสำหรับอีกคน  แต่นิมิตที่พบเห็นเป็นอะไรที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้  เขาก็แค่อยากก้าวออกมา.. เพื่อให้ไม่ให้ความผูกพันมันรัดแน่นเกินกว่าจะคลายออก

 

“ เจ้านี่นะ.. ” คนอายุน้อยว่าประคองฝ่ามือของมินโฮแนบกับใบหน้าของตน  “ เจ้าก็สำคัญนะรู้มั๊ย..   ก่อนจะเลื่อนเรียวปากไล้ตามข้อนิ้วของอีกฝ่าย  “ แต่เราแต่ละคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง ”

 

 นัยน์ตาสีเขียวครึ้มปรากฏความหม่นหมองฉายชัดอยู่ภายใน   “ ข้ามีหน้าที่แค่นำทางเจ้า แต่ข้าเดินทางร่วมกับเจ้าไม่ได้ ”

 

“ โจเจ้น..   มินโฮรู้สึกเหมือนลำคอของตนแห้งผากไปในทันใด มันเหมือนจะยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องโหดร้ายในความฝันที่เคยเจอนั่นกำลังจะเป็นจริง “ ทำไมพูดแบบนี้  จะไปจากฉันรึไง? ”

 

โจเจ้นทนกล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่ตีบตันในลำคอ  บีบแพนิ้วของหนุ่มเอเชียเสียแน่น  “ ร.. เรื่องนั้น..   ประโยคนั้นกลับถูกขัดด้วยเรียวปากแนบแตะลงบนหน้าผากเสียก่อน  ไล้ลงมาตามวงหน้าจนหยุดอยู่ที่กลีบปากบาง

 

“ หากมันมีทางกลับ ข้าก็ต้องไป ..ที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้า ”

 

“ ไม่ไป.. ได้มั๊ย?..   มินโฮเอื้อมแขนหมายจะรั้งร่างตรงหน้าเอาไว้  หากแต่ฝ่ายนั้นกลับขืนตัวออกแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าทุกคนต้องมีหน้าที่ ”  น้ำตาหยดหนึ่งรดรินลงตามผิวแก้ม  โจเจ้นรีบปาดมันทิ้ง  ผินใบหน้าไปอีกทาง  “ ไม่มีใครฝืนโชคชะตาได้หรอก ”

 

“ ได้โปรด.. อย่าไปเลยนะ.. ” มินโฮร้องขอ  นัยน์ตาเรียวรีเปี่ยมประกายเว้าวอน  “ นายก็รู้ว่าถ้านายกลับไป.. มัน.. ” เขาไม่อยากเอ่ยมันออกมาสักเท่าไหร่.. ภาพความตายอันทรมานที่กรีดเฉือนห้วงใจจนเป็นแล่นริ้ว

 

“ พอเถิด..

 

“ ไม่นะ! โจเจ้น! ” หนุ่มเอเชียหมายจะกระโจนไปขวางทางอีกฝ่ายไว้  พลันนั้นเองที่เสียงหวีดลั่นจากการกระทบของโลหะดังขึ้น  รวดเร็วชั่วหนึ่งสายฟ้าฟาด.. ใบมีดด้ามยาวถูกจ่อเข้าตรงหน้าเสียแล้ว  มินโฮสบมองยังปลายแหลมคมของมันสลับกับใบหน้าอ่อนเยาว์นั่น

 

“ นายคงไม่ได้คิดจะทำร้ายฉันจริงๆใช่มั๊ย? ”

เหตุการณ์ช่างคล้ายคลึงกับเมื่อครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอกันที่นี่  แต่ความรู้สึกที่เผชิญมันช่างแตกต่าง

 

“ ข้าอาจจะทำหากเจ้ายังดื้อดึงกับข้าเช่นนี้ ”

 

และแน่นอนว่ามินโฮไม่รับฟังในคำขู่นั่น  “ โจเจ้น.. อ๊ากกก!   คมมีดพลันตวัดเข้าที่ต้นแขน แผลนี้แม้จะไม่หนักหนา ทว่ามันก็สร้างความแสบชาให้ไม่น้อย เขาสังเกตเห็นว่าเรียวมือที่พยายามประคองมีดด้ามยาวเริ่มสั่นเทา

 

“ ได้โปรด.. ” หนุ่มเอเชียอ้อนวอนทั้งน้ำตา  “ จะฆ่าฉันตรงนี้ก็ได้  แต่ขอร้อง.. อย่าไปเลย..

 

โจเจ้นเม้มปากแน่น  ส่ายหน้าปฏิเสธขณะที่ความโศกเศร้าเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาครอบครองนัยน์ตาอีกครั้ง  เขาพยายามซุกซ่อนเอาอาการยอมอ่อนไว้ในเบื้องลึก  จะให้มินโฮเข้ามาใกล้หรือตามมาด้วยอีกไม่ได้เด็ดขาด  คนผมบลอนด์ตวัดคมมีดอีกครั้งหนึ่ง

 

คราวนี้เป็นที่ขา.. แผลลึกกว่าที่ต้นแขนค่อนข้างเยอะทีเดียว  ความเจ็บปวดเกาะกุมเสียจนมินโฮแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่  แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นแทบจะเทียบกันไม่ได้กับความรู้สึกที่กัดกร่อนภายในอกนี้

 

“ อย่าฝืนอีกเลย..

 

คล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นกระชากร่างเขาให้ห่างออกไป  เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ “ ไม่!   มินโฮพยายามเอื้อมคว้าอีกฝ่ายจนสุดแขน  ทว่าสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความว่างเปล่า  และแววตารวดร้าวสีเขียวหม่นคู่นั้น

 

“ โจเจ้น.. ได้โปรด..

แค่อยากขอโอกาสครั้งสุดท้าย  ให้โจเจ้นตอบตกลงและอยู่ที่นี่ดังเดิม แม้ความหวังมันจะเล็กน้อยราวเทียนใกล้มอดดับก็ตาม ..ขอได้ไหม..

 

“ ข้าขอโทษมินโฮ.. ข้าขอโทษ ”  ทายาทตระกูลรี้ดย่างฝีเท้าก้าวห่างออกไป  น้ำตานองหน้าในที่สุด 

 

มันช่างเจ็บปวดเหลือเกินที่มินโฮไม่อาจเขยื้อนร่างได้ตามอย่างใจนึก  เรือนกายของอีกฝ่ายที่จากไปเลือนรางลงทุกขณะในสายตา  ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยม่านหมอกหนาทึบทีละน้อย.. ทีละน้อย

 

การมองเห็นที่เป็นอยู่ในตอนนี้มืดบอด  พลันนั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนร่วงหล่นจากที่สูง  แรงเหวี่ยงมหาศาลไร้ที่มาโคลงหนักหน่วง  สองมือพยายามปัดป่ายหาสิ่งที่ทำให้ทรงตัวได้  แต่ก็ดูจะไร้ผล.. จนสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยให้มันเป็นไป

 

เพราะต่อให้จะต้องไปเจอกับอะไรที่ผู้สร้างอาจก่อขึ้นมา.. มินโฮก็คงไม่รู้สึกแย่กับมันไปมากกว่านี้อีกแล้ว

.

.

 

 

“ โจเจ้น!

 

มินโฮสะดุ้งตื่น  หอบหายใจหนักหน่วงราวกับเพิ่งวิ่งวนมาในวงกต  เหงื่อกาฬโชกชุ่มแผ่นหลัง  ครั้นพอเริ่มได้สติ  ความเจ็บแสบก็แล่นมายังต้นแขนและหน้าแข้งทันทีจนต้องหลับตาลงดังเดิม  ยิ่งพยายามจะขยับกายก็ยิ่งเจ็บ  มินโฮมองรอบด้วยความงุนงง  นี่มัน.. ห้องพยาบาล?

 

“ เบาๆสิ  ขยับแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก ”  คลินท์ตรงเข้ามาช่วยประคองให้เขาลุกในท่านั่งได้สะดวกขึ้น  มินโฮก็ยิ่งสับสน.. ไม่รู้ว่าเจ้าตัวสลับหน้าที่กับวินสตันไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

ถึงกระนั้นความคลางแคลงใจในเรื่องอื่นก็มีมากกว่า  “ นี่ฉัน.. เกิดอะไรขึ้น? ”

 

“ เอ่อ.. เอาจริงๆเรื่องนั้นฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอก ” คลินท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ แต่อัลบีบอกฉันว่านายไปเอาฟืนในป่านั่น  แต่นายไปนานจนพวกเราคิดว่าต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ๆ  พออัลบีเข้าไปตาม ก็เจอสภาพแบบที่เห็นนี่แหละ ”

 

มินโฮก้มมองยังบาดแผลใหญ่สองจุดที่ถูกรักษาไปมากแล้วพอสมควร  แผลเหล่านี้ก็ดูเจ็บแสบเกินกว่าจะเกิดจากคมมีดธรรมดา  บาดแผล.. ที่โจเจ้นเป็นคนทำร้ายเขา

 

ถ้าเช่นนั้นแล้ว.. บัดนี้ตัวการณ์นั่นไปอยู่ที่ไหนกัน  “ คลินท์.. นายเห็นโจเจ้นบ้างมั๊ย? ”

 

ทันทีที่ได้ยินคำถาม สีหน้าของเพียบาลหนุ่มก็พลันเต็มไปด้วยความสับสน  “ โจเจ้น?  ใครกัน? ”

 

ราวกับมีบางอย่างฟาดเข้ากลางศีรษะอย่างแรงจนมึนงง  มินโฮขมวดคิ้วแน่น  ชาวทุ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ก็มีจำนวนเพียงหยิบมือ  จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ใครคนหนึ่งจะจำคนอื่นๆไม่ได้

 

“ เอางี้นะมินโฮ  เดี๋ยวฉันจะไปตามคนอื่นมา  บอกว่านายฟื้นแล้ว ”

 

ทิ้งระยะห่างของช่วงเวลาเพียงไม่นานนักที่ชาวทุ่งคนอื่นตามมาถามไถ่อาการ  หากแต่ในกลุ่มคนเหล่านั้น.. กลับไร้ซึ่งวี่แววของโจเจ้น รี้ด

“ นายหมดสติไปตั้งสองวันแน่ะเพียก  เรานึกว่านายจะโดนเหมือนนิคเข้าซะแล้ว ”

 

สองวัน.. สองวันเชียวหรอ?!

 

“ แล้วโจเจ้นอยู่ที่ไหน? ”

 

อัลบีชะงักงัน  หันมองหาฝ่ายเพียบาลอย่างขอความช่วยเหลือ  คลินท์เพียงแต่ยักไหล่  “ เขาถามหาชื่อคนๆนี้ตั้งแต่ตอนฟื้นแล้ว ”

 

“ เอ่อ.. ขอโทษนะมินโฮ  แต่เราไม่รู้จริงๆว่านายพูดถึงใคร ” หัวหน้าชาวทุ่งวางมือบนลาดไหล่หนุ่มเอเชียที่ตอนนี้มีสีหน้าสะเทือนใจไม่น้อย  “ มันอาจจะคนใกล้ชิดของนายตอนก่อนที่จะส่งมาที่นี่ก็ได้ ”

 

มินโฮรู้ดีว่าไม่ใช่  ถึงแม้จะถูกลบความทรงจำก่อนจะส่งตัวมายังท้องทุ่งนี้  แต่เขาก็มั่นใจว่าทายาทตระกูลรี้ดผู้นั้นห่างไกลจากโลกที่เขาจากมาอยู่โข  และพวกเขาทั้งหมดก็เคยพบเจอกับโจเจ้นตอนถูกส่งมาในกล่องเหล็กนั่นแล้วแท้ๆ  แต่ทำไม?..

 

“ แต่พวกนาย.. ตอนนั้นพวกนายก็เห็น ”

 

ความสับสนตีรวนจนแตกกระจายเป็นความคลุ้มคลั่ง

ไม่.. เขาจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าโจเจ้นเคยมีตัวตนที่นี่

 

“ แล้วคนทั้งคนมันจะหายไปได้ยังไงกันวะ!!! ” มินโฮตวาดเกรี้ยวจนอัลบีต้องปลอบให้ใจเย็น  เกลียวคลื่นแห่งความกังวลถาโถมจนเขาสั่นสะท้าน  “ พาฉันไปที่กำแพงชื่อที.. ได้โปรด ”

.

.

 

            ปลายนิ้วแกร่งไล้ตามพื้นที่ว่างเปล่าบนกำแพงยักษ์เบื้องหน้า  มินโฮจำได้เป็นอย่างดีว่ามันเคยปรากฏชื่อของโจเจ้นที่ตรงนี้  ..ก็เขาเป็นคนสลักมันไว้ด้วยตัวเอง  เขากำหมัดแน่น  ทำนบความแข็งแกร่งที่เคยมีพังทลาย  ร่างสูงทรุดกายลงตรงนั้น  ทุบกำปั้นเข้ากับกำแพงหินครั้งแล้วครั้งเล่า  สะอื้นไห้จนตัวโยน

 

ไม่เคยมี.. ไม่เคยอยู่ที่นี่..

 

“ ทำไมกัน! ทำไม!!

 

โจเจ้นไม่เพียงแต่จะไปจากเขา.. ทั้งยังสาบสูญไปจากความทรงจำของชาวทุ่งทุกคนอีกต่างหาก

แรงยึดเหนี่ยวหนึ่งเดียวหายไปเสียแล้ว.. เขาร่วงหล่น.. ถูกความทรงจำของกันและกันดูดดึงแล้วฝังไว้ให้ตายทั้งเป็นภายใต้เศษซากจิตใจที่หักพังและแหลกลาญ  ที่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่เขาจึงจะสามารถซ่อมแซมมันกลับได้ดังเดิม

 

..ความเป็นจริงมักเฆี่ยนตีเราอย่างโหดร้ายเสมอแบบนี้แหละ..

 

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

..มินโฮรู้ดีว่าอะไรที่ไม่ใช่ของตน.. มันย่อมไม่มีทางเป็นของตน..

 

            ถึงแม้เขาจะพยายามคิดเช่นนั้น  หากแต่มันก็ยังทำใจได้ลำบากอยู่ดี  การที่คนสำคัญคนหนึ่งสูญหายไปจากชีวิตหาใช่เรื่องใครปรารถนา  ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนที่ผูกพันมากจนเผลอถลำไปทั้งใจแล้ว ..มันดูเศร้ายิ่งกว่าเสียอีก  เขาพยายามลบเลือนโจเจ้นมากเท่าไหร่  ช่องว่างในใจเหมือนจะเพิ่มพื้นที่มากเข้าทุกที

 

..เป็นหลุมลึกที่ถมอย่างไรก็ไม่มีวันเติมเต็มดังเดิมได้ ..ทั้งวูบโหวงรวดร้าวในคราวเดียวกัน

ราวกับถูกทิ้งไว้เพียงลำพังบนโลกใบนี้  ทั้งที่มีชาวทุ่งรายล้อมอยู่รอบกาย

 

กองเพลิงขนาดใหญ่ถูกจุดให้ลุกโชติช่วงกลางลานหญ้ากว้าง  เป็นอีกครั้งที่เหล่าชาวทุ่งจัดงานเลี้ยงรื่นเริงกันขึ้นเพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ตนเองหลังจากผ่านการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

 

“ เฮ้!

พลันนั้นเองที่เสียงของใครบางคนพร้อมด้วยฝ่ามือที่วางแปะลงบนลาดไหล่กระชากมินโฮออกจากภวังค์โศก  ไม่ใช่ใครอื่น.. แกลลี่นั่นเอง

 

“ ถ้าจะมาหาเรื่องกันล่ะก็  วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์เล่นด้วยหรอกนะ ”

 

“ ให้ตายสิวะ ” แกลลี่สบถ  ขณะที่เหลือบตาขึ้นบนอย่างหน่ายๆ  “ คิดว่าฉันอยากมีเรื่องกับไอ่หัวขวดสติหลุดที่เอาแต่นั่งเหม่อรึไง?!

 

เจ้าเพียกน่าหมั่นไส้แห่งท้องทุ่งกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นขวดแก้วสีทึบให้ตรงหน้า  “ แต่เห็นนายเป็นแบบนี้แล้วแม่งรำคาญตาชะมัด  เอาไป! ดื่มซะจะได้ลืมๆ ”

 

มินโฮรับเอาขวดแก้วมาไว้ในมืออย่างงุนงง  ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเครื่องดื่มภายในนั้นเป็นสิ่งใด  “ นี่อะไร? ”

 

“ สูตรลับทางการค้า ” แกลลี่ยักไหล่  “ ดื่มๆไปเหอะ  ฉันไม่ใส่ยาพิษหรอก ถ้าจะฆ่านายมันมีวิธีอื่นให้สะใจกว่าอีกตั้งเยอะ ”

 

ถึงแม้คำพูดนั่นจะดูน่าแจกหมัดสั่งสอนไม่น้อย แต่มินโฮก็รู้ดีว่าความรักและเป็นห่วงคนในท้องทุ่งจากอีกฝ่ายนั้นก็มีมากไม่แพ้ใครอื่น  “ ขอบใจ ”

 

หนุ่มเอเชียไม่ซักไซ้สิ่งใดต่อจากนั้น  เขากระดกไปหนึ่งครั้งด้วยความอยากรู้  รสชาติขมเฝื่อนของมันอวลกระจายในโพรงปากและลำคอ  ร้อนผ่าวเสียจนเขารู้สึกว่าหัวใจสูบฉีดเลือดรัวแรงกว่าเก่า  ..แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามันทำให้มินโฮรู้สึกดีเป็นบ้า  เขากระดกเอาเครื่องดื่มนี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  จนไม่รู้ว่าสติรับรู้ของตนเลือนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

..มินโฮรู้เพียงว่ารสขมปร่าของมันชะล้างความขมขื่นในอกได้ดีเหลือเกิน..

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

กึก.. กึก.. ครืดดดด..

 

            เสียงการเคลื่อนไหวจากกล่องเหล็กเจ้าประจำที่ดังขึ้นในช่วงเช้าตรู่วันถัดมาราวจะเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดีให้กับชาวทุ่ง  ทุกคนหมายจะมุ่งไปเฝ้ารอตรงปากกล่องอย่างตื่นเต้นเพื่อรอดูว่าเด็กใหม่ที่ถูกส่งมาร่วมเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับพวกเขานั้นจะเป็นใคร  หากแต่ความใคร่รู้นั้นหาได้เกิดกับมินโฮ..

 

“ ไอ่กล่องเวรตะไลนี่มันจะมาอะไรเอาตอนเช้าๆแบบนี้วะ ”

ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงคั่งค้างจากเมื่อคืนเล่นงานเขารุนแรงทีเดียว  อาการปวดหนึบแล่นกระจายทั่วศีรษะจนอยากจะนอนต่อ  แต่ชาวทุ่งไม่ยอมให้เขาเป็นไอ้เพียกขี้เซา  ใครบางคนสาดน้ำเย็นจัดใส่หน้าจนมินโฮจำยอมต้องตื่นอย่างช่วยไม่ได้  เขาสบถด่าชุดใหญ่ขณะพยายามสะบัดไล่ความงัวเงีย

 

ไอ้ปลวกแกลลี่นั่นต้องจงใจแกล้งเขาแน่ๆ!

 

            มินโฮพับเก็บความขุ่นเคืองนี่ไว้ก่อน  กะว่าค่อยเอาคืนฝ่ายนั้นในคราวหลัง  หนุ่มเอเชียเดินสะเปะสะปะจนมาถึงที่หมาย  เป็นเวลาเดียวกันกับที่กล่องเหล็กเคลื่อนขึ้นมาจนสุดทางพอดี  ทันทีที่ได้เห็นว่าน้องใหม่ประจำทุ่งคนนั้นคือใคร  มินโฮก็แทบจะสร่างเมา ห้วงคำนึงถูกโอบล้อมด้วยความตะลึงงัน

 

            ร่างผอมบางที่ถูกส่งมาสั่นระริกราวลูกกวางตัวน้อยติดกับนายพราน  เสื้อฮู้ดสีมอที่ฝ่ายนั้นสวมใส่แลดูโคร่งเกินพอดี  หมิ่นเหม่จนเผยให้เห็นผิวเนื้อและเสื้อกล้ามสีเข้มภายใน  และที่สำคัญ.. ใบหน้านั้นเหมือนกับโจเจ้น รี้ดจนแทบจะเป็นคนเดียวกันก็ว่าได้!  หากจะมองหาความแตกต่าง.. ก็คงจะเป็นนัยน์ตาที่เบิกกว้าง มองพวกเขาอย่างหวาดหวั่น.. มันเป็นสีน้ำตาล

 

ทว่ามันก็ทำให้ห้วงอารมณ์ของมินโฮตีรวนจนหวั่นวูบได้ไม่แพ้กัน

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

TALK TO WRITER:

หวังว่าคงเป็นตอนจบที่ดีกันอยู่นะคะ แต่มันก็จบดีที่สุดแล้วนะ ;;w;;

ขอขอบคุณพี่ไอวิช @iwish2_iwish ที่ให้คำปรึกษาเรื่องฟิคนี้เยอะมาก ช่วยปรูฟอีกต่างหาก  รักนะงือออออ

และที่สำคัญเลยก็คือขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้กันมาค่ะ *โปรยหัวใจให้แล้วกอดดดด*

ถ้ามีอะไรอยากจะติชม  ช่วยคอมเม้นท์บอกไม่ก็เมนชั่นมาหากันได้ที่แอค @miwii_kowling นะคะ :3

 

Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Chapter III

Chapter III

 

เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูกหลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่..

 

            แม้จะผ่านมาครู่ใหญ่แล้ว  ทว่าสัมผัสอ่อนอุ่นเหมือนจะยังตราตรึงบนเรียวปากอยู่เลย  ทั้งยังเสียงชีพจรที่ระรัวโครมครามจนแทบจะออกมานอกอก  มินโฮไม่รู้หรอกว่าชีวิตของเขาในก่อนหน้าที่จะถูกส่งมายังที่นี่นั้นตนเองจะเคยจูบกับใครมาก่อนบ้าง  ..หากแต่เขาชอบจูบนี้เหลือเกิน

            อยากสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะพอใจ..

 

จนกระทั่งเมื่อเสียงเคลื่อนตัวของวงกตด้านหลังกำแพงยักษ์ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงได้สติกลับมา  ก่อนจะพบว่าโจเจ้นกำลังหัวเราะน้อยๆในท่าทีของตน  มินโฮเกาท้ายทอยกลบเกลื่อน

 

“ เอ่อ.. แล้ว.. เคยจูบกับใครมาก่อนมั๊ย? ในโลกที่นายจากมาน่ะ ”

มินโฮกระหายที่จะรู้ยิ่งนัก เพราะเขาเชื่อว่าอย่างไรเสียเด็กหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์อย่างคนตรงหน้านี่ก็คงต้องมีว่าที่นายหญิงสักคนบ้างแล้วเป็นแน่.. ซึ่งความคิดนั้นทำให้เขาร้อนรุ่มในอกไม่น้อย

 

พลันนั้นเองที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ซ่านสีเลือดยิ่งกว่าเก่า  “ คือเรื่องนั้น” ดวงเนตรสีเขียวหม่นช้อนมองครู่หนึ่งก่อนจะหลุบต่ำลง  “ ข้ายังไม่เคยทำแบบนี้กับใครหรอกนะ ”

 

ก่อนที่ความรู้สึกเหล่านั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจกับสิ่งที่ไม่เป็นตามที่คิด  มินโฮเลิกคิ้ว  หากแต่กลับโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

 

โจเจ้นคลี่ยิ้มฝืดเฝือน  “ ก็ดูสิว่านิมิตทำอะไรกับตัวข้า.. มันคงจะลำบากถ้าหากข้าจะต้องดูแลใครสักคน ”  เด็กหนุ่มถดท่อนขาขึ้นมาชันไว้แนบอก  ถอนหายใจพรืดยาว  “ ทุกวันนี้พี่สาวยังต้องดูแลข้าอยู่เลย ”

 

“ นับตั้งแต่มาที่นี่ นิมิตไม่บอกอะไรเกี่ยวกับพี่สาวข้าเลย ”

 

กระแสความห่วงหาทอดผ่านมาในน้ำเสียงอย่างปิดไม่มิด  มินโฮอดเอ็นดูระคนสงสารไม่ได้  เขาเขยิบกายเข้าใกล้  ก่อนจะวางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมสีทราย  ลูบไล้อย่างแผ่วเบา ..ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากทำหน้าที่ดูแลโจเจ้นไปนานๆเสียแทน

 

“ เล่าเรื่องโลกที่นายจากมาให้ฟังหน่อยสิ ”

 

โจเจ้นพยักหน้าตกลง  “ แต่ข้าขอสิ่งหนึ่ง.. มีดด้ามยาวของข้าน่ะ ”  โจเจ้นชี้ไปยังเรือนเก็บอาวุธที่อยู๋ไม่ไกลกันนักจากเรือนพัก  คำร้องขอนั่นทำเอามินโฮรู้สึกสับสน  เมื่อเห็นสีหน้านั้นเด็กหนุ่มจึงกล่าวต่อให้กระจ่าง  “ ข้าแค่จะใช้มันมาช่วยบอกเรื่องราวน่ะ  ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ไม่เชื่อใจหรืออย่างไร? ”

 

เขาเชื่อใจโจเจ้นอยู่แล้ว.. เชื่อใจมากทีเดียว  อีกฝ่ายคงไม่ทำกับคนที่เพิ่งช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายหรอก

.

.

 

            มินโฮวิ่งกลับมาพร้อมด้วยมีดด้ามยาวที่โจเจ้นเคยพกติดตัวเป็นประจำก่อนที่มันจะถูกยึดไปโดยอัลบี  ทายาทตระกูลรี้ดยื่นด้ามสีเขียวเข้มปนน้ำตาลให้เขาได้เห็นเต็มตา  และเมื่อมันกระทบกับแสงไฟเรื่อเรืองจากตะเกียง  ลายสลักบนด้ามก็ปรากฏอย่างชัดเจน

 

ปลายนิ้วซีดขาวละไล้ตามลายนูนต่ำนั่น  “ ในโลกของข้า.. แต่ละตระกูลมีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ประจำตระกูลของตัวเอง  และนี่คือตระกูลรี้ด.. ตระกูลแห่งข้า ” 

 

มินโฮเพ่งพิศ  รูปร่างนั้นคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลานขนาดเขื่อง  ปลายหางที่อุดมด้วยเกล็ดแข็งตวัดม้วนขึ้น ..ดูลึกลับและน่าเกรงขาม

 

“ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังติดตัวข้าอยู่ และมันทำให้ข้าคิดถึงโลกของข้า ”  นัยน์ตาสีมรกตทอประกายอบอุ่นน่ามอง  “ เจ้าอยากฟังต่อรึเปล่า? ”  และมินโฮก็ตอบตกลงโดยไม่นึกลังเล

 

            เรื่องราวที่เขารับฟังมานั้นโหดร้ายพอควร  ที่แห่งนั้นเปี่ยมด้วยสงครามและการแย่งชิงจากเจ็ดตระกูลยิ่งใหญ่เพื่อการครอบครองดินแดนที่ชื่อว่าเวสเตอรอส  แตกต่างจากโลกในประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของมินโฮโดยสิ้นเชิง  

 

มินโฮคิดว่าที่แห่งนั้นโหดร้ายเสียยิ่งกว่าท้องทุ่งปริศนานี้เสียอีก.. และโจเจ้นก็หาได้ควรคู่กับความโหดร้ายนั้นเสียเลย  หากพรสวรรค์ในการมองเห็นอดีตและอนาคตผ่านนิมิตนั้นจะส่งผลให้เจ้าตัวต้องเจ็บป่วยออดๆแอดๆเช่นนี้ก็อย่ามีเสียดีกว่า

 

หนุ่มเอเชียทอดมองลายวิจิตรบนด้ามมีดยาวนั่นอีกครั้ง  ก่อนจะเบือนหน้ายังกำแพงยักษ์  ..เขาอยากจะอยู่กับโจเจ้นไปอีกนานแสนนาน  แต่แน่นอนว่าในสถานที่ที่ดีกว่านี้  “ นายว่าฉันจะออกไปได้มั๊ย? ”

 

“ แน่นอนอยู่แล้ว ”

คำตอบจากฝ่ายนั้นทำเอาหัวใจพองโตด้วยความหวัง

 

“ แต่ว่า.. มันอาจไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนักหรอก ” เนื่องด้วยโจเจ้นมองเห็นและรู้ดีว่าโลกภายนอกวงกตนั้นเป็นเช่นไร  ..มันคือแดนมอดไหม้ ด่านทดสอบแหล่งถัดไปจากที่นี่  ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าที่แห่งนั้นจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ..เพราะมันไม่ใช่เลยสักนิดน่ะสิ

 

“ จะยังไงก็เหอะ ฉันว่ามันต้องดีกว่าที่ปลวกนี่อยู่ดีนั่นแหละ ”

 

เด็กหนุ่มแอบนึกเห็นด้วยอย่างช่วยไม่ได้  เพราะอย่างน้อยก็คงจะดีกว่าอยู่ในท้องทุ่งแห่งนี้ไปวันๆโดยไม่ทำอะไรเลยแล้วรอให้เจ้าโศกาพวกนั้นทำลายชีวิตไปทีละคน.. ทีละคน..  สู้ไปเผชิญด่านทดสอบที่ดูจะหนักหนายิ่งกว่าแต่จบลงด้วยการเจอสถานที่ปลอดภัยก็ดีกว่าเป็นไหนๆ

 

“ งั้นช่วยบอกฉันสักนิดได้มั๊ยว่าเราจะออกจากที่นี่กันไปยังไง? ไม่ใช่ว่าต้องฝ่าวงกตนั่นไปหรอกนะ ”

 

“ แล้วถ้าข้าบอกว่าใช่ล่ะ? ”  นัยน์ตาเรียวรีเบิกกว้างขึ้นทันทีหลังจากหมอดูจำเป็นกล่าวจบ

 

“ ห๊ะ?!! แต่ว่ามันนายก็เห็นไม่ใช่หรอว่ามันเป็นไปไม่ได้ ”  ทั้งวงกตที่เปลี่ยนรูปแบบทุกค่ำคืนกับเจ้าสัตว์ร้ายโศกานั่นอีก  โอกาสจะหนีรอดแทบจะเป็นศูนย์

“ วิธีอื่นไม่ได้หรอ?  แบบ.. เอ่อ.. ลงไปในกล่องนั่นไง ”  ก่อนจะชี้ไปยังกล่องเหล็กที่จะส่งเด็กใหม่มาทุกเดือน

 

“ อย่าเลยดีกว่า ” โจเจ้นส่ายหน้า  “ นี่ถือว่าข้าเตือนแล้วนะ ”

 

เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของหนุ่มเอเชีย  เด็กหนุ่มก็รีบอธิบายต่อ  “ ความกลัวมันจะทำให้เจ้าอยากวิ่งหนี  แต่หนทางที่จะเอาชนะความกลัวคือต้องวิ่งข้ามผ่านมัน ”

 

เพราะที่นี่หาใช่สถานลงโทษ  หากแต่เป็นบททดสอบ..

 

“ เจ้าต้องวิ่งออกไป.. นอกวงกตนั่น ”  ทายาทตระกูลรี้ดชี้ปลายมีดด้ามยาวของตนไปยังด้านกำแพงยักษ์  “ มันอาจจะต้องใช้เวลา  แต่เชื่อข้าว่าเจ้าจะต้องออกไปได้ ”

 

“ โจเจ้น..

 

“ สัญญากับข้าอย่างหนึ่งนะมินโฮ ” นัยน์ตาสีเขียวหม่นจับจ้องใบหน้าของเขา ประกายความจริงจังที่ปรากฏเปี่ยมล้นภายในนั้น มันหนักแน่นจริงจังเสียจนดูจะไม่เป็นเพียงแค่คำสัญญา ทว่าเป็นการฝากฝั่ง..  “ อย่าทิ้งความหวังเด็ดขาดนะ ”

 

“ ได้สิ.. ” หนุ่มเอเชียแย้มยิ้มยื่นเรียวมือสอดประสานแพนิ้วแนบแน่น  ถ่ายทอดความเชื่อใจ “ เพราะยังไงฉันก็ไม่ทนอยู่ที่ปลวกๆนี่ต่อเด็ดขาด ”

 

“ แล้วถ้าเราออกไปข้างนอกนั่นกันได้  เอ่อ.. หมายถึงว่าถ้านายยังกลับไปไม่ได้ด้วย  ไปอยู่กับฉันมั๊ย? ”  

มินโฮแทบจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อจบประโยค ..นี่เขาพูดปลวกอะไรออกไปวะเนี่ย?!  “ อ่า.. นายก็คงเห็นอยู่แล้วสินะว่าอนาคตนั่นจะเป็นยังไง ”

 

โจเจ้นเพียงแต่คลี่รอยยิ้มบางเบา  ..รอยยิ้มที่ดูจะหาได้ยากยิ่งเหลือเกินจากคนนี้   เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆแทนคำตกลง  ทั้งที่ก็ได้พบเห็นอนาคตมาแล้วผ่านพลังพิเศษ  ทว่าบางครั้งการโกหกเพื่อสานต่อความหวังให้ใครอีกคนก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

 

..เขาเห็นเปลวเพลิงลุกโชนท่วมร่างของตนเอง   

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

เรื่องราวแปลกประหลาดเข้ามาเยี่ยมเยือนความฝันของมินโฮอีกครั้ง..

 

            สถานที่แห่งนั้นปกคลุมด้วยหิมะชั้นหนาทั่วบริเวณ  สภาพอากาศที่ดูไม่น่าจะมีพืชพันธุ์ชนิดไหนรอดชีวิตได้  ความหนาวเหน็บที่รายล้อมเสียดแทงลึกถึงกระดูก กลับปรากฏไม้ใหญ่สูงตระหง่าน ณ ยอดเนิน  กลุ่มใบสีแดงสดจับตามกิ่งก้านที่แผ่ขยายสาขาถ้วนทั่ว ..มันสวยงามจนไม่อาจบรรยาย

 

หากแต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้อุณหภูมิรอบกายเหมือนจะยิ่งติดลบเพิ่มมากขึ้นไปอีก!

 

“ โจเจ้น!

 

ฝ่ามือปริศนาที่โผล่พ้นจากกองหิมะฉุดเอาทายาทตระกูลรี้ดให้ล้มลงก่อนจะลากเจ้าตัวไปอีกทาง  มินโฮทำได้เพียงตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายสุดเสียง  ทว่าตนเองไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนกายหรือหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ได้เลย

 

ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อกองทัพร่างโครงกระดูกต่างทยอยพากันขึ้นมาจากพื้นหิมะเข้าโจมตีกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน  และในตอนนั้นที่มินโฮเห็นหญิงสาวอีกคน.. ที่คาดว่าน่าจะเป็นพี่สาวของโจเจ้นตามที่เจ้าตัวเคยเล่า  พยายามปกป้องผู้เป็นน้องสุดกำลัง  หากแต่ความอ่อนล้าจากการเดินทางที่ยาวนานทำให้แต่ละคนมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำได้สูง

 

แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้..

 

 

 

ฉึก!

 

            หลังจากโจเจ้นตะโกนร้องบอกเด็กชายอีกคนให้ระวังตัวเพียงไม่นาน  คมมีดจากผีดิบตนหนึ่งก็พุ่งเข้าเสียบร่างของฝ่ายนั้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะทิ่มแทงย้ำเข้าแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  “ ไม่!!! ”  ราวกับว่านั่นกำลังกรีดเฉือนห้วงหัวใจเขาไปด้วย  รวดร้าวไปทั้งอก..

 

“ ไม่.. ได้โปรด.. ”  มินโฮแทบจะอ้อนวอนร้องขออะไรก็ตามที่ทำให้เขาต้องทนมองภาพความโหดร้ายเช่นนี้  ยิ่งคนที่ถูกทำร้ายนั่นเป็นคนที่ไม่ควรคู่แล้วด้วย

 

เขาเพียงแต่ปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงริน  แม้แต่จะหันหน้าหลับตาหนียังไม่อาจทำได้  

“ อย่าทำร้ายเขา.. อย่า..

.

.

 

“ มิน.. มินโฮ.. ” 

 

ช่างโชคดีเหลือเกินที่เสียงอันคุ้นเคยนั่นเรียกให้เขากลับสู่ความเป็นจริง  ใบหน้าของคนที่เพิ่งถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในความฝันกำลังจับจ้องมายังตัวเขาด้วยความกังวล  “ ข้าอยู่นี่.. ข้าอยู่กับเจ้า..

 

“ ฉัน.. ฝัน.. ” มินโฮพยายามหยุดอาการสะอื้นของตนเองเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาละไล้คราบน้ำตาบนใบหน้า  เขาเพิ่งรู้ตัวว่าร้องไห้ไปหนักมาก  “ ฝันเห็นนาย..

 

“ ชู่วว.. ข้ารู้  ข้าก็เห็นมัน ”

 

จิตใจที่แตกร้าวเหมือนจะยิ่งถูกบดให้แหลกละเอียดยิ่งกว่าเก่า  การที่โจเจ้นรับรู้ถึงความฝันของเขาด้วยเช่นนี้เท่ากับว่ามันไม่ได้เป็นเพียงความฝันทั่วไป  หากแต่เป็นนิมิตที่ทำให้เห็นอนาคตของเจ้าตัว  .. มันเป็นเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง

 

“ หมายความว่านายกำลังจะ.. ตาย? ”

 

เขากำลังจะสูญเสียโจเจ้นไปอย่างนั้นหรือ?

ไม่นะ..

ไม่มีทาง.. มินโฮจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด

 

“ ไม่หรอก ” โจเจ้นพยายามยิ้มปลอบ  เลื่อนปลายนิ้วตามวงหน้าคมขึ้นลูบแผ่วเบายังกลุ่มผมสีดำสนิทที่ชื้นเหงื่อ  “ ถ้าข้ากลับไปไม่ได้มันก็จะไม่เกิดขึ้น ”

 

“ อยู่กับฉันนะโจเจ้น  ได้โปรด..

 

“ ข้าจะไม่ไปไหนเลย ”

เด็กหนุ่มเอนร่างลงบนพื้นที่ว่างบนเปลนอนที่ยังเหลืออยู่  อ้อมแขนแข็งแกร่งก็รีบตระกองกอดร่างไว้แนบแน่น มินโฮหวาดกลัวเรื่องในความฝันนั่นเหลือเกิน 

 

“ อย่ากังวลไปเลย.. การที่ข้าข้ามมาอีกโลกอาจทำให้นิมิตผิดพลาดไปบ้างเท่านั้นเอง ”  โจเจ้นเขยื้อนกายเล็กน้อย เอื้อมเรียวแขนกอดตอบ  ทั้งที่พยายามจะปลอบประโลมฝ่ายหนุ่มเอเชียให้เลิกครุ่นคิดจากเหตุร้ายในฝัน  หากแต่กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ประกายความขมขื่นแจ่มชัดในแววตา

 

โจเจ้นรู้ดีว่านิมิตไม่เคยโกหก..

 

TBC.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Chapter II

Chapter II 

 

ชีวิตในทุ่งก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก..

 

            งานของโจเจ้นนั้นไม่ใช่งานที่ต้องใช้แรงกำลังมากมายเหมือนพวกฝ่ายก่อสร้างอย่างมินโฮ  ฟรายแพนก็ปฏิเสธการให้เขาช่วยเป็นลูกมือในครัวพัลวัน  เพราะเกรงว่ามื้ออาหารมื้อนั้นอาจเป็นมื้อที่เลวร้ายที่สุดสำหรับชาวทุ่ง  จะให้ไปเป็นหน่วยแพทย์รึก็ไม่อยาก  จึงกลายเป็นว่าโจเจ้นต้องไปทำงานในไร่ที่ปกติพวกชาวทุ่งจะผลัดเวรกันทำอย่างช่วยไม่ได้

 

ที่จริงมันก็หนักเอาการ.. แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้เห็นพืชพันธุ์ที่ตนลงทุนลงแรงเพาะปลูกนั้นงอกงามขึ้นมา

 

            โจเจ้นพาร่างเหนื่อยอ่อนจากการทำงานทั้งวันมายังมุมหนึ่งในท้องทุ่ง  ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ยามเย็นที่ไม่ค่อยมีใครผ่านมาให้รบกวนจิตใจมากนัก  แต่อันที่จริงแล้วคนในทุ่งก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้นหรอก  เด็กหนุ่มเอนกายแนบกับลำต้นสูงใหญ่  นัยน์ตาสีมรกตสบมองท้องฟ้าแปลกประหลาดเบื้องบน.. ประกายทองเจือจางขลิบขอบฟ้าที่จรดกับยอดกำแพงยักษ์คล้ายช่วงตะวันจะลาลับ  หากแต่ไร้ซึ่งตะวัน.. แม้แต่เมฆสักนิดก็ไม่มีให้เห็น

            ก็แน่ล่ะ.. นี่มันไม่ใช่ท้องฟ้าจริงๆเสียหน่อย  ไม่ได้มีเพียงโจเจ้นที่สังเกตเห็น  แต่ชาวทุ่งคนอื่นก็รู้เช่นกัน

 

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น  ฉงนอยู่ครู่หนึ่งจึงปล่อยวาง  ครุ่นคิดให้หนักอกไปก็คงจะไร้ประโยชน์

 

ทว่าก่อนจะได้หลับตาลงเพื่อพักผ่อนสักงีบ.. เงาทึบจากร่างใหญ่ก็ปรากฏมาบดบังแสงอ่อนจางที่ต้องกระทบใบหน้า  ..โจเจ้นจำได้ว่าคนตรงหน้านี้ชื่อนิค

 

มวลความอึดอัดอันไม่น่าไว้วางใจก่อตัวขึ้นหนาทึบจนโจเจ้นแทบทนไม่ไหว

 

“ นายไม่ควรมาที่นี่เลยว่ามั๊ย? ”  เนื่องด้วยทิศที่โจเจ้นมองอยู่ขณะนี้ย้อนแสง  จึงไม่อาจเห็นว่าฝ่ายนั้นมองกันด้วยแววตาแบบใด  “ นายจะทำให้ที่นี่เปลี่ยนไปครั้งใหญ่ ”

 

บัดนี้โจเจ้นไร้ซึ่งอาวุธใดๆติดไว้ป้องกันตัว  แม้แต่มีดด้ามยาวประจำตัวนั่นก็ยังโดนสั่งห้ามตามกฎ  เนื่องด้วยอัลบีเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยหากเกิดการทะเลาะกันระหว่างคนในทุ่งด้วยกัน

 

ร่างสูงใหญ่ขยับเล็กน้อย  ตอนนั้นเองที่โจเจ้นได้เห็นรอยแผลขนาดกว้างบนลาดไหล่ เส้นเลือดเขียวคล้ำชัดเจนจนน่ากลัว  เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง  เขารู้แล้วว่าเคยพบเจอท่าทีคลุ้มคลั่งนี้มาจากที่ไหน  ไม่เพียงแต่สัญชาตญาณที่ร้องบอกว่าสถานการณ์ขณะนี้ดูไม่น่าปลอดภัย  หากแต่ภาพนิมิตที่เขาเคยพบเจอนั้นก็ยืนยันว่าต้องลุกหนี

 

แต่ดูท่าว่าทุกอย่างจะช้าเกินไปเสียแล้ว!

 

วิ่งหนีออกห่างเพียงไม่กี่ฝีเท้า  นิคที่วิ่งไล่ตามมาก็ทันที่จะกระโจนเข้ามาตะครุบร่างของโจเจ้นจากด้านหลังไว้ได้  ทั้งสองล้มลงกับพื้น  เสียงคำรามลั่นคล้ายสัตว์ร้ายนั่นยิ่งก่อความหวาดกลัวในจิตใจ

 

“ ปล่อย!

 

“ ฉันไม่ปล่อยแกไปง่ายๆหรอก!

 

“ ย..อย่า!

สองมือน้อยๆพยายามปัดป้องอุ้งมือใหญ่ที่เลื่อนขึ้นมาหมายจะกำรอบลำคอแล้วปลิดชีวิตเขาให้สิ้นเสีย  น่าเจ็บใจนักที่ที่แห่งนี้แทบจะเป็นมุมอับของท้องทุ่ง  และแม้จะเคยเห็นจากนิมิตว่าเขาถูกทำร้ายจากอีกฝ่ายมาก่อนแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตาตนเองได้

 

โจเจ้นรู้ตัวว่าลำพังตัวคนเดียวไม่อาจสู้แรงร่างข้างบนที่คลุ้มคลั่งนี้ได้เป็นแน่  เขาพยายามถดกายห่างเพื่อร้องเรียกคนอื่น 

 

“ ช่วยด้วยช่วยด้ว—  อื้ออออ!

 

หากแต่มือใหญ่กลับตรงเข้าตะปบ  แทบจะปิดใบหน้าซีกล่างได้มิดทีเดียว  ทำให้นายน้อยแห่งตระกูลรี้ดทำได้เพียงก่อเสียงอู้อี้ในลำคอเท่านั้น  ขณะที่มือข้างขวาถูกรวบไว้ด้านข้างอย่างแรงจนเจ็บร้าวไปทั้งข้อ  เขาดีดดิ้นสุดกำลัง

 

มืออีกข้างที่ว่างอยู่ต่อยหมัดข้างขมับของชาวทุ่งเสียสติเต็มแรง  ฝ่ามือที่ปิดปากเขาไว้จึงยอมปล่อยเป็นอิสระ  “ ช่วยด้วย! ”  แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้นเมื่อนิคกระชากกลุ่มผมสีทราย ก่อนจะสวนหมัดชกเข้าที่กลางท้อง  โจเจ้นไอโขลก  คุดคู้ตัวงอราวนกปีกหัก

 

คราวนี้เขานอนหอบหนัก  สิ้นเรี่ยวแรงจะดิ้นรน  “ อย่า.. ”  ทำได้เพียงหวาดผวายามเมื่อแรงบีบรัดเลื่อนมาที่ลำคอและเพิ่มกำลังมากเข้าทุกที  สองมือที่พยายามจิกข่วนท่อนแขนแกร่งแทบไม่ช่วยอะไร

 

ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอจากการกดทับที่หลอดลม ลิดรอนเอาลมหายใจ..

 

 

 

ผัวะ!!

 

            เสียงท่อนไม้ขนาดใหญ่กระทบร่างดังแหวกผ่านอากาศก่อนที่โจเจ้นจะรู้สึกถึงความว่างเปล่าเบื้องบน  เด็กหนุ่มไอโขลกอยู่สองสามรอบก่อนจะหอบหายใจ  พยายามผงกหัวขึ้นมองคนที่มาช่วย  เพียงไม่นานเสียงฝีเท้าอีกหลากหลายคู่ก็เข้ามาแทนที่  ห้อมล้อมทั้งตัวเขาเองและนิคเอาไว้

 

“ โจเจ้น!  โจเจ้น.. ”  มินโฮใจหายวาบตั้งแต่ได้ยินเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ  ตอนนั้นเขารีบเร่งวิ่งหาที่มาแทบบ้า  ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพบอบช้ำจากการดิ้นรนของร่างที่หอบรวยรินนี่แล้ว  มินโฮยิ่งเข่นเขี้ยวอยากเข้าไปชกไอ้ปลวกนั่นอีกสักหมัดสองหมัดให้หายแค้น

 

“ ข.. ข้า.. ไม่เป็นไร..   โจเจ้นค่อยๆลุกขึ้นจากการช่วยพยุงของหนุ่มเอเชีย  แม้จะยังคงผวาเนื่องด้วยการถูกทำร้ายเมื่อครู่ก็ตาม ฝืนทนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง   “ ไปดูเพื่อนของเจ้าเถิด  น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าข้าเสียอีก ”

 

 

“ เฮ้นิค  ใจเย็นๆก่อน  มีอะไรก็พูดกันดีๆ ”

 

“ ฉันว่าเจ้าเพียกนี่เป็นบ้าไปแล้วแหงเลย ”

 

“ ดูที่ไหล่มันสิไปโดนอะไรมาน่ะ?!

 

เสียงของชาวทุ่งเซ็งแซ่ขณะที่พยายามรั้งร่างของเพื่อนที่เสียสติอยู่ไม่ให้เข้าไปทำร้ายโจเจ้นอีกรอบ  รอยแผลเขียวคล้ำบนลาดไหล่คล้ายมีบางสิ่งเคลื่อนไหวข้างใต้นั่นช่างน่าขยะแขยง  แววตาเกรี้ยวกราดแทบจะไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่  มันมองพวกเขาอย่างก้าวร้าว

 

“ พวกแก.. พวกแกทุกคน!! ”  ร่างสูงใหญ่นั่นสั่นสะท้านเล็กน้อย  มองฝ่ากลุ่มชาวทุ่งยังใบหน้าของโจเจ้นรี้ดอย่างมาดร้าย  “ ไม่มีใครไปจากวงกตนี่ได้!  พวกแกไม่มีทางชนะมัน!

           

นั่นแทบไม่ใช่เพื่อนชาวทุ่งนิสัยดีที่พวกเขาเคยรู้จักกันเลยแม้แต่น้อย  สันนิษฐานว่าการที่นิคเป็นเช่นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับบาดแผลบนไหล่นั่นเป็นแน่

 

            หารู้ไม่ว่าคำพูดเหล่านั้นทำเอาทายาทแห่งตระกูลรี้ดเย็นวาบทั่วสันหลัง  คล้ายบางอย่างที่โขกกระทุ้งเข้ามาในหัวอย่างรุนแรง  ถาโถมบ้าคลั่งจนโจเจ้นทรุดฮวบลงอีกครั้ง  และแน่นอนว่ามินโฮที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดนั้นคว้าร่างไว้ได้ทัน  นัยน์ตาสีเขียวหม่นเหลือกค้าง  นิ้วมือจิกเกร็งขณะที่ทั้งร่างชักกระตุกอย่างน่ากลัว

 

มันเป็นโรคประจำตัวที่เคยเกือบคร่าชีวิตเขาไปเมื่อวัยเยาว์.. เป็นผลพวงจากความสามารถพิเศษที่เขามี

โจเจ้นพยายามผลักไสมันทิ้ง  หากแต่ท้ายที่สุดความมืดมิดก็โรยตัวลงมาคลี่คลุมสติ  ยินเพียงเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาจากมินโฮและใบหน้านั่นเป็นสิ่งสุดท้าย

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

โจเจ้นคล้ายจะหลุดเข้ามาในห้วงความฝัน..

ไม่สิ.. ต้องเรียกว่าภาพนิมิตที่ทำให้เขามองเห็นอนาคตได้ต่างหาก

 

            ด้านหลังของเขาในตอนนี้เป็นกำแพงหินขนาดยักษ์ที่เรียงตัวกันสลับซับซ้อน  ส่วนภาพตรงหน้า.. คือแผ่นโลหะยักษ์คล้ายใบมีดที่เรียงตั้งฉากกันเป็นทางยาว  ทำให้โจเจ้นรู้ว่านี่คือวงกตด้านนอกที่ชาวทุ่งกล่าวถึงกัน  เขาแหงนมองกำแพงฟากหนึ่ง  ข้อความบนนั้นเขียนไว้ว่า

 

WORLD IN CATASTROPHEKILLZONE EXPERIMENT DEPARTMENT. (โลกในภาวะหายนะ: แผนกทดลองแดนสังหาร)

 

ทิ้งเวลาให้ครุ่นคิดด้วยความฉงนกับมันเพียงไม่นาน  เสียงโหวกเหวกจากชายสองคนรีบเร่งวิ่งออกมาจากทิศทางกำแพงใบมีดนั้นก็ดังขึ้นขัด  ท่ามกลางเสียงครืนครั่นจากกลไกการเคลื่อนตัวของมัน

คนหนึ่งคือมินโฮที่เขาแสนจะคุ้นเคย  ส่วนอีกคนนั้น.. เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในทุ่ง

 

“ โทมัสสส!! ” 

และนั่นคงเป็นชื่อของฝ่ายนั้น  มินโฮร้องเรียกเสียงลั่นเมื่อเห็นว่ากำแพงใบมีดชั้นด้านในนั้นกำลังจะปิดตัวลงทีละใบ.. ทีละใบ..

 

โจเจ้นเองก็ลุ้นระทึกไม่ต่างกัน  ในใจภาวนาขอเพียงให้เด็กหนุ่มผู้นั้นเร่งฝีเท้าให้ทันก่อนที่กำแพงโลหะนั่นจะปิดลงสนิท

“ มินโฮ!!

 

แล้วก็แทบลงไปกองด้วยความที่ลุ้นจนเหนื่อยเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กนั่นวิ่งตามได้ทัน  หากแต่กลไกการเปลี่ยนรูปแบบของวงกตไม่ได้มีเพียงเท่านั้น  พวกเขาทั้งคู่ยังคงต้องวิ่งหนีบรรดากำแพงหินที่พร้อมจะหล่นใส่หรือรอยแยกบนพื้นต่อไปเรื่อยๆ

 

“ วิ่ง! โทมัส!  อย่าหันกลับไปมอง!

 

ทั้งคู่นั้นวิ่งผ่านร่างเขาไป  ทำให้โจเจ้นได้เห็นใบหน้าของคนที่ชื่อโทมัสนั่นอย่างเต็มตา  นัยน์ตาสีมรกตเป็นประกายในทันที  ..เขาพบเจอกับกุญแจดอกสำคัญในการไขปริศนาวงกตเข้าให้แล้ว

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

ดวงเนตรสีเขียวหม่นปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า  ฝืนทนอาการวิงเวียนหันมองรอบก่อนจะพอเดาได้ว่านี่น่าจะเป็นห้องพยาบาล  มีเพียงความเงียบงันโอบล้อมบรรยากาศ.. ดูท่าว่าเวลานี้จะเป็นช่วงดึกสงัดพอควร  โจเจ้นยันกายลุกขึ้น  ทบทวนภาพนิมิตเมื่อครู่ก่อนจะย่างฝีเท้าอย่างเงียบเชียบสู่ด้านนอกของเรือนพัก

.

.

 

           

มินโฮนั่งห่างจากโจเจ้นเพียงช่วงผนังไม้กั้น.. หากแต่เขากลับรู้สึกว่าห่างจากฝ่ายนั้นไปไกลโข

            ช่วงเวลาดึกสงัดที่ใครต่อใครในทุ่งก็ต่างพากันหลับใหลนั้น  ทั้งยังเลยเวลากะเวรในการเฝ้านิคของเขาแล้วก็ตาม  หากแต่ความพะว้าพะวงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ยังคงก่อกวนจิตใจของมินโฮจนเขาไม่อาจข่มตาหลับลงได้เลย  มินโฮจึงขออยู่เป็นเพื่อนวินสตันกับอัลบีช่วยเฝ้าเวรต่ออีกกะ

 

ตอนนั้นเองที่เสียงการเคลื่อนไหวซึ่งแม้จะดูเล็กน้อยแทรกผ่านความเงียบขึ้น แต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน  มินโฮเหลือบมองหน้าของชาวทุ่งทั้งสองผู้ซึ่งเป็นฝ่ายเข้าเวรเฝ้าดูแลนิคในตอนนี้  ราวจะรู้ความคิด.. พวกเขาพยักเพยิดตกลง  เนื่องด้วยก็รู้กันอยู่ว่านั่นต้องเป็นโจเจ้น รี้ด

 

 

แล้วก็ใช่จริงๆเสียด้วย..

 

“ นั่งตรงนี้ไม่หนาวรึไง?  หืม? ”

 

โจเจ้นเพียงแต่ส่ายหน้า  ปรับเปลี่ยนท่านั่งจากการชันเข่ามาเป็นขัดสมาธิ  เอนศีรษะกับผนังด้านนอกของเรือนพัก  มีเพียงแสงเรื่อเรืองจากตะเกียงที่แขวนอยู่ไม่ไกลส่องให้เห็นกันและกัน  หนุ่มเอเชียตรงเข้าไปนั่งใกล้ๆ

 

“ แล้วนี่.. ดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย? ” แม้จะได้เห็นว่าเจ้าของร่างโปร่งบางไร้ซึ่งอาการเจ็บป่วยแล้ว  ทว่าใบหน้าซีดเซียวที่ยังคงปรากฏทำให้มินโฮอดห่วงไม่ได้อยู่ดี 

 

“ ยังเจ็บอยู่เล็กน้อย  แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก ”  โจเจ้นส่งยิ้มบางเบาเพื่อเป็นการยืนยัน  

 

เด็กหนุ่มแหงนมองเวิ้งฟ้าสีเข้มเบื้องบน  แสงเรื่อเรืองเล็กๆที่ประปรายบนนั้นคล้ายจะเป็นเพียงจุดขาวที่ใครบางคนแต้มเอาไว้  ยิ่งตอกย้ำเรื่องที่เขาคิดว่านี่คือท้องฟ้าปลอมเข้าไปอีก  “ ข้าไม่เคยเห็นดวงดาวใดไร้ชีวิตชีวาเท่าที่แห่งนี้มาก่อนเลย ”

 

“ ก็แน่ล่ะ ”  มินโฮยักไหล่  “ มันไม่ใช่ท้องฟ้าจริงๆซะหน่อย  บางทีข้างนอกในตอนนี้อาจเป็นกลางวันก็ได้ ใครจะรู้ ”  พูดถึงตรงนี้ก็ยิ่งเคียดแค้นไอ้พวกสารเลวที่จับพวกเขามาขังไว้ที่นี่

 

ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มบทสนทนาถัดมา  เสียงคำรามน่าสยดสยองก็พลันดังขึ้นมาจากในวงกต  นัยน์ตาสองคู่มองไปทางกำแพงยักษ์อีกฟากฝั่งหนึ่งด้วยท่าทีขึงขัง  แม้จะเคยได้ยินมันมาบ้างแล้วในคืนก่อนๆ  ทว่าโจเจ้นกลับรู้สึกว่าครั้งนี้ที่มาของเสียงนั่นอยู่ใกล้กำแพงยิ่งนัก

 

“ มันเข้ามาไม่ได้หรอก  กำแพงนั่นคุ้มกันเราอยู่ ” มินโฮกล่าวปลอบ ทั้งที่ในใจตนเองก็แอบหวาดหวั่นไม่น้อย

 

“ เจ้าสิ่งนั้นคือโศกา

 

มินโฮขมวดคิ้วกับสิ่งที่โจเจ้นโพล่งออกมากะทันหัน  “ หืม? โศกา? ”

 

“ มันคือเจ้าของเสียงโหยหวนภายนอกนั่น ”  ในตอนนี้มินโฮอาจมองเห็นเพียงกำแพงยักษ์  หากแต่คนที่มีความสามารถพิเศษอย่างโจเจ้นกลับมองเห็นทะลุผ่านกำแพงนั่นไป  ภายในวงกต.. เครื่องจักรกลที่ถูกดัดแปลงเป็นอาวุธสังหารไต่คลานยั้วเยี้ยไปหมด

“ ปีศาจร้ายที่ทำให้นิคเป็นบ้า ”

 

เมื่อเอ่ยถึงชื่อนั้น.. เสียงของคนผมบลอนด์ก็แผ่วลงอย่างสังเกตได้  เขายังนึกตกใจจากเรื่องวันนี้  ยังจำได้ถึงแรงบีบรัดที่หมายจะเอาชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม 

 

พลันนั้นเองที่ภาพตรงหน้ากลายเป็นท้องทุ่งที่แปรสภาพเป็นนรก  กลุ่มปีศาจจักรกลไล่ล่าเหล่าชาวทุ่งที่วิ่งหนีกันอลหม่าน  “ มันจะทำร้ายชาวทุ่งอีกหลายคน ”  โจเจ้นกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะเม้มปากแน่น  เขาไม่อยากบอกอะไรอีกฝ่ายไปมากกว่านี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเจ้าโศกาง้างสิ่งที่คล้ายกรงเล็บกระชากร่างอัลบีออกไป

 

นี่มันโหดร้ายเกินจะทน.. แทบจะทัดเทียมกับศึกชิงบัลลังก์ในโลกที่เขาจากมา

 

“ ไม่ว่าไอ่ตัวปลวกนั่นมันจะเป็นอะไรก็ตาม ” หนุ่มเอเชียเลื่อนฝ่ามือลูบบนกลุ่มผมสีทรายอย่างแผ่วเบา  “ ฉันจะไม่ยอมให้มันมาทำอะไรนายเหมือนนิค ..อีกแล้ว ”

ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งใดดลใจให้มินโฮพูดอะไรแบบนั้นออกไป  ทว่าเขาก็อยากจะทำให้ได้อย่างที่พูดจริงๆ

 

นัยน์ตาสองคู่สบกันเพียงช่วงครู่หนึ่งที่คล้ายจะเนิ่นนาน.. 

 

นับตั้งแต่มาใช้ชีวิตที่นี่.. มินโฮแทบจะหลงลืมไปแล้วว่าดวงดาวที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาจริงๆนั้นเป็นเช่นไร  จนเมื่อพบกับประกายสุกใสสีเขียวหม่นที่หยอกล้อกับแสงตะเกียงตรงหน้านี่  โจเจ้นคลี่ยิ้มบางเบา  พลันนั้นเองที่กลุ่มดาวเหล่านั้นเหมือนจะยิ่งโคจรเข้าใกล้มาเรื่อยๆ..

 

“ ขอบใจเจ้ามาก.. สำหรับทุกอย่าง ”  

 

ทายาทตระกูลรี้ดเข้าใกล้จนแนบชิด  มินโฮเกือบจะผินหน้าไปอีกทางด้วยความตกใจ  ทว่าสองมือน้อยๆกลับรั้งเอาไว้เสียก่อน  ตามมาด้วยความนุ่มหยุ่นแตะลงบนริมฝีปากที่ทำให้เขาชะงักจากความคิดทุกอย่าง  สัมผัสอบอุ่นซาบซ่านจนใจเต้นแรง

 

..นี่มันเป็นการขอบคุณแบบไหนกันนะ?  

 

TBC.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Chapter I

Chapter I

 

เสียงโหวกเหวกจากวินสตันทำเอาชาวทุ่งทุกคนไม่เป็นอันทำงาน..

 

            รวมทั้งมินโฮเองด้วย.. เรียวมือที่กำลังง่วนกับการตอกตะปูลงบนแผ่นไม้ถึงกับต้องวางลง  นัยน์ตาเรียวรีมองขวาง  ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าเจ้าฝ่ายพยาบาลนั่นวิ่งตรงออกมาจากส่วนของบ้านพัก  ร้องลั่นราวกับคนที่เสียสติไปแล้ว

 

“ เป็นปลวกอะไรวะ?! ” แกลลี่ตะโกนถาม  ใบหน้าอาบเหงื่อนั่นปรากฏความรำคาญใจไม่แพ้กัน

 

วินสตันหอบหายใจจากการรีบวิ่งมาอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะรวบรวมสติเอ่ยบอกทุกคน  “ เด็กใหม่นั่น ห..หายไปแล้ว ”

 

“ ว่าไงนะ?!! ” คราวนี้ดูจะเป็นมินโฮเสียเองที่เริ่มจะเสียสติ  เขาพยายามจะสงบใจให้เย็นลง  “ งั้นเอางี้นะ  เดี๋ยวฉันไปตามหาเอง  ฝากนายจัดการตอกตะปูแผละนี่ไปก่อน ”  ว่าจบมินโฮก็รีบยกมือห้ามแกลลี่ที่ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธการเสนอตัวของเขา

 

“ ฉันจะไปคนเดียว  นายไม่ต้องมายุ่ง ”

 

นั่นยิ่งเพิ่มเติมความหงุดหงิดให้กับแกลลี่มากขึ้นไปอีก  เด็กหนุ่มทิ้งค้อนลงกับพื้น  เตรียมจะเข้าไปหาเรื่อง  หากแต่อัลบีก็ตรงเข้ามาเป็นคนห้ามทัพ.. ตามเคย..

“ ให้มินโฮไปตามหน่าอัลบี  มาทำงานต่อ ”

 

“ ทำไมคราวนี้ไว้ใจมันล่ะ?  ถ้าไอ้เพียกนั่นเกิดอารมณ์เสียชกหน้าเจ้าเด็กใหม่นั่นให้ทำไง? ” แกลลี่เอ่ยถามขณะที่มองตามแผ่นหลังกว้างวิ่งห่างออกไป  แต่ไหนแต่ไรมาทุกคนในทุ่งก็รู้ๆกันอยู่ว่ามินโฮนั้นวู่วามขนาดไหน  จะให้ไปตามปลอบน้องใหม่ที่อาจจะสติแตกไปแล้วนั้นดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

 

“ เชื่อฉันเถอะแกลลี่ ”  อัลบีชะงักงานของตนครู่หนึ่ง  “ ไม่รู้สึกว่ามันแปลกหน่อยหรอ? ที่คนที่ไม่ค่อยสนใจคนอื่นอย่างมินโฮจะมากระวนกระวายเพราะน้องใหม่คนเดียว..

 

ประโยคนั้นทำเอาแกลลี่เป็นอันต้องครุ่นคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

            เสียงสวบสาบจากฝีเท้าที่เหยียบย่ำบนกองใบไม้แห้งดังขึ้นเป็นระยะๆ เนื่องด้วยหนุ่มเอเชียเป็นอันต้องมองหาเจ้าเด็กใหม่ที่อยู่ๆก็หายไป  ที่จริงแล้วมันก็มีไม่กี่สถานที่ในท้องทุ่งแห่งนี้หรอกที่จะพอให้ไป.. เว้นเสียแต่จะเดินออกไปยังวงกตข้างนอกนั่น  ซึ่งถ้าหากเจ้าเด็กใหม่จะทำอย่างนั้น  คนทั้งทุ่งก็ต้องเห็นไปแล้วเพราะต้องเดินตัดผ่านพื้นที่โล่ง

 

“ เฮ้! เจ้าน้องใหม่  อยู่ไหนวะเนี่ย? ”  มินโฮป้องปากตะโกนหา  ทว่ากลับได้รับเพียงความว่างเปล่า  เขาร้องหาอีกสองสามรอบขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้า  แต่ยังคงได้รับผลเช่นเดิมจนมินโฮเริ่มถอดใจ.. บางทีไอ้น้องใหม่อาจถูกเจ้าตัวประหลาดที่ส่งเสียงน่ากลัวตอนกลางคืนนั่นลากไปแล้วก็เป็นได้

 

ทันใดนั้นเองที่เสียงฝีเท้าที่พุ่งมาอย่างเร็วพลันเรียกความสนใจจากเขา  เมื่อหันหลังกลับ  กว่าจะรู้ตัว.. ปลายแหลมคมจากมีดด้ามยาวก็พลันจ่อเข้าที่ต้นคอเสียแล้ว

“ อย่าคิดจะขยับเชียวนะ ”

 

..เจ้าน้องใหม่นั่นเอง.. ดุไม่เบาเลยทีเดียว..

 

            โจเจ้น รี้ด จ้องมองร่างหนาด้วยสายตาหวาดหวั่น  ราวกับว่าหากพลาดเพียงนิดคนตรงหน้านั่นจะเข้ามาทำร้ายได้ทุกวินาที  คนผมบลอนด์จับมีดด้วยท่าทีงกๆเงิ่นๆ ..สำหรับคนที่มีพี่สาวปกป้องมาตลอดชีวิตกลับต้องมาจับอาวุธเองก็ดูลำบากพอควร  ยิ่งเมื่อมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นในนิมิตของตนแล้ว.. โจเจ้นก็ยิ่งหวาดกลัวไปใหญ่

 

“ เฮ้.. ใจเย็นๆหน่าน้องใหม่ ” มินโฮยกสองมือขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายวางใจว่าตนเองนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย  “ ฉันมาดี.. ไม่ได้จะทำร้ายนาย ”

 

“ แล้วข้าอยู่ที่ไหน?!

 

สรรพนามย้อนยุคนั้นทำเอามินโฮประหลาดใจและเริ่มคิดไปอย่างจริงจังแล้วว่าคนตรงหน้านี้น่าจะหลุดมาจากอดีตจริง  “ ฟังฉันก่อนนะ ”

 

มินโฮถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อไม่ให้อาวุธนั้นประชิดตัวมากจนเกินไป  “ เราเรียกที่นี่ว่าทุ่ง  ทุกคนถูกส่งมาเพราะอะไรอันนี้ฉันก็ไม่รู้  เราจะจำได้แค่ชื่อของตัวเอง  เอ่อ.. คือนายจะจำมันได้ในวันสองวั

 

“ โจเจ้น!  ข้าชื่อโจเจ้น รี้ด ”  การสวนกลับในทันทีนั่นทำให้มินโฮประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง  “ ข้าจำทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตข้าได้ทั้งหมด ”

 

หนุ่มเอเชียนิ่งงัน  “ ทำไมกัน?.. ” มินโฮเอ่ยเสียงแผ่วราวกับเพียงแค่จะพึมพำกับตนเอง  นึกสงสัยว่าเหตุใดโจเจ้นจึงพิเศษที่จำเรื่องราวของตนเองก่อนถูกส่งมาในทุ่งได้ทั้งหมด  แตกต่างจากพวกเขา..

 

            ทันใดนั้นเองที่แรงกดจากปลายแหลมของโลหะที่ต้นคอลดระดับลง  ร่างของโจเจ้นร่วงหล่นลงพร้อมกับอาวุธ  ร่างโปร่งนั่นหอบหายใจ  นิ้วมือจิกเกร็งลงไปในด้ามมีด  มินโฮตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะพยายามตั้งสติ ตรงเข้าไปประคอง ตบเบาๆลงบนใบหน้า

 

“ เฮ้! โจเจ้น  นายโอเคมั๊ย? ”

 

            โจเจ้นพยายามฝืนทนอาการที่เป็นอยู่  ฝ่ามือกว้างลูบตามแผ่นหลัง  ถอดเอาเสื้อคลุมตัวยาวอันแสนรุ่มร่ามนั่นออก  มันดูจะไม่จำเป็นเสียเลยสำหรับท้องทุ่งที่สภาพอากาศไม่เย็นนักอย่างที่นี่  ทั้งร่างสั่นสะท้านจนโจเจ้นรู้ว่าถ้าหากเป็นหนักยิ่งกว่านี้คงต้องชักเกร็งเป็นแน่  เพียงแค่หันมองหน้ามินโฮ  อาการวิงเวียนก็เหมือนจะแล่นริ้วไปทั้งศีรษะ

 

“ ทำใจดีๆไว้  อยู่กับฉัน..

 

ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าที่อาการเหล่านี้จะเริ่มสงบลงได้  โจเจ้นแทบจะทิ้งร่างเอนราบลงกับพื้นหากไม่ติดว่ามินโฮช่วยพยุงอยู่

“ ดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย? ”

 

คนผมบลอนด์พยักหน้าเชื่องช้า เก็บมีดด้ามยาวเข้ากับฝัก “ ด..ดีแล้ว ”  ก่อนจะพยายามลุกขึ้นโดยไม่พึ่งความช่วยเหลือจากหนุ่มเอเชีย  ดูเปราะบางเสียจนมินโอกลัวว่าจะเซล้มไปอีกรอบ  “ ไม่เป็นไร.. ข้าไม่เป็นไร..

 

“ อ้าวเห้ย!  นี่นายจะเดินไปไหนตามใจชอบไม่ได้นะเว้ย! ” มินโฮตะโกนเมื่อพบว่าอยู่ๆอีกคนก็เดินเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ป่า ..แทบจะใกล้ถึงอีกแนวของกำแพงยักษ์แล้ว

“ มากับฉันนะโจเจ้น!

 

คนอายุน้อยกว่าชะงักฝีเท้า  หันหลังกลับมา ราวกับเป็นคนละคนที่แสดงอาการป่วยเมื่อครู่นั่นเลย หากไม่ติดว่าใบหน้าซีดเซียวนั่นยังคงปรากฏอยู่

“ ข้าจำได้แล้ว ”

 

“ หืม? ”

 

“ ไม่รู้สึกคุ้นตากับที่นี่รึ?  ตอนนั้นเจ้าก็อยู่กับข้านี่ ”

 

มินโฮมองรอบกาย  ด้านหลังของโจเจ้นนั้นหากก้าวพลาดเพียงนิดเดียวก็จะตกลงไปในร่องเหว มันไม่ได้ลึกมากนักแต่ก็ควรจะระวัง  เดี๋ยวนะ.. ร่องเหวงั้นหรอ.. เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยเจอบรรยากาศเช่นนี้จากที่ใด  เขาก็แทบจะขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง

            ..เพราะมันคือความฝันของเขาเอง!

 

“ น..นี่อย่าบอกนะว่า.. เอ่อ.. ตอนนั้น.. ” มินโฮเริ่มจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก  “ นายเข้ามาในความฝันของฉันได้?!

 

“ ใช่.. และเจ้าก็เป็นคนเดียวที่ข้าเห็นในนิมิต ”

คำยืนยันอันเรียบนิ่งนั่นทำเอามินโฮแทบล้มทั้งยืน  จะให้บอกว่าคนตรงหน้านี่โกหกก็เป็นไปไม่ได้  เพราะเขาก็ฝันว่าเจออีกฝ่ายมาแล้วจริงๆ

 

“ ล.. แล้วที่นายบอกฉันในฝันล่ะ? ”

 

“ ที่บอกว่าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปนั่นสินะ ”  โจเจ้นเบือนหน้ามองยังความมืดทึบของแนวป่า  ซึ่งหากเดินเข้าไปอีกนิดก็จะพบกับกำแพงอีกฝั่ง  แต่ก็ไม่ค่อยมีผู้ใดที่จะกล้าเดินเข้าไปหรอก  “ มันกำลังจะเปลี่ยนไปจริงๆ เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ”

 

“ เอาเป็นว่า.. ข้าเคยเห็นคนอื่นเรียกชื่อเจ้าในนิมิตด้วย  มินโฮใช่มั๊ย? ” เป็นอีกครั้งที่หนุ่มเอเชียตกในภวังค์ตะลึง  ก็เจ้าเด็กจิตสัมผัสนี่ดันมารู้ชื่อเขาทั้งที่ยังไม่ได้บอกเลยด้วยซ้ำ

“ ช่วยเก็บเรื่องนิมิตของเราเป็นความลับนะ  อย่าบอกใครเป็นอันขาด ”

 

ให้ตายสิ.. เจ้าเด็กใหม่นี่จะมีเรื่องประหลาดใจให้มินโฮอีกมากมายเท่าไหร่กันนะ?

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

“ แกมีปัญหาอะไรนักหนาวะไอ้น้องใหม่!  

 

เสียงโวยวายจากแกลลี่ดังลั่น  ก่อนที่ใครคนอื่นจะได้ทันเข้าถึง  ร่างสูงใหญ่ก็ตรงเข้าใกล้แล้วผลักโจเจ้นอย่างแรงจนล้มลง  “ ไอ้เพียกเอ้ย! อยากตายรึไงถึงได้เดินไปไหนมาไหนสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้!

 

“ ทำปลวกอะไรของแกวะไอ้แกลลี่! ” มินโฮกระชากคอปกเสื้อของเด็กหนุ่ม  ดึงร่างนั่นออกไปให้พ้นทาง

 

            เสียงโหวกเหวกน่ารำคาญก่อตัวขึ้นภายในทุ่งอีกครั้ง  ชาวทุ่งเตรียมจะแยกสองคนนั้นออกเพราะกลัวว่าทั้งคู่จะถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่กลับกลายเป็นว่ามินโฮสงบศึกเสียแทน  และรีบตรงเข้าไปช่วยพยุงโจเจ้นที่พยายามลุกขึ้นมา

 

“ ข้า.. เอ่อ.. ฉันขอโทษ ”  โจเจ้นพยายามใช้สรรพนามให้กลมกลืนเพื่อไม่ให้ดูเป็นที่น่าจับตาไปมากกว่านี้  แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะยังไม่รู้ว่าตนเองข้ามมิติมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็ตาม

 

“ ไม่ต้องไปฟังไอ้เพียกนั่นหรอก  ว่าแต่นายน่ะ โอเคใช่มั๊ย? ” มินโฮก้มมองรอยถลอกบนท่อนแขน  ยังดีที่ไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก  ภาพที่เจ้าตัวเกือบเป็นลมชักนั่นยังคงติดตาอยู่เลย

 

“ ไม่เห็นต้องทำหน้าเหมือนมองข้าตายแบบนั้นก็ได้ ” โจเจ้นกล่าวเสียงกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะหัวเราะแผ่วๆ

 

..ก็มินโฮแค่เป็นห่วง.. แค่นั้นจริงๆนะ..

 

TBC.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

TALK TO WRITER:

เหมือนจะหลุดคาร์ไปเยอะพอสมควร ๕๕๕๕

พยายามอย่างสุดความสามารถในการหาข้อมูลโจเจ้น รี้ดจนเกือบจะติด GOT ไปแล้ว(ซึ่งถ้าติ่งอีกคงตาย เพราะแฟนด้อมที่มีอยู่นี้ก็เอาไม่ทันแล้ว กร๊ากกก)

 

แล้วก็.. ขอบคุณแฟนอาร์ตสวยๆจากคุณ @maleen27 นะคะ เราชอบมากกกก เขินจนอยากวิ่งแล้วกรี๊ดรอบทุ่ง แอร๊ววว >w< 

 

edit @ 20 Oct 2014 02:49:05 by KuNgWoN

 

Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Intro

Title: Everything has changed

Pairing: Minho(The Maze Runner)/Jojen Reed(Game of Thrones)

Genre: Fluff, Angst

 

Intro

 

..มินโฮรู้ตัวว่ากำลังฝันถึงเรื่องเดิมๆอีกครั้ง..

           

            สองเท้าเหยียบย่ำในพื้นที่ป่า  พืชพรรณสูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขากว้างขวางและรกครึ้ม  รอบกายมีเพียงความสลัวราวกับว่าแสงอาทิตย์เบื้องบนนั้นไม่อาจเล็ดรอดมาเยือนยังที่แห่งนี้ได้เลย  นั่นทำให้มินโฮไม่อาจรู้ว่านี่เป็นเวลาใดกันแน่  และรูปแบบความฝันนี้ยังคงเดิมเสมอ  เขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงการกระทำได้ตามใจอยากเลยสักครั้ง..

 

            เสียงคำรามกึกก้องจากสิ่งมีชีวิตที่มินโฮไม่อาจรู้ดังไล่หลังมา  ความกลัวที่เกาะกุมจิตใจสั่งการณ์ให้เขาออกวิ่งในทันที  ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าลัดเลาะอย่างชาญชำนาญทั้งที่ตัวเขาก็ไม่รู้ว่าไปเอาทักษะการหลบหนีอันเยี่ยมยอดแบบนี้มาจากไหน  มินโฮรู้เพียงแค่ว่าต้องหนีจากสิ่งที่ตามหลังในตอนนี้ให้ทัน

 

..เขาภาวนาให้ตนเองตื่นจากความฝันปลวกๆนี่เสียที..

 

            ทว่าครั้งนี้ความฝันของเขาแลดูจะแตกต่างออกไป  มันยาวนานจนแทบหาทางสิ้นสุดไม่เจอ  มินโฮวิ่งจนกระทั่งว่าฝ่าเท้าของเขาเหยียบย่ำเอาความว่างเปล่าตรงหน้า  กว่าจะรู้ตัวอีกที  ทั้งร่างก็ร่วงหล่นสู่ห้วงความมืดมิดพร้อมกับเสียงร้องของตนเองที่ดังลั่น

 

!!!

 

            ร่างกำยำหล่นกระแทกกับพื้นเบื้องล่างอย่างแรง  หากแต่มินโฮกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย  ราวกับผืนหญ้าอ่อนนุ่มนี่เป็นดั่งพรมชั้นดีที่รองรับร่างเขาเอาไว้  มินโฮค่อยๆถดกายลุกขึ้น  ก่อนจะพบว่าในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว.. แต่ยังมีใครอีกคน..

            ร่างตรงหน้านั้นสูงโปร่งหากแต่ผอมบาง  เครื่องแต่งกายที่สวมใส่อยู่นั้นก็ราวกับว่าเจ้าตัวหลุดมาจากอดีต  มินโฮรู้สึกเหมือนว่าลำคอของตนแห้งผาก  ไม่อาจเอ่ยคำพูดใดๆทั้งที่มีคำถามเป็นล้านอยู่ในความคิด 

 

            เจ้าของกลุ่มผมสีทรายยุ่งเหยิงนั่นจ้องมองมาที่เขาอย่างนิ่งงัน  แม้จะมืดสลัว.. หากแต่มินโฮกลับมองเห็นว่านัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นวางเฉยจนไม่อาจคาดเดาจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ  เนิ่นนานทีเดียวก่อนที่ฝ่ายนั้นจะแย้มยิ้ม  ทว่ามันแห้งแล้งซึ่งความเป็นมิตรเหลือเกิน  กล่าวประโยคสั้นๆที่ทำเอามินโฮสะท้านราวกับมีความเย็นวาบแผ่ซ่านทั่วสันหลัง

 

“ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป ”

 

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

พวกเขาก็มีกันเพียงแค่หกคนในท้องทุ่งแห่งนี้..

 

            คำศัพท์ที่ชาวทุ่งแห่งนี้ใช้เรียกผู้ที่เพิ่งถูกส่งมาจากกล่องนั่นว่า เด็กใหม่หรือ น้องใหม่’ ..สถานะของมินโฮในตอนนี้คือรองน้องใหม่  เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้นเองคนล่าสุดที่ถูกส่งมานั่นก็คือแกลลี่.. เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่จอมเอาแต่ใจและยึดเพียงแต่ความคิดของตนเสมอ  มินโฮไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเท่าไหร่หรอก

            บ่อยครั้งที่พวกเขาทั้งคู่ขัดแย้งจนกระทั่งถึงขั้นลงไม้ลงมือ  หากแต่อัลบีก็จะเป็นผู้ห้ามทัพได้ในที่สุด

 

นั่นก็เพราะว่าอัลบีเป็นหัวหน้า  เป็นผู้ตั้งกฎ.. เนื่องด้วยชายผู้นั้นถูกส่งมายังที่นี่ก่อนใครอื่น  ทำให้เจ้าตัวรู้ถึงความอันตรายของสถานที่เป็นอย่างดี  พื้นที่ภายนอกกำแพงยักษ์ที่ล้อมรอบอยู่นั้นไม่ได้สงบอย่างที่เป็นอยู่ในท้องทุ่ง  หากแต่มันเป็นดั่งห้วงแห่งความตายที่พร้อมจะกลืนกินทุกชีวิตที่เสี่ยงเข้าไป

            อัลบีเคยบอกว่าข้างนอกนั่นน่าจะเป็นวงกต  และเสียงครืดคราดน่ากลัวคล้ายสิ่งของขนาดยักษ์กำลังเคลื่อนย้ายยามราตรีก็ดูจะบอกเป็นนัยได้  ถ้าหากนั่นเป็นวงกตจริงอย่างที่อัลบีได้กล่าวไว้  มันก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบทุกค่ำคืน  ฉะนั้นแล้วจงอาศัยอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยดีกว่าไปเสี่ยงอันตรายข้างนอก

 

..ราวกับว่าผู้สร้างหรือใครก็ตามที่ส่งพวกเขามาต้องการจะกักกันให้อยู่ที่นี่ตลอดไป

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องทำงานกันเป็นตันๆในแต่ละวัน  สร้างสถานรับรอง  หอสังเกตการณ์.. หรืออะไรก็ตามแต่ที่พอจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะได้

 

 

กึก.. กึก.. ครืดดดด..

 

            เสียงของกล่องที่เคลื่อนตัวขึ้นมาตามสายทำเอาชาวทุ่งทั้งหมดชะงักกิจกรรมของตนเองกันในทันที  พวกเขารีบเร่งตรงไปยังปากกล่อง  ความใคร่รู้ว่าใครจะมาเป็นน้องใหม่แทนที่แกลลี่นั้นเดือดพล่านในความรู้สึกของแต่ละคน  และทันทีที่กล่องนั้นถูกเปิดออก  มินโฮก็รู้สึกเหมือนว่าเลือดทั้งกายแทบหยุดไหลเวียน  ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานตลอดวันอันตรธานสิ้น

 

เพราะคนที่นอนแน่นิ่งภายในนั้น.. มันเหมือนกับคนที่เขาเพิ่งพบเจอในความฝันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน  ทั้งใบหน้าและการแต่งกาย

 

            ไม่รู้ว่าความห่วงใยก่อตัวมาจากที่ใดมากมายเหลือเกิน  มินโฮรีบกระโดดลงไปในกล่องก่อนใครอื่นเพื่อจะสำรวจว่าฝ่ายนั้นยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่  และเมื่อพบว่าเจ้าตัวเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้นจึงโล่งใจ  ค่อยบรรจงพยุงร่างอ่อนแรงนั้นขึ้นมา

 

“ เฮ้!  ข้างล่างนั่นเป็นไงบ้าง? ”  วินสตันตะโกนถามความเป็นไป  เพราะอีกไม่นานเจ้าเด็กใหม่นั่นก็ต้องตกมาอยู่ในความดูแลของฝ่ายพยาบาลอย่างเขา

 

“ แค่สลบน่ะ  ยังไม่ตายหรอก ”

 

ดูเหมือนเจ้าเด็กใหม่จะเริ่มฟื้นสติขึ้นมาบ้าง  ฝ่ามือแบบบางดูตั้งใจจะพยายามผลักไสมินโฮที่ช่วยประคองร่างไว้อยู่  ทว่าก็อ่อนแรงเกินไป  เรียวปากพึมพำเพียงประโยคเดียวให้เขาได้ยิน

 

“ ปล่อยข้า.. ได้โปรด.. ข้าต้องไป ”

 

“ ปล่อย.. ..ข้าต้องกลับไป..

 

 

TBC.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

[SF: The Maze Runner] – How did the world get so shucked? (Minho/Newt)

ภาคต่อจาก  [SF: The Maze Runner] – I will catch you if you fall (Minho/Newt)

Title: How did the world get so shucked?

Pairing: Minho/Newt (The Maze Runner)  

A/N: มีการสปอยล์เนื้อหาจากหนังสือบางส่วน 

How did the world get so shucked?

 

..มินโฮไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าโลกมันจะปลวกได้ถึงขนาดนี้..

 

            เขาเคยคิดพลาดมาครั้งหนึ่งคือตอนที่ใช้เวลาสามปีพยายามหาทางออกมาจากท้องทุ่งและวงกตนรกนั่น  ทว่าเมื่อหลุดพ้นจากที่แห่งนั้นมาได้.. กลับกลายเป็นต้องมาเจอกับสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่า.. นั่นคือแดนมอดไหม้และเหล่าบรรดาแคร้งซึ่งสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว

            ทั้งยังอันตรายยิ่งกว่ามากจนทำให้ต้องระวังตัวหนักเพราะแดนมอดไหม้แห่งนี้ไร้ซึ่งกำแพงยักษ์มากั้นเหมือนตอนที่พวกเขาอยู่ในทุ่ง  ไม่รู้ว่าสิ่งน่ากลัวเหล่านั้นจะเข้ามาโจมตีทำร้ายได้เมื่อไหร่ 

 

            มินโฮฝ่าฟันเหตุการณ์เฉียดตายต่างๆนานาที่เตรียมพุ่งเข้ามารอบทิศเพื่อให้พวกเขารอดปลอดภัยให้มากที่สุด  โดยเฉพาะกับ คนสำคัญของเขา.. คนที่เขาเคยให้สัญญาว่าจะดูแลปกป้องฝ่ายนั้นด้วยชีวิต  ทว่าในตอนนี้มันกลับตาลปัตรไปหมด.. เขาช่วยอะไรนิวท์ไม่ได้สักอย่าง

 

ก็พวกเขามันเป็นเพียงแค่หนูทดลองของวิคเค็ดนี่  จะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ 

.

.

 

สิ่งที่มินโฮเผชิญในตอนนี้ดูจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดแล้ว..

           

            เขารู้สึกเหมือนกระแสบางอย่างแล่นผ่านทั่วร่างจนอ่อนแรงเมื่อสิ้นสุดคำประกาศรายชื่อผู้ไม่มีภูมิคุ้มกันไข้วาบจากไอ้หน้าหนูนั่น.. หนึ่งในนั้นคือชื่อที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุด  หากแต่ชื่อของนิวท์กลับยังคงดังก้องสะท้อนในโสตครั้งแล้วครั้งเล่า

            เขาหันมองหานิวท์ที่ส่งรอยยิ้มฝืดเฝื่อนมาให้  ท่อนแขนผอมบางพยายามกอดร่างเขาไว้แนบแน่น  แม้มันจะดูอ่อนแรงเหลือเกิน

 

“ ไม่เป็นไรหน่ามินโฮ  ไม่เป็นไร.. ฉันจะอยู่กับนายให้ได้  ฉันสัญญา..

นิวท์คงตั้งใจจะปลอบเขาอย่างดีที่สุดแล้ว  หากแต่มินโฮกลับไม่รู้สึกดีขึ้นมาเลย.. ไม่เลยสักนิด..

 

วิคเค็ดนั้นดี.. หึ.. โกหกทั้งเพ

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

            แต่ก็ใช่ว่ามินโฮจะยอมแพ้ให้กับโชคชะตาบัดซบนี้อย่างง่ายดายนัก  เขาเชื่อว่าอย่างน้อยก็น่าจะยังพอหลงเหลือเศษเสี้ยวความหวังอยู่บ้าง.. เขาอยากให้นิวท์รอด  หลุดพ้นไปจากการทดลองนรกนี่อย่างปลอดภัยไปด้วยกัน  แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม  มินโฮก็พร้อมจะยอมทำ

 

“ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะนิวท์ ”

นิวท์ที่มินโฮพบเจอในครั้งนี้แทบจะไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เขาเคยรู้จัก  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นปรากฏเพียงความคลุ้มคลั่ง  หมดแล้วซึ่งบุคคลที่เคยเป็นทุกอย่างคนนั้น  เขาขยับเข้าไปหาอีกก้าวหนึ่ง

 

“ ถอยออกไปห่างๆเลยนะ! ”  นิวท์ตวาดเกรี้ยว  กำเครื่องยิงในมือแน่น  และถ้าหากมินโฮมองไม่ผิด.. เรียวนิ้วสั่นเทานั่นอยู่เหนือไกอาวุธพอดี

 

“ เฮ้นิวท์  ใจเย็นๆก่อนเพื่อน  อย่าเพิ่งวู่วาม ”  โทมัสพยายามเข้าหาช่วยให้สถานการณ์ตึงเครียดนี้ผ่อนคลายลง  ทว่ามันยิ่งดูเหมือนจะเลวร้ายลงเมื่อนิวท์ตวัดอาวุธเล็งมายังโทมัสเสียแทน

 

“ ไอ้เพียกอย่างนายมันฟังไม่รู้เรื่องรึไงวะ?! ฉันบอกนายไปแล้วไงว่าให้ออกไปห่างๆ!

 

โทมัสถอยออกเล็กน้อย  ยกมือขึ้นปราม  “ นายไม่จำเป็นต้องเล็งเครื่องยิงปลวกนั่นมาทางพวกเราก็ได้  ใจเย็นๆแล้วมาด้วยกัน  โอเคมั๊ย? ”

 

“ ไม่!! โถ่เว้ย! ต้องให้ฉันพูดอีกกี่รอบ  สมองปลวกๆของพวกจะจำได้  ห๊ะ?!!

 

“ ฉันไม่เข้าใจ.. นิวท์.. ทำไม? ” มินโฮเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว  นิวท์เปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน.. ทั้งหัวดื้อและเจ้าอารมณ์

“ นายคิดว่าฉันจะเข้ามาในตำหนักแคร้งปลวกๆนี่เพื่ออะไรล่ะ?  พวกฉันอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเข้ามาที่นี่เพราะนายเป็นเพื่อนเรา  ฉะนั้นมากับพวกเรา  แล้วถึงตอนนั้นนายจะคร่ำครวญเป็นบ้ายังไงก็ได้  แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ ”

 

“ ฉันเป็นแคร้งนะมินโฮ! ฉันเป็นแคร้ง!  มันทะลุสมองหนาๆของนายไปไม่ได้รึไง?!  ถ้านายติดไข้วาบแล้วรู้ว่าอาการมันเป็นยังไงนายจะอยากให้เพื่อนยืนดูอยู่หรอ?!  อยากมั๊ย!

 

มินโฮนิ่งเงียบ  อับจนซึ่งคำพูดจะต่อเถียง  แต่เพียงครู่เดียวก็ช้อนนัยน์ตาเรียวรีขึ้นมา

“ ถ้าเป็นนาย.. ไม่ว่ายังไงฉันก็รับได้เสมอ  มากับฉัน.. นะ..

 

เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายก็แสดงออกถึงความขมขื่นและเจ็บปวดไม่แพ้กัน  “ นายไม่เข้าใจ.. ” ร่างผอมบางนั่นยิ่งดูสั่นเทาหนักกว่าเดิม  “ ฉ.. ฉันพยายามใจเย็นที่สุดแล้ว  มันยากมากรู้มั๊ย  ฉะนั้นได้โปรดเถอะ  ไปซะ.. ไปจากที่นี่ ”

 

            และแล้วความอดทนของมินโฮก็ขาดห้วงลง  เขาตัดสินใจวิ่งกระโจนเข้าหาตัวนิวท์ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะได้ทันเล็งเครื่องยิงกลับมาทางตนเอง  พวกเขาต่างล้มลงไปกองกับพื้นทั้งคู่  สองมือแกร่งกดท่อนแขนไว้อย่างแรงจนนิวท์ต้องปล่อยอาวุธในมือทิ้ง  ฝ่ายนั้นดีดดิ้นไปมา  แต่ไหนแต่ไรมาอีกฝ่ายก็สู้แรงเขาไม่ได้อยู่แล้ว

 

“ ทำบ้าอะไรของนายวะ?!  ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้ปลวก!

 

“ นายบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะนิวท์  ถ้านายมาด้วยกันดีๆตั้งแต่แรกก็จบ ” มินโฮพยายามมัดข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน  หากแต่นิวท์สะบัดจนหลุดมาได้  เงื้อกำปั้นชกหน้าเขาเต็มแรง.. มันแรงเสียจนมินโฮแทบไม่อยากจะเชื่อ

 

เขาสะบัดไล่ความมึนงงจากแรงกระแทก  ความแสบชาแล่นจี๊ดเข้ามาที่มุมปาก  ..ทว่าก็ดูจะช้าไปสำหรับทุกอย่าง  นิวท์คว้าเครื่องยิงที่หลุดกระเด็นนั่นมาไว้ในมือได้อีกครั้ง  ทว่าทิศที่ฝ่ายนั้นเล็งในตอนนี้กลับไม่ใช่ตัวเขาหรือโทมัส.. หากชี้ยังร่างของตัวนิวท์เอง

 

“ ออกไป.. ” นิวท์ออกคำสั่งเสียงเหี้ยม  ทว่านั่นไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้มินโฮยอมถอยหรอก  เขากลัวว่านิวท์จะลั่นไกออกมาต่างหาก

 

“ นิวท์.. อย่า..

ใจของมินโฮยิ่งกระตุกวูบเมื่อฝ่ายนั้นจ่อปลายกระบอกเครื่องยิงแนบกับลำคอแน่นกว่าเก่า  “ ก็ได้.. ก็ได้.. ..ถ้ามันทำให้นายสบายใจ ” เขาค่อยๆลุกและถอยออกห่าง

 

“ นายน่าจะปล่อยฉันให้ตายตั้งแต่ตอนอยู่ในทุ่งแล้ว  แต่ไอ้อัลบีนั่น.. ” ร่างนั้นลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล  ปาดหยาดน้ำตาที่เริ่มซึมครู่หนึ่ง  “ มันจะช่วยฉันไว้ทำปลวกอะไรวะ?!  ในเมื่อมีชีวิตเผละๆแบบนี้มันน่าตายๆไปก็ดีซะกว่า ”

 

“ นายก็ด้วยมินโฮ..  อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่นักหนา ถามฉันสักคำบ้างมั๊ย?!! ” นัยน์ตาคู่นั้นรื้นหยาดน้ำอีกครั้ง  หากแต่เรียวปากกลับคลี่ยิ้มราวกับนี่เป็นเรื่องขำขัน  “ พวกนายมันงี่เง่ารู้มั๊ย?  งี่เง่าเป็นบ้า ฮ่าๆๆ ”

 

นิวท์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  ขณะนั้นเองที่มินโฮคิดว่านิวท์คงเริ่มจะหลุดเข้าแล้วจริงๆ ..มันไม่มีสักทางเลยหรือไง?  แค่ขอให้นิวท์กลับมาเป็นเหมือนเดิม..

 

“ ฉันเคยบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรอนิวท์.. ”  มินโฮกล่าวเสียงแผ่วทว่าหนักแน่น  “ ที่ฉันบอกว่าฉันปล่อยให้นายตายไม่ได้ นายยังจำได้มั๊ย?  ว่าฉันจะยิ่งกว่าตายถ้านายตาย ”

 

ราวกับว่าประโยคนั้นสะเทือนอารมณ์ของทั้งคู่อย่างแรง  โทมัสที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำได้เพียงแค่นิ่งงันด้วยความสับสน  ชายหนุ่มไม่เคยได้เห็นมินโฮแสดงความอ่อนแอมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย  และยิ่งกับนิวท์ที่ตอนนี้มีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

 

“ แต่ฉันอยู่กับนายในสภาพแบบนี้ไม่ได้.. ” น้ำเสียงคุ้นเคยนั่นสั่นเครือ   “ ไปซะ.. ไม่งั้นฉันจะฆ่าตัวตาย นายบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะมินโฮ ” ประโยคขู่ที่เหมือนกันกับของมินโฮอย่างไม่มีผิดเพี้ยนราวเศษแก้วที่กรีดเฉือนห้วงใจ

 

“ เลือกมาว่าจะให้ฉันตายต่อหน้า  หรือจะให้ฉันเป็นบ้าตายไปเอง? ”

 

มินโฮถึงกับทรุดลง  เขาซบใบหน้าลงฝ่ามือสะอื้นไห้  ..ทำไมกัน?  ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ด้วย?..  เขาเคยเกือบสูญเสียนิวท์มาแล้วครั้งหนึ่ง และสัญญาทั้งกับตัวเองและอีกฝ่ายว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะปกป้องเจ้าตัวให้ดีที่สุด  แต่ผลจากการสัญญาของเขามันกลับตรงกันข้าม

 

“ ออกไปเถอะ  ถือว่าฉันขอร้อง..

 

“ ไปกันเถอะมินโฮ ”  โทมัสเข้ามาแตะที่ไหล่  ช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น  “ มาเร็ว ”

 

มินโฮทอดสายตามองคนรักเป็นครั้งสุดท้าย  ไม่นึกอยากเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือความจริง  “ นายไม่ได้ล้อเล่นกันใช่มั๊ยโทมัส? ”

 

โทมัสเพียงแต่พยักหน้า  ไม่กล่าวตอบสิ่งใด  ก่อนจะลากแขนมินโฮ พาร่างที่อ่อนแรงจากความเศร้าโศกที่รุมเร้าไปให้พ้นจากสถานแห่งนี้.. พ้นจากความรักที่แหลกสลายจากโชคชะตาไว้เบื้องหลัง  เหลือเพียงห้วงความรู้สึกที่วูบโหวงไว้กับตน

 

..ทำไมโลกมันถึงได้ปลวกขนาดนี้กัน..

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

พวกนั้นเข้ามาข้างในได้  จะเอาฉันไปอยู่กับแคร้งอื่นๆ

ซึ่งก็ดีที่สุดแล้ว  ขอบใจที่เป็นเพื่อนกัน

ลาก่อน

 

            ทุกอย่างมันสายเกินแก้เสียแล้ว  นัยน์ตาเรียวรีอ่านข้อความบนกระดาษในมือสั่นเทาครั้งแล้วครั้งเล่า ..นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ซึ่งทำให้เขานึกถึงนิวท์  เขากำมันจนยับยู่  ก่อนจะมองเหม่อยังผนังว่างเปล่า  ในขณะนั้นเองที่โทมัสหย่อนกายนั่งลงข้างๆ  พวกเขาต่างก็โศกเศร้าไม่แพ้กัน

            ทว่าสำหรับโทมัส.. นี่คือการสูญเสียเพื่อนรักไปอีกคนหนึ่ง  ส่วนมินโฮ.. เขาสูญเสียโลกทั้งใบ..

 

“ ไม่เป็นไรหน่ามินโฮ  ไม่เป็นไร.. ฉันจะอยู่กับนายให้ได้  ฉันสัญญา..

 

..ท้ายที่สุดแล้วเราทั้งคู่ต่างก็ผิดสัญญา..

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

[SF: The Maze Runner] – I will catch you if you fall (Minho/Newt)

ภาคต่อจาก  SF: The thing I feared most (Minho/Newt)

Title: I will catch you if you fall

Pairing: Minho/Newt (The Maze Runner)  

A/N: มีการสปอยล์เนื้อหาจากภาพยนตร์และหนังสือบางส่วน 

 

I will catch you if you fall 

 

..มินโฮไม่สบายใจทุกครั้งที่นิวท์หายไปไหนตามลำพัง..

 

            ค่ำคืนนี้ก็เช่นเดียวกัน.. ขณะที่ทุกคนเคลิ้มหลับเนื่องด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานของตนเองกันอย่างหนักหน่วงเมื่อช่วงกลางวัน  มินโฮพยายามฝืนความง่วงงุนมองยังร่างของอีกคนที่ก้าวห่างจากที่นอนออกไป  แสงเรื่อเรืองจากตะเกียงในมือกวัดแกว่งตามการเคลื่อนไหวซึ่งไม่ค่อยคงที่นัก

 

เขารู้ถึงสาเหตุของมัน.. อุบัติเหตุของนิวท์ในครั้งนั้นที่ทำให้เขาหวั่นวูบในอกทุกครั้งที่นึกถึง

.

.

 

มันก็ไม่ใช่อุบัติเหตุสักทีเดียวหรอก..

 

            นิวท์เคยเป็นนักวิ่งเฉกเช่นเขามาก่อน  กิจวัตรประจำวันของพวกเขาทั้งคู่รวมถึงนักวิ่งคนอื่นๆคือการออกไปสำรวจพื้นที่รอบนอกวงกตเพื่อหาทางออกไปจากท้องทุ่งแห่งนี้  และเมื่อแสงอรุณแห่งวันใหม่เข้ามาทักทาย  ภารกิจของพวกเขาก็จะเริ่มขึ้น

            พวกเขาจะนัดรวมตัวกันในห้องแผนที่ก่อนจะออกวิ่งในวงกตเพื่อที่จะได้จะได้จัดแจงพื้นที่ในการสำรวจของแต่ละฝ่าย  หากแต่วันนี้มีบางอย่างแปลกไป.. คือการไม่มาปรากฏตัวของนิวท์

 

            คิ้วเข้มของหนุ่มเอเชียเริ่มขมวดกันเป็นปม  เขาสบถกับตัวเองเสียงแผ่ว  ความหงุดหงิดที่เกิดจากการรอคอยที่ยาวนานอันน่ารำคาญใจทำให้มินโฮไม่ได้คาดคิดไปว่าจะเกิดเหตุร้ายกับฝ่ายนั้นเลย  บรรดานักวิ่งบางส่วนก็เริ่มแสดงความไม่พอใจขึ้นบ้าง

            จนกระทั่ง..

 

 

“ มินโฮ! ” อัลบีที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเรียกความสนใจจากพวกเขาไปทั้งหมด   “ น..นิวท์ ”

 

สีหน้าหวั่นวิตกพร้อมด้วยการเอ่ยชื่อผู้ที่หายไปนั่นทำเอามินโฮเริ่มใจคอไม่ดี   “ เกิดอะไรขึ้น? ”

 

“ นิวท์บาดเจ็บ.. อยู่ที่ห้องพัก ”

 

ราวกับความคิดถูกกระชาก  อารมณ์โกรธเกรี้ยวที่เคยมีต่อฝ่ายนั้นจางหายอย่างรวดเร็ว  เขารีบวิ่งตรงไปที่ห้องพยาบาลในทันที

“ นิวท์!

 

            มินโฮแทบหยุดหายใจเมื่อเจอสภาพสะบักสะบอมของฝ่ายเพื่อนรัก  ร่างผอมบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลนั่นแทบจะกลืนหายไปกับพื้นที่เตียงผู้ป่วย  เขาก้าวตรงไปนั่งที่ด้านข้าง  เกลี่ยกลุ่มผมบลอนด์ยุ่งเหยิงออกจากใบหน้าขณะที่นัยน์ตาคู่นั้นพยายามปรือขึ้นมามอง

 

“ ม..มินโฮ..

 

น้ำเสียงอ่อนแรงนั่นราวกับแรงที่มองไม่เห็นบีบรัดเขาไปทั้งใจ  ยิ่งเห็นรอยช้ำขนาดใหญ่ที่ขาเพรียวนั่น  ทั้งยังเลือดแห้งกรังที่เปื้อนชายกางเกงขึ้นมาเป็นวงกว้าง  ทำให้มินโฮไม่อยากจะนึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเผชิญกับความเจ็บปวดขนาดไหนกัน

 

“ ทุกคนออกไปให้หมด  ส่วนมินโฮ.. นายอยู่ช่วยทำแผลกับฉันที่นี่ ”  อัลบีออกคำสั่งไล่เหล่าชาวทุ่งและนักวิ่งที่มายืนออกันหน้าประตูห้องเพราะอยากรู้ที่มาในอาการบาดเจ็บของนิวท์

 

มินโฮคาดคิดเอาไว้แล้วว่าวันนี้เขาคงต้องยุติภารกิจของตนไปเสียก่อน  จะให้เขาออกวิ่งได้อย่างไรในเมื่อจิตใจของเขาเอาแต่ว้าวุ่นด้วยความเป็นห่วงคนบาดเจ็บนี่

“ ไม่เป็นไร.. นายต้องไม่เป็นไรนะนิวท์ ”

 

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

 

บาดแผลนั่นไม่ได้เกิดจากโศกา..

 

            พวกฝ่ายรักษาพยาบาลบอกว่าแผลนั่นเกิดจากการกระแทกอย่างแรง  นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้มินโฮโล่งใจ  เพราะอย่างน้อยการส่งผลต่อนิวท์มันก็คงไม่ได้ร้ายแรงนัก และทำให้เขาไม่ต้องเลือกทำสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตด้วย.. นั่นคือการฆ่านิวท์ทางอ้อมด้วยการปล่อยในวงกตเพียงลำพัง  ..ให้ทำอย่างนั้นเขายอมขาดใจตายเสียดีกว่า

            เพราะถ้าหากเสียนิวท์ไป.. มินโฮเองก็ไม่ต่างจากคนที่สูญเสียโลกทั้งใบ

 

ทว่าความสงสัยของเขาก็ยังคงอยู่.. อะไรกันที่เป็นสาเหตุให้นิวท์บาดเจ็บหนักเช่นนี้?

 

“ นิวท์.. ” 

มินโฮวางถ้วยซุปลงบนโต๊ะข้างเตียง  เขาเข้ามาดูแลหลังจากการวิ่งตามที่อาสาเฉกเช่นทุกวัน  ซึ่งนิวท์เองนั้นก็เริ่มจะอาการดีขึ้นบ้างแล้ว  หากแต่บางอย่างที่มีในตัวฝ่ายนั้นกลับหายไป.. รอยยิ้มสดใสกลับไม่เคยได้ปรากฏอีกเลย

 

“ หืม? ”  นัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นช่างว่างเปล่าเหลือเกิน  ราวกับใบไม้แห้งไร้ชีวิตที่ร่วงโรย..

 

“ เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่? ”

ราวกับนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยถามออกไปเป็นอย่างยิ่ง  สีหน้าของคนบาดเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความหวั่นวิตกในทันที

 

นัยน์ตาโศกคู่นั้นหลุบตาลงราวจะไม่อยากให้เขาล่วงรู้ความจริง   “ นายคงไม่อยากรู้นักหรอก ”

 

“ อยากรู้สิ.. อุบัติเหตุหรืออะไรมันทำร้ายนาย? ”

 

..เพราะฉันเป็นห่วงนายแทบแย่แล้วรู้มั๊ย?..

 

“ ม.. ไม่  ฉันบอกไม่ได้ ”

 

นั่นยิ่งเพิ่มเติมความอยากรู้ของมินโฮมากขึ้นไปอีก  เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนิวท์กันแน่  อาจเป็นฝีมือองคนในท้องทุ่งด้วยกันหรือไม่ก็ไอ้พวกเลวที่จับพวกเขามาขังไว้ที่นี่  ทำให้เขาจินตนาการไปต่างๆนานาว่าสาเหตุนั่นมันคืออะไร  และเขาก็กลัวเหลือเกิน  แต่ต่อให้มันจะร้ายแรงแค่ไหนเขาก็พร้อมจะยอมรับ

 

“ บอกฉันมาเถอะ..

 

“ ฉ..ฉัน.. ” ร่างนั้นพยายามถดขาที่บาดเจ็บขึ้น  ชันคางลงบนเข่า  ขณะที่สองมือน้อยๆขยุ้มบนผ้าห่มแน่นจนยับยู่  “ ฉันตกลงมาจากกำแพง ”

 

“ แล้วนายขึ้นไปทำอะไรบนนั้น? ”  คล้ายว่ามวลความอึดอัดตรงเข้าปกคลุมบรรยากาศ  นี่มันน่ากลัวเกินกว่าที่มินโฮคาดคิดไว้เสียอีก

 

คนผมบลอนด์พยายามกลั้นเก็บเสียงสะอื้น  ปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงหล่นอย่างเชื่องช้า  “ ฉันโดดลงมาเอง ”

 

            มินโฮตะลึงงัน.. ไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือเสียใจดีกับคำตอบที่ได้ยิน  มือแกร่งกำหมัดแน่นท่ามกลางอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุ  เขาโกรธ.. โกรธที่นิวท์คิดทำอะไรบ้าๆ ไม่รักตัวเองแบบนี้  ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าคือตัวเอง.. ที่ดูแลอีกคนได้ไม่ดีพอ ทำให้ฝ่ายนั้นมองคุณค่าในตัวเองต่ำไปจนคิดสั้น

 

“ โธ่เว้ย! ” เขาตรงไปชกกำปั้นเข้ากับกำแพงห้องเต็มแรง

 

นิวท์ซบใบหน้าลงกับฝ่ามือ  ยิ่งสะอื้นหนัก.. คนผมบลอนด์รู้ดีว่ามินโฮไม่ชอบคนที่มีความคิดงี่เง่า  เขาคิดว่ามินโฮคงจะคิดตัดเพื่อนกับเขาแล้วเป็นแน่.. ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

หากแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น..

 

 

“ โธ่นิวท์” มินโฮเอ่ยเรียกชื่อคนผมบลอนด์เสียงอ่อน  รู้ตัวอีกที.. ความอบอุ่นจากฝ่ามือแกร่งก็เข้ามาสอดประสานแพนิ้วเสียแล้ว “ ทำไมนายทำแบบนั้น? ”

 

“ ฉันพยายามเอาตัวรอดในวงกตบ้าๆนั่น  รีบมาให้ทันก่อนที่ประตูมันจะปิดทั้งที่ฉันน่าจะตายๆในนั้นไปแล้วเพื่ออะไรรู้มั๊ย? ” มินโฮยิ่งบีบเรียวมือนี่แนบแน่นเมื่อฝ่ายนั้นร่ำไห้จนตัวสั่น  “ เพราะฉันอยากเจอนาย  และฉันก็ภาวนาให้นายรอดทุกวัน  ให้เราทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัย

 

“ ไม่คิดเลยรึไงว่าถ้านายตายไปแล้วฉันจะทำยังไง?”  มินโฮรู้สึกว่าลำคอของตนเองแห้งผาก  น้ำเสียงสั่นเทา  หากอัลบีไปพบเจอนิวท์ช้าเกินไป.. หากว่ามันไม่ทัน..

 

มินโฮนึกไม่ออกเลยว่าความเสียใจที่เขาจะเผชิญมันจะทรมานเจียนตายแค่ไหน 

 

กระแสแห่งความรู้สึกผิดท่วมท้น  นิวท์เอนศีรษะแนบกับแผ่นอกของหนุ่มเอเชีย  หยาดน้ำตายังคงไม่จางหาย  “ ฉันเหนื่อยแล้วมินโฮ.. นายไม่เหนื่อยบ้างรึไง? ”

 

“ ฉันเหนื่อยที่ต้องถูกขังไว้ที่นี่  วิ่งบนในวงกตบ้าๆนั่นเพื่อจะหาทางออกที่ไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่า ..ฉันอยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอด ”

 

“ ไม่! ” พลันนั้นเองที่มินโฮคว้าร่างอีกคนมากอดไว้แนบอก  “ อย่าคิดแบบนี้อีกได้มั๊ย?  ฉันขอร้อง..

 

“ เพราะฉันจะอยู่ยิ่งกว่าตายถ้าหากนายตาย ”

 

สองมือน้อยค่อยๆเลื่อนขึ้นมากอดตอบ  ซบใบหน้าลงกับลาดไหล่  “ ฉันขอโทษ.. มินโฮฉันขอโทษ ”

 

“ ชู่วว์.. ไม่ๆ ไม่เอาหน่า  มันไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อยหน่า ”  มินโฮค่อยๆผละร่างออก  ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยหยาดน้ำตาบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั่นอย่างแผ่วเบา  “ ฉันแค่.. ฉันแค่อยากให้นายรักตัวเองมากกว่านี้ ”

 

..รักเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึกกับนายจนแทบบ้าแบบนี้ทีสิ..

 

สองสายตาสบกันครู่หนึ่ง  นิวท์ลังเลที่จะตอบรับ  ไม่รู้ว่าเขาจะทำตามคำร้องขอนั่นได้หรือเปล่า  “ ฉ.. ฉันจะพยายาม..

 

“ นายนี่นะ” มินโฮถอนหายใจแล้วส่ายหน้า  แต่ก็ไม่อยากให้อีกคนนั้นรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้  เพราะเขาเองก็ยิ่งรู้สึกตาม.. เขาอดไม่ได้ที่จะลูบเรือนผมสีทรายอย่างจะปลอบประโยน 

           

นิวท์ในความคิดของชาวทุ่งและนักวิ่งคนอื่นอาจแลดูเข้มแข็งและมีความเป็นผู้นำสูง  หากทว่ามินโฮซึ่งเป็นคนที่รู้จักนิวท์ดียิ่งกว่าใครๆนั้นรับรู้ถึงความเปราะบางที่ฝ่ายนั้นเก็บซ่อนอยู่มาตลอด  เขาอยากจะแบกรับความเศร้าโศกที่มีในใจนั่นไว้ทั้งหมดเหลือเกิน

 

อยากดูแล.. อยากปกป้อง..

ปกป้องจากสภาพโหดร้ายที่เป็นอยู่นี้ทั้งหมด.. รวมถึงความคิดด้านลบของเจ้าตัวนั่นด้วย

 

“ กินซุปเถอะ  นี่ก็เย็นมากแล้ว ” หนุ่มเอเชียรีบเปลี่ยนเรื่อง  อีกสิ่งหนึ่งที่เขากังวลในตอนนี้คือการเลยเวลารับประทานอาหารของอีกคน  ..แค่นี้นิวท์ก็ผอมบางจนแทบจะแตกหักอย่างง่ายดายได้อยู่แล้ว

 

ทั้งที่ความจริงแล้วบาดแผลที่ข้อมือของนิวท์นั้นเริ่มทุเลาลงเยอะจนสามารถใช้งานได้เองบ้างแล้ว  ทว่าคนผมบลอนด์รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรมินโฮคงต้องดื้อด้านจะป้อนเขาให้ได้อยู่ดี  ..เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก

 

“ ขอบใจนะ ”

แม้ว่ารสชาติของซุปข้นในถ้วยจะเริ่มเสียสภาพเพราะอุณหภูมิที่เย็นชืด  หากแต่นิวท์ก็รับรู้ถึงความอบอุ่นทางการกระทำที่มินโฮตั้งใจทำให้เขานั่นทดแทนได้เป็นอย่างดี

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _