Month: January 2018
Protected: SF: I should’ve known you better (Minho/Newt) II
Protected: SF: I should’ve known you better (Minho/Newt) I
Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Last Chapter
Last Chapter
..บางครั้งเราก็ควรเลิกเรียกร้องสิ่งใดที่ตนเองไม่ควรคู่เสียที..
เสียงของแข็งบางอย่างที่ลากผ่านโลหะด้ามยาวดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเรียกความสนใจจากมินโฮไปทั้งหมด นัยน์ตาเรียวรีมองหาต้นเหตุของเสียงเหล่านั้น ก่อนจะพบกับร่างหนึ่งที่เขาตามหานั่งอยู่ไม่ไกล ในมือข้างหนึ่งถือหินลับบรรจงครูดไปมาตามด้านของใบมีดขนาดยาว หนุ่มเอเชียเคลื่อนกายเข้าใกล้เล็กน้อย
โจเจ้นเบือนใบหน้าขึ้นมาตามเสียงการเคลื่อนไหว ยกมีดด้ามยาวขึ้นชี้เป้าหมายตามสัญชาติญาณ ขณะที่มินโฮยกสองมือขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองหาใช่ใครอื่น “ นี่ฉันเอง.. ”
เมื่อพบว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร คนอายุน้อยกว่าก็เอนซบกับลำต้นไม้ใหญ่ตามเดิม กล่าวกับอีกฝ่ายโดยไม่ได้แม้แต่จะมองหน้ากัน “ นี่เจ้าตามข้ามา? ”
“ ฉันอยู่ในทุ่งนี่มานานกว่านายนะ ถ้าจะมีใครสักคนหายไป หากไม่ใช่เพราะอู้งาน— ”
“ แต่งานในไร่ของข้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ”
มินโฮนั่งลงข้างกัน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกลอกตาแสดงความระอาที่ถูกขัดจังหวะ “ ..บางทีมันก็อาจเกิดเรื่องไม่ดี ” ในตอนนั้นเองที่โจเจ้นสบมองหน้าเขาอย่างนิ่งงัน สายตานั่นราวจะเป็นแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เขาต้องพูดความจริง “ ฉันเป็นห่วงนายมากเข้าใจมั๊ย? ”
“ ข้ารู้.. และข้าก็ขอขอบใจในความเป็นห่วงของเจ้า ”
น้ำเสียงที่ดูไร้ซึ่งความใส่ใจนั้นราวจะทอดทิ้งความหวังดีที่มินโฮส่งมอบให้อย่างไร้เยื่อใย
ทั้งที่มินโฮเองเป็นชาวทุ่งที่ดูจะมีความสนิทกับโจเจ้นมากที่สุด หากแต่เขากลับรู้สึกว่ายิ่งพยายามวิ่งเข้าหา ก็กลับมีกำแพงกางกั้นกันและกันทุกทีจนเขาไม่อาจผ่านเข้าไปได้เลย
ความเงียบงันอันน่าเจ็บปวดก่อตัวขึ้นครู่ใหญ่..
แสงอาทิตย์ยามอัสดงที่ถูกจำลองขึ้นมานั้นต้องกระทบกับโลหะด้ามยาวที่ถูกลับจนคมกริบ ฝ่ายเจ้าของแห่งตระกูลรี้ดยกมันขึ้นพิจารณาผลงาน เรียวนิ้วปัดป่ายกลุ่มผมสีทรายที่ปรกลงใบหน้าบางส่วน ก่อนจะทัดไว้กับใบหู ..วงหน้านั่น.. มินโฮกลับมองว่าน่าชื่นชมยิ่งกว่าอาวุธประจำตระกูลของเจ้าตัวเป็นไหนๆ
“ นายคงรักมันมาก ”
มินโฮสบมองแววตาของอีกฝ่ายที่เหม่อมองราวจะปล่อยให้ความคิดล่องลอยออกไปแสนไกล.. ไกลเสียจนเขาไม่อาจเอื้อมถึง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องให้ฝ่ายนั้นหยุดรอเขา
“ มากที่สุดในชีวิตของข้าเลยเชียวล่ะ ” ปลายนิ้วแตะลงบนตราสัตว์เลื้อยคลานนั่น ก่อนจะเก็บมันเข้าฝักอย่างทะนุถนอม
แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ..
“ มีดนายนี่น่าอิจฉาจังเลยนะ ”
“ มินโฮ! ” โจเจ้นร้องลั่นในความไร้เหตุผลนั่น คาดหวังว่าสิ่งที่ได้รับตอบจะเป็นเสียงหัวเราะผะแผ่วในลำคอกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มจากหนุ่มชาวทุ่ง มีเพียงความจริงจังจากมินโฮที่ถูกทอดผ่านมาทางสายตา
โจเจ้นเริ่มตระหนักได้ว่าการที่ตนเองก้าวห่างออกมาเพียงแค่ก้าวเดียวบางทีก็ดูจะห่างเกินไปสำหรับอีกคน แต่นิมิตที่พบเห็นเป็นอะไรที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้ เขาก็แค่อยากก้าวออกมา.. เพื่อให้ไม่ให้ความผูกพันมันรัดแน่นเกินกว่าจะคลายออก
“ เจ้านี่นะ.. ” คนอายุน้อยว่าประคองฝ่ามือของมินโฮแนบกับใบหน้าของตน “ เจ้าก็สำคัญนะรู้มั๊ย.. ” ก่อนจะเลื่อนเรียวปากไล้ตามข้อนิ้วของอีกฝ่าย “ แต่เราแต่ละคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง ”
นัยน์ตาสีเขียวครึ้มปรากฏความหม่นหมองฉายชัดอยู่ภายใน “ ข้ามีหน้าที่แค่นำทางเจ้า แต่ข้าเดินทางร่วมกับเจ้าไม่ได้ ”
“ โจเจ้น.. ” มินโฮรู้สึกเหมือนลำคอของตนแห้งผากไปในทันใด มันเหมือนจะยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องโหดร้ายในความฝันที่เคยเจอนั่นกำลังจะเป็นจริง “ ทำไมพูดแบบนี้ จะไปจากฉันรึไง? ”
โจเจ้นทนกล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่ตีบตันในลำคอ บีบแพนิ้วของหนุ่มเอเชียเสียแน่น “ ร.. เรื่องนั้น.. ” ประโยคนั้นกลับถูกขัดด้วยเรียวปากแนบแตะลงบนหน้าผากเสียก่อน ไล้ลงมาตามวงหน้าจนหยุดอยู่ที่กลีบปากบาง
“ หากมันมีทางกลับ ข้าก็ต้องไป ..ที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้า ”
“ ไม่ไป.. ได้มั๊ย?.. ” มินโฮเอื้อมแขนหมายจะรั้งร่างตรงหน้าเอาไว้ หากแต่ฝ่ายนั้นกลับขืนตัวออกแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าทุกคนต้องมีหน้าที่ ” น้ำตาหยดหนึ่งรดรินลงตามผิวแก้ม โจเจ้นรีบปาดมันทิ้ง ผินใบหน้าไปอีกทาง “ ไม่มีใครฝืนโชคชะตาได้หรอก ”
“ ได้โปรด.. อย่าไปเลยนะ.. ” มินโฮร้องขอ นัยน์ตาเรียวรีเปี่ยมประกายเว้าวอน “ นายก็รู้ว่าถ้านายกลับไป.. มัน.. ” เขาไม่อยากเอ่ยมันออกมาสักเท่าไหร่.. ภาพความตายอันทรมานที่กรีดเฉือนห้วงใจจนเป็นแล่นริ้ว
“ พอเถิด.. ”
“ ไม่นะ! โจเจ้น! ” หนุ่มเอเชียหมายจะกระโจนไปขวางทางอีกฝ่ายไว้ พลันนั้นเองที่เสียงหวีดลั่นจากการกระทบของโลหะดังขึ้น รวดเร็วชั่วหนึ่งสายฟ้าฟาด.. ใบมีดด้ามยาวถูกจ่อเข้าตรงหน้าเสียแล้ว มินโฮสบมองยังปลายแหลมคมของมันสลับกับใบหน้าอ่อนเยาว์นั่น
“ นายคงไม่ได้คิดจะทำร้ายฉันจริงๆใช่มั๊ย? ”
เหตุการณ์ช่างคล้ายคลึงกับเมื่อครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอกันที่นี่ แต่ความรู้สึกที่เผชิญมันช่างแตกต่าง
“ ข้าอาจจะทำหากเจ้ายังดื้อดึงกับข้าเช่นนี้ ”
และแน่นอนว่ามินโฮไม่รับฟังในคำขู่นั่น “ โจเจ้น.. อ๊ากกก! ” คมมีดพลันตวัดเข้าที่ต้นแขน แผลนี้แม้จะไม่หนักหนา ทว่ามันก็สร้างความแสบชาให้ไม่น้อย เขาสังเกตเห็นว่าเรียวมือที่พยายามประคองมีดด้ามยาวเริ่มสั่นเทา
“ ได้โปรด.. ” หนุ่มเอเชียอ้อนวอนทั้งน้ำตา “ จะฆ่าฉันตรงนี้ก็ได้ แต่ขอร้อง.. อย่าไปเลย.. ”
โจเจ้นเม้มปากแน่น ส่ายหน้าปฏิเสธขณะที่ความโศกเศร้าเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาครอบครองนัยน์ตาอีกครั้ง เขาพยายามซุกซ่อนเอาอาการยอมอ่อนไว้ในเบื้องลึก จะให้มินโฮเข้ามาใกล้หรือตามมาด้วยอีกไม่ได้เด็ดขาด คนผมบลอนด์ตวัดคมมีดอีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้เป็นที่ขา.. แผลลึกกว่าที่ต้นแขนค่อนข้างเยอะทีเดียว ความเจ็บปวดเกาะกุมเสียจนมินโฮแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่ แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นแทบจะเทียบกันไม่ได้กับความรู้สึกที่กัดกร่อนภายในอกนี้
“ อย่าฝืนอีกเลย.. ”
คล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นกระชากร่างเขาให้ห่างออกไป เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ “ ไม่! ” มินโฮพยายามเอื้อมคว้าอีกฝ่ายจนสุดแขน ทว่าสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความว่างเปล่า และแววตารวดร้าวสีเขียวหม่นคู่นั้น
“ โจเจ้น.. ได้โปรด.. ”
แค่อยากขอโอกาสครั้งสุดท้าย ให้โจเจ้นตอบตกลงและอยู่ที่นี่ดังเดิม แม้ความหวังมันจะเล็กน้อยราวเทียนใกล้มอดดับก็ตาม ..ขอได้ไหม..
“ ข้าขอโทษมินโฮ.. ข้าขอโทษ ” ทายาทตระกูลรี้ดย่างฝีเท้าก้าวห่างออกไป น้ำตานองหน้าในที่สุด
มันช่างเจ็บปวดเหลือเกินที่มินโฮไม่อาจเขยื้อนร่างได้ตามอย่างใจนึก เรือนกายของอีกฝ่ายที่จากไปเลือนรางลงทุกขณะในสายตา ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยม่านหมอกหนาทึบทีละน้อย.. ทีละน้อย
การมองเห็นที่เป็นอยู่ในตอนนี้มืดบอด พลันนั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนร่วงหล่นจากที่สูง แรงเหวี่ยงมหาศาลไร้ที่มาโคลงหนักหน่วง สองมือพยายามปัดป่ายหาสิ่งที่ทำให้ทรงตัวได้ แต่ก็ดูจะไร้ผล.. จนสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยให้มันเป็นไป
เพราะต่อให้จะต้องไปเจอกับอะไรที่ผู้สร้างอาจก่อขึ้นมา.. มินโฮก็คงไม่รู้สึกแย่กับมันไปมากกว่านี้อีกแล้ว
.
.
“ โจเจ้น! ”
มินโฮสะดุ้งตื่น หอบหายใจหนักหน่วงราวกับเพิ่งวิ่งวนมาในวงกต เหงื่อกาฬโชกชุ่มแผ่นหลัง ครั้นพอเริ่มได้สติ ความเจ็บแสบก็แล่นมายังต้นแขนและหน้าแข้งทันทีจนต้องหลับตาลงดังเดิม ยิ่งพยายามจะขยับกายก็ยิ่งเจ็บ มินโฮมองรอบด้วยความงุนงง นี่มัน.. ห้องพยาบาล?
“ เบาๆสิ ขยับแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก ” คลินท์ตรงเข้ามาช่วยประคองให้เขาลุกในท่านั่งได้สะดวกขึ้น มินโฮก็ยิ่งสับสน.. ไม่รู้ว่าเจ้าตัวสลับหน้าที่กับวินสตันไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ถึงกระนั้นความคลางแคลงใจในเรื่องอื่นก็มีมากกว่า “ นี่ฉัน.. เกิดอะไรขึ้น? ”
“ เอ่อ.. เอาจริงๆเรื่องนั้นฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอก ” คลินท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ แต่อัลบีบอกฉันว่านายไปเอาฟืนในป่านั่น แต่นายไปนานจนพวกเราคิดว่าต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ๆ พออัลบีเข้าไปตาม ก็เจอสภาพแบบที่เห็นนี่แหละ ”
มินโฮก้มมองยังบาดแผลใหญ่สองจุดที่ถูกรักษาไปมากแล้วพอสมควร แผลเหล่านี้ก็ดูเจ็บแสบเกินกว่าจะเกิดจากคมมีดธรรมดา บาดแผล.. ที่โจเจ้นเป็นคนทำร้ายเขา
ถ้าเช่นนั้นแล้ว.. บัดนี้ตัวการณ์นั่นไปอยู่ที่ไหนกัน “ คลินท์.. นายเห็นโจเจ้นบ้างมั๊ย? ”
ทันทีที่ได้ยินคำถาม สีหน้าของเพียบาลหนุ่มก็พลันเต็มไปด้วยความสับสน “ โจเจ้น? ใครกัน? ”
ราวกับมีบางอย่างฟาดเข้ากลางศีรษะอย่างแรงจนมึนงง มินโฮขมวดคิ้วแน่น ชาวทุ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ก็มีจำนวนเพียงหยิบมือ จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ใครคนหนึ่งจะจำคนอื่นๆไม่ได้
“ เอางี้นะมินโฮ เดี๋ยวฉันจะไปตามคนอื่นมา บอกว่านายฟื้นแล้ว ”
ทิ้งระยะห่างของช่วงเวลาเพียงไม่นานนักที่ชาวทุ่งคนอื่นตามมาถามไถ่อาการ หากแต่ในกลุ่มคนเหล่านั้น.. กลับไร้ซึ่งวี่แววของโจเจ้น รี้ด
“ นายหมดสติไปตั้งสองวันแน่ะเพียก เรานึกว่านายจะโดนเหมือนนิคเข้าซะแล้ว ”
สองวัน.. สองวันเชียวหรอ?!
“ แล้วโจเจ้นอยู่ที่ไหน? ”
อัลบีชะงักงัน หันมองหาฝ่ายเพียบาลอย่างขอความช่วยเหลือ คลินท์เพียงแต่ยักไหล่ “ เขาถามหาชื่อคนๆนี้ตั้งแต่ตอนฟื้นแล้ว ”
“ เอ่อ.. ขอโทษนะมินโฮ แต่เราไม่รู้จริงๆว่านายพูดถึงใคร ” หัวหน้าชาวทุ่งวางมือบนลาดไหล่หนุ่มเอเชียที่ตอนนี้มีสีหน้าสะเทือนใจไม่น้อย “ มันอาจจะคนใกล้ชิดของนายตอนก่อนที่จะส่งมาที่นี่ก็ได้ ”
มินโฮรู้ดีว่าไม่ใช่ ถึงแม้จะถูกลบความทรงจำก่อนจะส่งตัวมายังท้องทุ่งนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่าทายาทตระกูลรี้ดผู้นั้นห่างไกลจากโลกที่เขาจากมาอยู่โข และพวกเขาทั้งหมดก็เคยพบเจอกับโจเจ้นตอนถูกส่งมาในกล่องเหล็กนั่นแล้วแท้ๆ แต่ทำไม?..
“ แต่พวกนาย.. ตอนนั้นพวกนายก็เห็น ”
ความสับสนตีรวนจนแตกกระจายเป็นความคลุ้มคลั่ง
ไม่.. เขาจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าโจเจ้นเคยมีตัวตนที่นี่
“ แล้วคนทั้งคนมันจะหายไปได้ยังไงกันวะ!!! ” มินโฮตวาดเกรี้ยวจนอัลบีต้องปลอบให้ใจเย็น เกลียวคลื่นแห่งความกังวลถาโถมจนเขาสั่นสะท้าน “ พาฉันไปที่กำแพงชื่อที.. ได้โปรด ”
.
.
ปลายนิ้วแกร่งไล้ตามพื้นที่ว่างเปล่าบนกำแพงยักษ์เบื้องหน้า มินโฮจำได้เป็นอย่างดีว่ามันเคยปรากฏชื่อของโจเจ้นที่ตรงนี้ ..ก็เขาเป็นคนสลักมันไว้ด้วยตัวเอง เขากำหมัดแน่น ทำนบความแข็งแกร่งที่เคยมีพังทลาย ร่างสูงทรุดกายลงตรงนั้น ทุบกำปั้นเข้ากับกำแพงหินครั้งแล้วครั้งเล่า สะอื้นไห้จนตัวโยน
ไม่เคยมี.. ไม่เคยอยู่ที่นี่..
“ ทำไมกัน! ทำไม!! ”
โจเจ้นไม่เพียงแต่จะไปจากเขา.. ทั้งยังสาบสูญไปจากความทรงจำของชาวทุ่งทุกคนอีกต่างหาก
แรงยึดเหนี่ยวหนึ่งเดียวหายไปเสียแล้ว.. เขาร่วงหล่น.. ถูกความทรงจำของกันและกันดูดดึงแล้วฝังไว้ให้ตายทั้งเป็นภายใต้เศษซากจิตใจที่หักพังและแหลกลาญ ที่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่เขาจึงจะสามารถซ่อมแซมมันกลับได้ดังเดิม
..ความเป็นจริงมักเฆี่ยนตีเราอย่างโหดร้ายเสมอแบบนี้แหละ..
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
..มินโฮรู้ดีว่าอะไรที่ไม่ใช่ของตน.. มันย่อมไม่มีทางเป็นของตน..
ถึงแม้เขาจะพยายามคิดเช่นนั้น หากแต่มันก็ยังทำใจได้ลำบากอยู่ดี การที่คนสำคัญคนหนึ่งสูญหายไปจากชีวิตหาใช่เรื่องใครปรารถนา ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนที่ผูกพันมากจนเผลอถลำไปทั้งใจแล้ว ..มันดูเศร้ายิ่งกว่าเสียอีก เขาพยายามลบเลือนโจเจ้นมากเท่าไหร่ ช่องว่างในใจเหมือนจะเพิ่มพื้นที่มากเข้าทุกที
..เป็นหลุมลึกที่ถมอย่างไรก็ไม่มีวันเติมเต็มดังเดิมได้ ..ทั้งวูบโหวงรวดร้าวในคราวเดียวกัน
ราวกับถูกทิ้งไว้เพียงลำพังบนโลกใบนี้ ทั้งที่มีชาวทุ่งรายล้อมอยู่รอบกาย
กองเพลิงขนาดใหญ่ถูกจุดให้ลุกโชติช่วงกลางลานหญ้ากว้าง เป็นอีกครั้งที่เหล่าชาวทุ่งจัดงานเลี้ยงรื่นเริงกันขึ้นเพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ตนเองหลังจากผ่านการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
“ เฮ้! ”
พลันนั้นเองที่เสียงของใครบางคนพร้อมด้วยฝ่ามือที่วางแปะลงบนลาดไหล่กระชากมินโฮออกจากภวังค์โศก ไม่ใช่ใครอื่น.. แกลลี่นั่นเอง
“ ถ้าจะมาหาเรื่องกันล่ะก็ วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์เล่นด้วยหรอกนะ ”
“ ให้ตายสิวะ ” แกลลี่สบถ ขณะที่เหลือบตาขึ้นบนอย่างหน่ายๆ “ คิดว่าฉันอยากมีเรื่องกับไอ่หัวขวดสติหลุดที่เอาแต่นั่งเหม่อรึไง?! ”
เจ้าเพียกน่าหมั่นไส้แห่งท้องทุ่งกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นขวดแก้วสีทึบให้ตรงหน้า “ แต่เห็นนายเป็นแบบนี้แล้วแม่งรำคาญตาชะมัด เอาไป! ดื่มซะจะได้ลืมๆ ”
มินโฮรับเอาขวดแก้วมาไว้ในมืออย่างงุนงง ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเครื่องดื่มภายในนั้นเป็นสิ่งใด “ นี่อะไร? ”
“ สูตรลับทางการค้า ” แกลลี่ยักไหล่ “ ดื่มๆไปเหอะ ฉันไม่ใส่ยาพิษหรอก ถ้าจะฆ่านายมันมีวิธีอื่นให้สะใจกว่าอีกตั้งเยอะ ”
ถึงแม้คำพูดนั่นจะดูน่าแจกหมัดสั่งสอนไม่น้อย แต่มินโฮก็รู้ดีว่าความรักและเป็นห่วงคนในท้องทุ่งจากอีกฝ่ายนั้นก็มีมากไม่แพ้ใครอื่น “ ขอบใจ ”
หนุ่มเอเชียไม่ซักไซ้สิ่งใดต่อจากนั้น เขากระดกไปหนึ่งครั้งด้วยความอยากรู้ รสชาติขมเฝื่อนของมันอวลกระจายในโพรงปากและลำคอ ร้อนผ่าวเสียจนเขารู้สึกว่าหัวใจสูบฉีดเลือดรัวแรงกว่าเก่า ..แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามันทำให้มินโฮรู้สึกดีเป็นบ้า เขากระดกเอาเครื่องดื่มนี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่รู้ว่าสติรับรู้ของตนเลือนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
..มินโฮรู้เพียงว่ารสขมปร่าของมันชะล้างความขมขื่นในอกได้ดีเหลือเกิน..
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
กึก.. กึก.. ครืดดดด..
เสียงการเคลื่อนไหวจากกล่องเหล็กเจ้าประจำที่ดังขึ้นในช่วงเช้าตรู่วันถัดมาราวจะเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดีให้กับชาวทุ่ง ทุกคนหมายจะมุ่งไปเฝ้ารอตรงปากกล่องอย่างตื่นเต้นเพื่อรอดูว่าเด็กใหม่ที่ถูกส่งมาร่วมเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับพวกเขานั้นจะเป็นใคร หากแต่ความใคร่รู้นั้นหาได้เกิดกับมินโฮ..
“ ไอ่กล่องเวรตะไลนี่มันจะมาอะไรเอาตอนเช้าๆแบบนี้วะ ”
ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงคั่งค้างจากเมื่อคืนเล่นงานเขารุนแรงทีเดียว อาการปวดหนึบแล่นกระจายทั่วศีรษะจนอยากจะนอนต่อ แต่ชาวทุ่งไม่ยอมให้เขาเป็นไอ้เพียกขี้เซา ใครบางคนสาดน้ำเย็นจัดใส่หน้าจนมินโฮจำยอมต้องตื่นอย่างช่วยไม่ได้ เขาสบถด่าชุดใหญ่ขณะพยายามสะบัดไล่ความงัวเงีย
ไอ้ปลวกแกลลี่นั่นต้องจงใจแกล้งเขาแน่ๆ!
มินโฮพับเก็บความขุ่นเคืองนี่ไว้ก่อน กะว่าค่อยเอาคืนฝ่ายนั้นในคราวหลัง หนุ่มเอเชียเดินสะเปะสะปะจนมาถึงที่หมาย เป็นเวลาเดียวกันกับที่กล่องเหล็กเคลื่อนขึ้นมาจนสุดทางพอดี ทันทีที่ได้เห็นว่าน้องใหม่ประจำทุ่งคนนั้นคือใคร มินโฮก็แทบจะสร่างเมา ห้วงคำนึงถูกโอบล้อมด้วยความตะลึงงัน
ร่างผอมบางที่ถูกส่งมาสั่นระริกราวลูกกวางตัวน้อยติดกับนายพราน เสื้อฮู้ดสีมอที่ฝ่ายนั้นสวมใส่แลดูโคร่งเกินพอดี หมิ่นเหม่จนเผยให้เห็นผิวเนื้อและเสื้อกล้ามสีเข้มภายใน และที่สำคัญ.. ใบหน้านั้นเหมือนกับโจเจ้น รี้ดจนแทบจะเป็นคนเดียวกันก็ว่าได้! หากจะมองหาความแตกต่าง.. ก็คงจะเป็นนัยน์ตาที่เบิกกว้าง มองพวกเขาอย่างหวาดหวั่น.. มันเป็นสีน้ำตาล
ทว่ามันก็ทำให้ห้วงอารมณ์ของมินโฮตีรวนจนหวั่นวูบได้ไม่แพ้กัน
THE END
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
TALK TO WRITER:
หวังว่าคงเป็นตอนจบที่ดีกันอยู่นะคะ แต่มันก็จบดีที่สุดแล้วนะ ;;w;;
ขอขอบคุณพี่ไอวิช @iwish2_iwish ที่ให้คำปรึกษาเรื่องฟิคนี้เยอะมาก ช่วยปรูฟอีกต่างหาก รักนะงือออออ
และที่สำคัญเลยก็คือขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้กันมาค่ะ *โปรยหัวใจให้แล้วกอดดดด*
ถ้ามีอะไรอยากจะติชม ช่วยคอมเม้นท์บอกไม่ก็เมนชั่นมาหากันได้ที่แอค @miwii_kowling นะคะ :3
Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Chapter III
Chapter III
เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูกหลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่..
แม้จะผ่านมาครู่ใหญ่แล้ว ทว่าสัมผัสอ่อนอุ่นเหมือนจะยังตราตรึงบนเรียวปากอยู่เลย ทั้งยังเสียงชีพจรที่ระรัวโครมครามจนแทบจะออกมานอกอก มินโฮไม่รู้หรอกว่าชีวิตของเขาในก่อนหน้าที่จะถูกส่งมายังที่นี่นั้นตนเองจะเคยจูบกับใครมาก่อนบ้าง ..หากแต่เขาชอบจูบนี้เหลือเกิน
อยากสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะพอใจ..
จนกระทั่งเมื่อเสียงเคลื่อนตัวของวงกตด้านหลังกำแพงยักษ์ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงได้สติกลับมา ก่อนจะพบว่าโจเจ้นกำลังหัวเราะน้อยๆในท่าทีของตน มินโฮเกาท้ายทอยกลบเกลื่อน
“ เอ่อ.. แล้ว.. เคยจูบกับใครมาก่อนมั๊ย? ในโลกที่นายจากมาน่ะ ”
มินโฮกระหายที่จะรู้ยิ่งนัก เพราะเขาเชื่อว่าอย่างไรเสียเด็กหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์อย่างคนตรงหน้านี่ก็คงต้องมีว่าที่นายหญิงสักคนบ้างแล้วเป็นแน่.. ซึ่งความคิดนั้นทำให้เขาร้อนรุ่มในอกไม่น้อย
พลันนั้นเองที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ซ่านสีเลือดยิ่งกว่าเก่า “ คือเรื่องนั้น… ” ดวงเนตรสีเขียวหม่นช้อนมองครู่หนึ่งก่อนจะหลุบต่ำลง “ ข้ายังไม่เคยทำแบบนี้กับใครหรอกนะ ”
ก่อนที่ความรู้สึกเหล่านั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจกับสิ่งที่ไม่เป็นตามที่คิด มินโฮเลิกคิ้ว หากแต่กลับโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
โจเจ้นคลี่ยิ้มฝืดเฝือน “ ก็ดูสิว่านิมิตทำอะไรกับตัวข้า.. มันคงจะลำบากถ้าหากข้าจะต้องดูแลใครสักคน ” เด็กหนุ่มถดท่อนขาขึ้นมาชันไว้แนบอก ถอนหายใจพรืดยาว “ ทุกวันนี้พี่สาวยังต้องดูแลข้าอยู่เลย ”
“ นับตั้งแต่มาที่นี่ นิมิตไม่บอกอะไรเกี่ยวกับพี่สาวข้าเลย ”
กระแสความห่วงหาทอดผ่านมาในน้ำเสียงอย่างปิดไม่มิด มินโฮอดเอ็นดูระคนสงสารไม่ได้ เขาเขยิบกายเข้าใกล้ ก่อนจะวางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมสีทราย ลูบไล้อย่างแผ่วเบา ..ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากทำหน้าที่ดูแลโจเจ้นไปนานๆเสียแทน
“ เล่าเรื่องโลกที่นายจากมาให้ฟังหน่อยสิ ”
โจเจ้นพยักหน้าตกลง “ แต่ข้าขอสิ่งหนึ่ง.. มีดด้ามยาวของข้าน่ะ ” โจเจ้นชี้ไปยังเรือนเก็บอาวุธที่อยู๋ไม่ไกลกันนักจากเรือนพัก คำร้องขอนั่นทำเอามินโฮรู้สึกสับสน เมื่อเห็นสีหน้านั้นเด็กหนุ่มจึงกล่าวต่อให้กระจ่าง “ ข้าแค่จะใช้มันมาช่วยบอกเรื่องราวน่ะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ไม่เชื่อใจหรืออย่างไร? ”
เขาเชื่อใจโจเจ้นอยู่แล้ว.. เชื่อใจมากทีเดียว อีกฝ่ายคงไม่ทำกับคนที่เพิ่งช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายหรอก
.
.
มินโฮวิ่งกลับมาพร้อมด้วยมีดด้ามยาวที่โจเจ้นเคยพกติดตัวเป็นประจำก่อนที่มันจะถูกยึดไปโดยอัลบี ทายาทตระกูลรี้ดยื่นด้ามสีเขียวเข้มปนน้ำตาลให้เขาได้เห็นเต็มตา และเมื่อมันกระทบกับแสงไฟเรื่อเรืองจากตะเกียง ลายสลักบนด้ามก็ปรากฏอย่างชัดเจน
ปลายนิ้วซีดขาวละไล้ตามลายนูนต่ำนั่น “ ในโลกของข้า.. แต่ละตระกูลมีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ประจำตระกูลของตัวเอง และนี่คือตระกูลรี้ด.. ตระกูลแห่งข้า ”
มินโฮเพ่งพิศ รูปร่างนั้นคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลานขนาดเขื่อง ปลายหางที่อุดมด้วยเกล็ดแข็งตวัดม้วนขึ้น ..ดูลึกลับและน่าเกรงขาม
“ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังติดตัวข้าอยู่ และมันทำให้ข้าคิดถึงโลกของข้า ” นัยน์ตาสีมรกตทอประกายอบอุ่นน่ามอง “ เจ้าอยากฟังต่อรึเปล่า? ” และมินโฮก็ตอบตกลงโดยไม่นึกลังเล
เรื่องราวที่เขารับฟังมานั้นโหดร้ายพอควร ที่แห่งนั้นเปี่ยมด้วยสงครามและการแย่งชิงจากเจ็ดตระกูลยิ่งใหญ่เพื่อการครอบครองดินแดนที่ชื่อว่าเวสเตอรอส แตกต่างจากโลกในประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของมินโฮโดยสิ้นเชิง
มินโฮคิดว่าที่แห่งนั้นโหดร้ายเสียยิ่งกว่าท้องทุ่งปริศนานี้เสียอีก.. และโจเจ้นก็หาได้ควรคู่กับความโหดร้ายนั้นเสียเลย หากพรสวรรค์ในการมองเห็นอดีตและอนาคตผ่านนิมิตนั้นจะส่งผลให้เจ้าตัวต้องเจ็บป่วยออดๆแอดๆเช่นนี้ก็อย่ามีเสียดีกว่า
หนุ่มเอเชียทอดมองลายวิจิตรบนด้ามมีดยาวนั่นอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้ายังกำแพงยักษ์ ..เขาอยากจะอยู่กับโจเจ้นไปอีกนานแสนนาน แต่แน่นอนว่าในสถานที่ที่ดีกว่านี้ “ นายว่าฉันจะออกไปได้มั๊ย? ”
“ แน่นอนอยู่แล้ว ”
คำตอบจากฝ่ายนั้นทำเอาหัวใจพองโตด้วยความหวัง
“ แต่ว่า.. มันอาจไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนักหรอก ” เนื่องด้วยโจเจ้นมองเห็นและรู้ดีว่าโลกภายนอกวงกตนั้นเป็นเช่นไร ..มันคือแดนมอดไหม้ ด่านทดสอบแหล่งถัดไปจากที่นี่ ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าที่แห่งนั้นจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ..เพราะมันไม่ใช่เลยสักนิดน่ะสิ
“ จะยังไงก็เหอะ ฉันว่ามันต้องดีกว่าที่ปลวกนี่อยู่ดีนั่นแหละ ”
เด็กหนุ่มแอบนึกเห็นด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะอย่างน้อยก็คงจะดีกว่าอยู่ในท้องทุ่งแห่งนี้ไปวันๆโดยไม่ทำอะไรเลยแล้วรอให้เจ้าโศกาพวกนั้นทำลายชีวิตไปทีละคน.. ทีละคน.. สู้ไปเผชิญด่านทดสอบที่ดูจะหนักหนายิ่งกว่าแต่จบลงด้วยการเจอสถานที่ปลอดภัยก็ดีกว่าเป็นไหนๆ
“ งั้นช่วยบอกฉันสักนิดได้มั๊ยว่าเราจะออกจากที่นี่กันไปยังไง? ไม่ใช่ว่าต้องฝ่าวงกตนั่นไปหรอกนะ ”
“ แล้วถ้าข้าบอกว่าใช่ล่ะ? ” นัยน์ตาเรียวรีเบิกกว้างขึ้นทันทีหลังจากหมอดูจำเป็นกล่าวจบ
“ ห๊ะ?!! แต่ว่ามัน… นายก็เห็นไม่ใช่หรอว่ามันเป็นไปไม่ได้ ” ทั้งวงกตที่เปลี่ยนรูปแบบทุกค่ำคืนกับเจ้าสัตว์ร้ายโศกานั่นอีก โอกาสจะหนีรอดแทบจะเป็นศูนย์
“ วิธีอื่นไม่ได้หรอ? แบบ.. เอ่อ.. ลงไปในกล่องนั่นไง ” ก่อนจะชี้ไปยังกล่องเหล็กที่จะส่งเด็กใหม่มาทุกเดือน
“ อย่าเลยดีกว่า ” โจเจ้นส่ายหน้า “ นี่ถือว่าข้าเตือนแล้วนะ ”
เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของหนุ่มเอเชีย เด็กหนุ่มก็รีบอธิบายต่อ “ ความกลัวมันจะทำให้เจ้าอยากวิ่งหนี แต่หนทางที่จะเอาชนะความกลัวคือต้องวิ่งข้ามผ่านมัน ”
เพราะที่นี่หาใช่สถานลงโทษ หากแต่เป็นบททดสอบ..
“ เจ้าต้องวิ่งออกไป.. นอกวงกตนั่น ” ทายาทตระกูลรี้ดชี้ปลายมีดด้ามยาวของตนไปยังด้านกำแพงยักษ์ “ มันอาจจะต้องใช้เวลา แต่เชื่อข้าว่าเจ้าจะต้องออกไปได้ ”
“ โจเจ้น.. ”
“ สัญญากับข้าอย่างหนึ่งนะมินโฮ ” นัยน์ตาสีเขียวหม่นจับจ้องใบหน้าของเขา ประกายความจริงจังที่ปรากฏเปี่ยมล้นภายในนั้น มันหนักแน่นจริงจังเสียจนดูจะไม่เป็นเพียงแค่คำสัญญา ทว่าเป็นการฝากฝั่ง.. “ อย่าทิ้งความหวังเด็ดขาดนะ ”
“ ได้สิ.. ” หนุ่มเอเชียแย้มยิ้มยื่นเรียวมือสอดประสานแพนิ้วแนบแน่น ถ่ายทอดความเชื่อใจ “ เพราะยังไงฉันก็ไม่ทนอยู่ที่ปลวกๆนี่ต่อเด็ดขาด ”
“ แล้วถ้าเราออกไปข้างนอกนั่นกันได้ เอ่อ.. หมายถึงว่าถ้านายยังกลับไปไม่ได้ด้วย ไปอยู่กับฉันมั๊ย? ”
มินโฮแทบจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อจบประโยค ..นี่เขาพูดปลวกอะไรออกไปวะเนี่ย?! “ อ่า.. นายก็คงเห็นอยู่แล้วสินะว่าอนาคตนั่นจะเป็นยังไง ”
โจเจ้นเพียงแต่คลี่รอยยิ้มบางเบา ..รอยยิ้มที่ดูจะหาได้ยากยิ่งเหลือเกินจากคนนี้ เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆแทนคำตกลง ทั้งที่ก็ได้พบเห็นอนาคตมาแล้วผ่านพลังพิเศษ ทว่าบางครั้งการโกหกเพื่อสานต่อความหวังให้ใครอีกคนก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
..เขาเห็นเปลวเพลิงลุกโชนท่วมร่างของตนเอง
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
เรื่องราวแปลกประหลาดเข้ามาเยี่ยมเยือนความฝันของมินโฮอีกครั้ง..
สถานที่แห่งนั้นปกคลุมด้วยหิมะชั้นหนาทั่วบริเวณ สภาพอากาศที่ดูไม่น่าจะมีพืชพันธุ์ชนิดไหนรอดชีวิตได้ ความหนาวเหน็บที่รายล้อมเสียดแทงลึกถึงกระดูก กลับปรากฏไม้ใหญ่สูงตระหง่าน ณ ยอดเนิน กลุ่มใบสีแดงสดจับตามกิ่งก้านที่แผ่ขยายสาขาถ้วนทั่ว ..มันสวยงามจนไม่อาจบรรยาย
หากแต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้อุณหภูมิรอบกายเหมือนจะยิ่งติดลบเพิ่มมากขึ้นไปอีก!
“ โจเจ้น! ”
ฝ่ามือปริศนาที่โผล่พ้นจากกองหิมะฉุดเอาทายาทตระกูลรี้ดให้ล้มลงก่อนจะลากเจ้าตัวไปอีกทาง มินโฮทำได้เพียงตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายสุดเสียง ทว่าตนเองไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนกายหรือหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ได้เลย
ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อกองทัพร่างโครงกระดูกต่างทยอยพากันขึ้นมาจากพื้นหิมะเข้าโจมตีกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน และในตอนนั้นที่มินโฮเห็นหญิงสาวอีกคน.. ที่คาดว่าน่าจะเป็นพี่สาวของโจเจ้นตามที่เจ้าตัวเคยเล่า พยายามปกป้องผู้เป็นน้องสุดกำลัง หากแต่ความอ่อนล้าจากการเดินทางที่ยาวนานทำให้แต่ละคนมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำได้สูง
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้..
ฉึก!
หลังจากโจเจ้นตะโกนร้องบอกเด็กชายอีกคนให้ระวังตัวเพียงไม่นาน คมมีดจากผีดิบตนหนึ่งก็พุ่งเข้าเสียบร่างของฝ่ายนั้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะทิ่มแทงย้ำเข้าแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ ไม่!!! ” ราวกับว่านั่นกำลังกรีดเฉือนห้วงหัวใจเขาไปด้วย รวดร้าวไปทั้งอก..
“ ไม่.. ได้โปรด.. ” มินโฮแทบจะอ้อนวอนร้องขออะไรก็ตามที่ทำให้เขาต้องทนมองภาพความโหดร้ายเช่นนี้ ยิ่งคนที่ถูกทำร้ายนั่นเป็นคนที่ไม่ควรคู่แล้วด้วย
เขาเพียงแต่ปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงริน แม้แต่จะหันหน้าหลับตาหนียังไม่อาจทำได้
“ อย่าทำร้ายเขา.. อย่า.. ”
.
.
“ มิน.. มินโฮ.. ”
ช่างโชคดีเหลือเกินที่เสียงอันคุ้นเคยนั่นเรียกให้เขากลับสู่ความเป็นจริง ใบหน้าของคนที่เพิ่งถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในความฝันกำลังจับจ้องมายังตัวเขาด้วยความกังวล “ ข้าอยู่นี่.. ข้าอยู่กับเจ้า.. ”
“ ฉัน.. ฝัน.. ” มินโฮพยายามหยุดอาการสะอื้นของตนเองเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาละไล้คราบน้ำตาบนใบหน้า เขาเพิ่งรู้ตัวว่าร้องไห้ไปหนักมาก “ ฝันเห็นนาย.. ”
“ ชู่วว.. ข้ารู้ ข้าก็เห็นมัน ”
จิตใจที่แตกร้าวเหมือนจะยิ่งถูกบดให้แหลกละเอียดยิ่งกว่าเก่า การที่โจเจ้นรับรู้ถึงความฝันของเขาด้วยเช่นนี้เท่ากับว่ามันไม่ได้เป็นเพียงความฝันทั่วไป หากแต่เป็นนิมิตที่ทำให้เห็นอนาคตของเจ้าตัว .. มันเป็นเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง
“ หมายความว่านายกำลังจะ.. ตาย? ”
เขากำลังจะสูญเสียโจเจ้นไปอย่างนั้นหรือ?
ไม่นะ..
ไม่มีทาง.. มินโฮจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
“ ไม่หรอก ” โจเจ้นพยายามยิ้มปลอบ เลื่อนปลายนิ้วตามวงหน้าคมขึ้นลูบแผ่วเบายังกลุ่มผมสีดำสนิทที่ชื้นเหงื่อ “ ถ้าข้ากลับไปไม่ได้มันก็จะไม่เกิดขึ้น ”
“ อยู่กับฉันนะโจเจ้น ได้โปรด.. ”
“ ข้าจะไม่ไปไหนเลย ”
เด็กหนุ่มเอนร่างลงบนพื้นที่ว่างบนเปลนอนที่ยังเหลืออยู่ อ้อมแขนแข็งแกร่งก็รีบตระกองกอดร่างไว้แนบแน่น มินโฮหวาดกลัวเรื่องในความฝันนั่นเหลือเกิน
“ อย่ากังวลไปเลย.. การที่ข้าข้ามมาอีกโลกอาจทำให้นิมิตผิดพลาดไปบ้างเท่านั้นเอง ” โจเจ้นเขยื้อนกายเล็กน้อย เอื้อมเรียวแขนกอดตอบ ทั้งที่พยายามจะปลอบประโลมฝ่ายหนุ่มเอเชียให้เลิกครุ่นคิดจากเหตุร้ายในฝัน หากแต่กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ประกายความขมขื่นแจ่มชัดในแววตา
โจเจ้นรู้ดีว่านิมิตไม่เคยโกหก..
TBC.
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Chapter II
Chapter II
ชีวิตในทุ่งก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก..
งานของโจเจ้นนั้นไม่ใช่งานที่ต้องใช้แรงกำลังมากมายเหมือนพวกฝ่ายก่อสร้างอย่างมินโฮ ฟรายแพนก็ปฏิเสธการให้เขาช่วยเป็นลูกมือในครัวพัลวัน เพราะเกรงว่ามื้ออาหารมื้อนั้นอาจเป็นมื้อที่เลวร้ายที่สุดสำหรับชาวทุ่ง จะให้ไปเป็นหน่วยแพทย์รึก็ไม่อยาก จึงกลายเป็นว่าโจเจ้นต้องไปทำงานในไร่ที่ปกติพวกชาวทุ่งจะผลัดเวรกันทำอย่างช่วยไม่ได้
ที่จริงมันก็หนักเอาการ.. แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้เห็นพืชพันธุ์ที่ตนลงทุนลงแรงเพาะปลูกนั้นงอกงามขึ้นมา
โจเจ้นพาร่างเหนื่อยอ่อนจากการทำงานทั้งวันมายังมุมหนึ่งในท้องทุ่ง ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ยามเย็นที่ไม่ค่อยมีใครผ่านมาให้รบกวนจิตใจมากนัก แต่อันที่จริงแล้วคนในทุ่งก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้นหรอก เด็กหนุ่มเอนกายแนบกับลำต้นสูงใหญ่ นัยน์ตาสีมรกตสบมองท้องฟ้าแปลกประหลาดเบื้องบน.. ประกายทองเจือจางขลิบขอบฟ้าที่จรดกับยอดกำแพงยักษ์คล้ายช่วงตะวันจะลาลับ หากแต่ไร้ซึ่งตะวัน.. แม้แต่เมฆสักนิดก็ไม่มีให้เห็น
ก็แน่ล่ะ.. นี่มันไม่ใช่ท้องฟ้าจริงๆเสียหน่อย ไม่ได้มีเพียงโจเจ้นที่สังเกตเห็น แต่ชาวทุ่งคนอื่นก็รู้เช่นกัน
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ฉงนอยู่ครู่หนึ่งจึงปล่อยวาง ครุ่นคิดให้หนักอกไปก็คงจะไร้ประโยชน์
ทว่าก่อนจะได้หลับตาลงเพื่อพักผ่อนสักงีบ.. เงาทึบจากร่างใหญ่ก็ปรากฏมาบดบังแสงอ่อนจางที่ต้องกระทบใบหน้า ..โจเจ้นจำได้ว่าคนตรงหน้านี้ชื่อนิค
มวลความอึดอัดอันไม่น่าไว้วางใจก่อตัวขึ้นหนาทึบจนโจเจ้นแทบทนไม่ไหว
“ นายไม่ควรมาที่นี่เลยว่ามั๊ย? ” เนื่องด้วยทิศที่โจเจ้นมองอยู่ขณะนี้ย้อนแสง จึงไม่อาจเห็นว่าฝ่ายนั้นมองกันด้วยแววตาแบบใด “ นายจะทำให้ที่นี่เปลี่ยนไปครั้งใหญ่ ”
บัดนี้โจเจ้นไร้ซึ่งอาวุธใดๆติดไว้ป้องกันตัว แม้แต่มีดด้ามยาวประจำตัวนั่นก็ยังโดนสั่งห้ามตามกฎ เนื่องด้วยอัลบีเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยหากเกิดการทะเลาะกันระหว่างคนในทุ่งด้วยกัน
ร่างสูงใหญ่ขยับเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่โจเจ้นได้เห็นรอยแผลขนาดกว้างบนลาดไหล่ เส้นเลือดเขียวคล้ำชัดเจนจนน่ากลัว เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง เขารู้แล้วว่าเคยพบเจอท่าทีคลุ้มคลั่งนี้มาจากที่ไหน ไม่เพียงแต่สัญชาตญาณที่ร้องบอกว่าสถานการณ์ขณะนี้ดูไม่น่าปลอดภัย หากแต่ภาพนิมิตที่เขาเคยพบเจอนั้นก็ยืนยันว่าต้องลุกหนี
แต่ดูท่าว่าทุกอย่างจะช้าเกินไปเสียแล้ว!
วิ่งหนีออกห่างเพียงไม่กี่ฝีเท้า นิคที่วิ่งไล่ตามมาก็ทันที่จะกระโจนเข้ามาตะครุบร่างของโจเจ้นจากด้านหลังไว้ได้ ทั้งสองล้มลงกับพื้น เสียงคำรามลั่นคล้ายสัตว์ร้ายนั่นยิ่งก่อความหวาดกลัวในจิตใจ
“ ปล่อย! ”
“ ฉันไม่ปล่อยแกไปง่ายๆหรอก! ”
“ ย..อย่า! ”
สองมือน้อยๆพยายามปัดป้องอุ้งมือใหญ่ที่เลื่อนขึ้นมาหมายจะกำรอบลำคอแล้วปลิดชีวิตเขาให้สิ้นเสีย น่าเจ็บใจนักที่ที่แห่งนี้แทบจะเป็นมุมอับของท้องทุ่ง และแม้จะเคยเห็นจากนิมิตว่าเขาถูกทำร้ายจากอีกฝ่ายมาก่อนแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตาตนเองได้
โจเจ้นรู้ตัวว่าลำพังตัวคนเดียวไม่อาจสู้แรงร่างข้างบนที่คลุ้มคลั่งนี้ได้เป็นแน่ เขาพยายามถดกายห่างเพื่อร้องเรียกคนอื่น
“ ช่วยด้วย! ช่วยด้ว— อื้ออออ! ”
หากแต่มือใหญ่กลับตรงเข้าตะปบ แทบจะปิดใบหน้าซีกล่างได้มิดทีเดียว ทำให้นายน้อยแห่งตระกูลรี้ดทำได้เพียงก่อเสียงอู้อี้ในลำคอเท่านั้น ขณะที่มือข้างขวาถูกรวบไว้ด้านข้างอย่างแรงจนเจ็บร้าวไปทั้งข้อ เขาดีดดิ้นสุดกำลัง
มืออีกข้างที่ว่างอยู่ต่อยหมัดข้างขมับของชาวทุ่งเสียสติเต็มแรง ฝ่ามือที่ปิดปากเขาไว้จึงยอมปล่อยเป็นอิสระ “ ช่วยด้วย! ” แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้นเมื่อนิคกระชากกลุ่มผมสีทราย ก่อนจะสวนหมัดชกเข้าที่กลางท้อง โจเจ้นไอโขลก คุดคู้ตัวงอราวนกปีกหัก
คราวนี้เขานอนหอบหนัก สิ้นเรี่ยวแรงจะดิ้นรน “ อย่า.. ” ทำได้เพียงหวาดผวายามเมื่อแรงบีบรัดเลื่อนมาที่ลำคอและเพิ่มกำลังมากเข้าทุกที สองมือที่พยายามจิกข่วนท่อนแขนแกร่งแทบไม่ช่วยอะไร
ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอจากการกดทับที่หลอดลม ลิดรอนเอาลมหายใจ..
ผัวะ!!
เสียงท่อนไม้ขนาดใหญ่กระทบร่างดังแหวกผ่านอากาศก่อนที่โจเจ้นจะรู้สึกถึงความว่างเปล่าเบื้องบน เด็กหนุ่มไอโขลกอยู่สองสามรอบก่อนจะหอบหายใจ พยายามผงกหัวขึ้นมองคนที่มาช่วย เพียงไม่นานเสียงฝีเท้าอีกหลากหลายคู่ก็เข้ามาแทนที่ ห้อมล้อมทั้งตัวเขาเองและนิคเอาไว้
“ โจเจ้น! โจเจ้น.. ” มินโฮใจหายวาบตั้งแต่ได้ยินเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นเขารีบเร่งวิ่งหาที่มาแทบบ้า ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพบอบช้ำจากการดิ้นรนของร่างที่หอบรวยรินนี่แล้ว มินโฮยิ่งเข่นเขี้ยวอยากเข้าไปชกไอ้ปลวกนั่นอีกสักหมัดสองหมัดให้หายแค้น
“ ข.. ข้า.. ไม่เป็นไร.. ” โจเจ้นค่อยๆลุกขึ้นจากการช่วยพยุงของหนุ่มเอเชีย แม้จะยังคงผวาเนื่องด้วยการถูกทำร้ายเมื่อครู่ก็ตาม ฝืนทนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ ไปดูเพื่อนของเจ้าเถิด น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าข้าเสียอีก ”
“ เฮ้นิค ใจเย็นๆก่อน มีอะไรก็พูดกันดีๆ ”
“ ฉันว่าเจ้าเพียกนี่เป็นบ้าไปแล้วแหงเลย ”
“ ดูที่ไหล่มันสิ! ไปโดนอะไรมาน่ะ?! ”
เสียงของชาวทุ่งเซ็งแซ่ขณะที่พยายามรั้งร่างของเพื่อนที่เสียสติอยู่ไม่ให้เข้าไปทำร้ายโจเจ้นอีกรอบ รอยแผลเขียวคล้ำบนลาดไหล่คล้ายมีบางสิ่งเคลื่อนไหวข้างใต้นั่นช่างน่าขยะแขยง แววตาเกรี้ยวกราดแทบจะไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ มันมองพวกเขาอย่างก้าวร้าว
“ พวกแก.. พวกแกทุกคน!! ” ร่างสูงใหญ่นั่นสั่นสะท้านเล็กน้อย มองฝ่ากลุ่มชาวทุ่งยังใบหน้าของโจเจ้นรี้ดอย่างมาดร้าย “ ไม่มีใครไปจากวงกตนี่ได้! พวกแกไม่มีทางชนะมัน! ”
นั่นแทบไม่ใช่เพื่อนชาวทุ่งนิสัยดีที่พวกเขาเคยรู้จักกันเลยแม้แต่น้อย สันนิษฐานว่าการที่นิคเป็นเช่นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับบาดแผลบนไหล่นั่นเป็นแน่
หารู้ไม่ว่าคำพูดเหล่านั้นทำเอาทายาทแห่งตระกูลรี้ดเย็นวาบทั่วสันหลัง คล้ายบางอย่างที่โขกกระทุ้งเข้ามาในหัวอย่างรุนแรง ถาโถมบ้าคลั่งจนโจเจ้นทรุดฮวบลงอีกครั้ง และแน่นอนว่ามินโฮที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดนั้นคว้าร่างไว้ได้ทัน นัยน์ตาสีเขียวหม่นเหลือกค้าง นิ้วมือจิกเกร็งขณะที่ทั้งร่างชักกระตุกอย่างน่ากลัว
มันเป็นโรคประจำตัวที่เคยเกือบคร่าชีวิตเขาไปเมื่อวัยเยาว์.. เป็นผลพวงจากความสามารถพิเศษที่เขามี
โจเจ้นพยายามผลักไสมันทิ้ง หากแต่ท้ายที่สุดความมืดมิดก็โรยตัวลงมาคลี่คลุมสติ ยินเพียงเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาจากมินโฮและใบหน้านั่นเป็นสิ่งสุดท้าย
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
โจเจ้นคล้ายจะหลุดเข้ามาในห้วงความฝัน..
ไม่สิ.. ต้องเรียกว่าภาพนิมิตที่ทำให้เขามองเห็นอนาคตได้ต่างหาก
ด้านหลังของเขาในตอนนี้เป็นกำแพงหินขนาดยักษ์ที่เรียงตัวกันสลับซับซ้อน ส่วนภาพตรงหน้า.. คือแผ่นโลหะยักษ์คล้ายใบมีดที่เรียงตั้งฉากกันเป็นทางยาว ทำให้โจเจ้นรู้ว่านี่คือวงกตด้านนอกที่ชาวทุ่งกล่าวถึงกัน เขาแหงนมองกำแพงฟากหนึ่ง ข้อความบนนั้นเขียนไว้ว่า
WORLD IN CATASTROPHE: KILLZONE EXPERIMENT DEPARTMENT. (โลกในภาวะหายนะ: แผนกทดลองแดนสังหาร)
ทิ้งเวลาให้ครุ่นคิดด้วยความฉงนกับมันเพียงไม่นาน เสียงโหวกเหวกจากชายสองคนรีบเร่งวิ่งออกมาจากทิศทางกำแพงใบมีดนั้นก็ดังขึ้นขัด ท่ามกลางเสียงครืนครั่นจากกลไกการเคลื่อนตัวของมัน
คนหนึ่งคือมินโฮที่เขาแสนจะคุ้นเคย ส่วนอีกคนนั้น.. เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในทุ่ง
“ โทมัสสส!! ”
และนั่นคงเป็นชื่อของฝ่ายนั้น มินโฮร้องเรียกเสียงลั่นเมื่อเห็นว่ากำแพงใบมีดชั้นด้านในนั้นกำลังจะปิดตัวลงทีละใบ.. ทีละใบ..
โจเจ้นเองก็ลุ้นระทึกไม่ต่างกัน ในใจภาวนาขอเพียงให้เด็กหนุ่มผู้นั้นเร่งฝีเท้าให้ทันก่อนที่กำแพงโลหะนั่นจะปิดลงสนิท
“ มินโฮ!! ”
แล้วก็แทบลงไปกองด้วยความที่ลุ้นจนเหนื่อยเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กนั่นวิ่งตามได้ทัน หากแต่กลไกการเปลี่ยนรูปแบบของวงกตไม่ได้มีเพียงเท่านั้น พวกเขาทั้งคู่ยังคงต้องวิ่งหนีบรรดากำแพงหินที่พร้อมจะหล่นใส่หรือรอยแยกบนพื้นต่อไปเรื่อยๆ
“ วิ่ง! โทมัส! อย่าหันกลับไปมอง! ”
ทั้งคู่นั้นวิ่งผ่านร่างเขาไป ทำให้โจเจ้นได้เห็นใบหน้าของคนที่ชื่อโทมัสนั่นอย่างเต็มตา นัยน์ตาสีมรกตเป็นประกายในทันที ..เขาพบเจอกับกุญแจดอกสำคัญในการไขปริศนาวงกตเข้าให้แล้ว
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ดวงเนตรสีเขียวหม่นปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า ฝืนทนอาการวิงเวียนหันมองรอบก่อนจะพอเดาได้ว่านี่น่าจะเป็นห้องพยาบาล มีเพียงความเงียบงันโอบล้อมบรรยากาศ.. ดูท่าว่าเวลานี้จะเป็นช่วงดึกสงัดพอควร โจเจ้นยันกายลุกขึ้น ทบทวนภาพนิมิตเมื่อครู่ก่อนจะย่างฝีเท้าอย่างเงียบเชียบสู่ด้านนอกของเรือนพัก
.
.
มินโฮนั่งห่างจากโจเจ้นเพียงช่วงผนังไม้กั้น.. หากแต่เขากลับรู้สึกว่าห่างจากฝ่ายนั้นไปไกลโข
ช่วงเวลาดึกสงัดที่ใครต่อใครในทุ่งก็ต่างพากันหลับใหลนั้น ทั้งยังเลยเวลากะเวรในการเฝ้านิคของเขาแล้วก็ตาม หากแต่ความพะว้าพะวงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ยังคงก่อกวนจิตใจของมินโฮจนเขาไม่อาจข่มตาหลับลงได้เลย มินโฮจึงขออยู่เป็นเพื่อนวินสตันกับอัลบีช่วยเฝ้าเวรต่ออีกกะ
ตอนนั้นเองที่เสียงการเคลื่อนไหวซึ่งแม้จะดูเล็กน้อยแทรกผ่านความเงียบขึ้น แต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน มินโฮเหลือบมองหน้าของชาวทุ่งทั้งสองผู้ซึ่งเป็นฝ่ายเข้าเวรเฝ้าดูแลนิคในตอนนี้ ราวจะรู้ความคิด.. พวกเขาพยักเพยิดตกลง เนื่องด้วยก็รู้กันอยู่ว่านั่นต้องเป็นโจเจ้น รี้ด
แล้วก็ใช่จริงๆเสียด้วย..
“ นั่งตรงนี้ไม่หนาวรึไง? หืม? ”
โจเจ้นเพียงแต่ส่ายหน้า ปรับเปลี่ยนท่านั่งจากการชันเข่ามาเป็นขัดสมาธิ เอนศีรษะกับผนังด้านนอกของเรือนพัก มีเพียงแสงเรื่อเรืองจากตะเกียงที่แขวนอยู่ไม่ไกลส่องให้เห็นกันและกัน หนุ่มเอเชียตรงเข้าไปนั่งใกล้ๆ
“ แล้วนี่.. ดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย? ” แม้จะได้เห็นว่าเจ้าของร่างโปร่งบางไร้ซึ่งอาการเจ็บป่วยแล้ว ทว่าใบหน้าซีดเซียวที่ยังคงปรากฏทำให้มินโฮอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ ยังเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก ” โจเจ้นส่งยิ้มบางเบาเพื่อเป็นการยืนยัน
เด็กหนุ่มแหงนมองเวิ้งฟ้าสีเข้มเบื้องบน แสงเรื่อเรืองเล็กๆที่ประปรายบนนั้นคล้ายจะเป็นเพียงจุดขาวที่ใครบางคนแต้มเอาไว้ ยิ่งตอกย้ำเรื่องที่เขาคิดว่านี่คือท้องฟ้าปลอมเข้าไปอีก “ ข้าไม่เคยเห็นดวงดาวใดไร้ชีวิตชีวาเท่าที่แห่งนี้มาก่อนเลย ”
“ ก็แน่ล่ะ ” มินโฮยักไหล่ “ มันไม่ใช่ท้องฟ้าจริงๆซะหน่อย บางทีข้างนอกในตอนนี้อาจเป็นกลางวันก็ได้ ใครจะรู้ ” พูดถึงตรงนี้ก็ยิ่งเคียดแค้นไอ้พวกสารเลวที่จับพวกเขามาขังไว้ที่นี่
ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มบทสนทนาถัดมา เสียงคำรามน่าสยดสยองก็พลันดังขึ้นมาจากในวงกต นัยน์ตาสองคู่มองไปทางกำแพงยักษ์อีกฟากฝั่งหนึ่งด้วยท่าทีขึงขัง แม้จะเคยได้ยินมันมาบ้างแล้วในคืนก่อนๆ ทว่าโจเจ้นกลับรู้สึกว่าครั้งนี้ที่มาของเสียงนั่นอยู่ใกล้กำแพงยิ่งนัก
“ มันเข้ามาไม่ได้หรอก กำแพงนั่นคุ้มกันเราอยู่ ” มินโฮกล่าวปลอบ ทั้งที่ในใจตนเองก็แอบหวาดหวั่นไม่น้อย
“ เจ้าสิ่งนั้นคือโศกา ”
มินโฮขมวดคิ้วกับสิ่งที่โจเจ้นโพล่งออกมากะทันหัน “ หืม? โศกา? ”
“ มันคือเจ้าของเสียงโหยหวนภายนอกนั่น ” ในตอนนี้มินโฮอาจมองเห็นเพียงกำแพงยักษ์ หากแต่คนที่มีความสามารถพิเศษอย่างโจเจ้นกลับมองเห็นทะลุผ่านกำแพงนั่นไป ภายในวงกต.. เครื่องจักรกลที่ถูกดัดแปลงเป็นอาวุธสังหารไต่คลานยั้วเยี้ยไปหมด
“ ปีศาจร้ายที่ทำให้นิคเป็นบ้า ”
เมื่อเอ่ยถึงชื่อนั้น.. เสียงของคนผมบลอนด์ก็แผ่วลงอย่างสังเกตได้ เขายังนึกตกใจจากเรื่องวันนี้ ยังจำได้ถึงแรงบีบรัดที่หมายจะเอาชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม
พลันนั้นเองที่ภาพตรงหน้ากลายเป็นท้องทุ่งที่แปรสภาพเป็นนรก กลุ่มปีศาจจักรกลไล่ล่าเหล่าชาวทุ่งที่วิ่งหนีกันอลหม่าน “ มันจะทำร้ายชาวทุ่งอีกหลายคน ” โจเจ้นกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะเม้มปากแน่น เขาไม่อยากบอกอะไรอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเจ้าโศกาง้างสิ่งที่คล้ายกรงเล็บกระชากร่างอัลบีออกไป
นี่มันโหดร้ายเกินจะทน.. แทบจะทัดเทียมกับศึกชิงบัลลังก์ในโลกที่เขาจากมา
“ ไม่ว่าไอ่ตัวปลวกนั่นมันจะเป็นอะไรก็ตาม ” หนุ่มเอเชียเลื่อนฝ่ามือลูบบนกลุ่มผมสีทรายอย่างแผ่วเบา “ ฉันจะไม่ยอมให้มันมาทำอะไรนายเหมือนนิค ..อีกแล้ว ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งใดดลใจให้มินโฮพูดอะไรแบบนั้นออกไป ทว่าเขาก็อยากจะทำให้ได้อย่างที่พูดจริงๆ
นัยน์ตาสองคู่สบกันเพียงช่วงครู่หนึ่งที่คล้ายจะเนิ่นนาน..
นับตั้งแต่มาใช้ชีวิตที่นี่.. มินโฮแทบจะหลงลืมไปแล้วว่าดวงดาวที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาจริงๆนั้นเป็นเช่นไร จนเมื่อพบกับประกายสุกใสสีเขียวหม่นที่หยอกล้อกับแสงตะเกียงตรงหน้านี่ โจเจ้นคลี่ยิ้มบางเบา พลันนั้นเองที่กลุ่มดาวเหล่านั้นเหมือนจะยิ่งโคจรเข้าใกล้มาเรื่อยๆ..
“ ขอบใจเจ้ามาก.. สำหรับทุกอย่าง ”
ทายาทตระกูลรี้ดเข้าใกล้จนแนบชิด มินโฮเกือบจะผินหน้าไปอีกทางด้วยความตกใจ ทว่าสองมือน้อยๆกลับรั้งเอาไว้เสียก่อน ตามมาด้วยความนุ่มหยุ่นแตะลงบนริมฝีปากที่ทำให้เขาชะงักจากความคิดทุกอย่าง สัมผัสอบอุ่นซาบซ่านจนใจเต้นแรง
..นี่มันเป็นการขอบคุณแบบไหนกันนะ?
TBC.
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Chapter I
Chapter I
เสียงโหวกเหวกจากวินสตันทำเอาชาวทุ่งทุกคนไม่เป็นอันทำงาน..
รวมทั้งมินโฮเองด้วย.. เรียวมือที่กำลังง่วนกับการตอกตะปูลงบนแผ่นไม้ถึงกับต้องวางลง นัยน์ตาเรียวรีมองขวาง ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าเจ้าฝ่ายพยาบาลนั่นวิ่งตรงออกมาจากส่วนของบ้านพัก ร้องลั่นราวกับคนที่เสียสติไปแล้ว
“ เป็นปลวกอะไรวะ?! ” แกลลี่ตะโกนถาม ใบหน้าอาบเหงื่อนั่นปรากฏความรำคาญใจไม่แพ้กัน
วินสตันหอบหายใจจากการรีบวิ่งมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมสติเอ่ยบอกทุกคน “ เด็กใหม่นั่น ห..หายไปแล้ว ”
“ ว่าไงนะ?!! ” คราวนี้ดูจะเป็นมินโฮเสียเองที่เริ่มจะเสียสติ เขาพยายามจะสงบใจให้เย็นลง “ งั้นเอางี้นะ เดี๋ยวฉันไปตามหาเอง ฝากนายจัดการตอกตะปูแผละนี่ไปก่อน ” ว่าจบมินโฮก็รีบยกมือห้ามแกลลี่ที่ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธการเสนอตัวของเขา
“ ฉันจะไปคนเดียว นายไม่ต้องมายุ่ง ”
นั่นยิ่งเพิ่มเติมความหงุดหงิดให้กับแกลลี่มากขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มทิ้งค้อนลงกับพื้น เตรียมจะเข้าไปหาเรื่อง หากแต่อัลบีก็ตรงเข้ามาเป็นคนห้ามทัพ.. ตามเคย..
“ ให้มินโฮไปตามหน่าอัลบี มาทำงานต่อ ”
“ ทำไมคราวนี้ไว้ใจมันล่ะ? ถ้าไอ้เพียกนั่นเกิดอารมณ์เสียชกหน้าเจ้าเด็กใหม่นั่นให้ทำไง? ” แกลลี่เอ่ยถามขณะที่มองตามแผ่นหลังกว้างวิ่งห่างออกไป แต่ไหนแต่ไรมาทุกคนในทุ่งก็รู้ๆกันอยู่ว่ามินโฮนั้นวู่วามขนาดไหน จะให้ไปตามปลอบน้องใหม่ที่อาจจะสติแตกไปแล้วนั้นดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
“ เชื่อฉันเถอะแกลลี่ ” อัลบีชะงักงานของตนครู่หนึ่ง “ ไม่รู้สึกว่ามันแปลกหน่อยหรอ? ที่คนที่ไม่ค่อยสนใจคนอื่นอย่างมินโฮจะมากระวนกระวายเพราะน้องใหม่คนเดียว.. ”
ประโยคนั้นทำเอาแกลลี่เป็นอันต้องครุ่นคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
เสียงสวบสาบจากฝีเท้าที่เหยียบย่ำบนกองใบไม้แห้งดังขึ้นเป็นระยะๆ เนื่องด้วยหนุ่มเอเชียเป็นอันต้องมองหาเจ้าเด็กใหม่ที่อยู่ๆก็หายไป ที่จริงแล้วมันก็มีไม่กี่สถานที่ในท้องทุ่งแห่งนี้หรอกที่จะพอให้ไป.. เว้นเสียแต่จะเดินออกไปยังวงกตข้างนอกนั่น ซึ่งถ้าหากเจ้าเด็กใหม่จะทำอย่างนั้น คนทั้งทุ่งก็ต้องเห็นไปแล้วเพราะต้องเดินตัดผ่านพื้นที่โล่ง
“ เฮ้! เจ้าน้องใหม่ อยู่ไหนวะเนี่ย? ” มินโฮป้องปากตะโกนหา ทว่ากลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เขาร้องหาอีกสองสามรอบขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้า แต่ยังคงได้รับผลเช่นเดิมจนมินโฮเริ่มถอดใจ.. บางทีไอ้น้องใหม่อาจถูกเจ้าตัวประหลาดที่ส่งเสียงน่ากลัวตอนกลางคืนนั่นลากไปแล้วก็เป็นได้
ทันใดนั้นเองที่เสียงฝีเท้าที่พุ่งมาอย่างเร็วพลันเรียกความสนใจจากเขา เมื่อหันหลังกลับ กว่าจะรู้ตัว.. ปลายแหลมคมจากมีดด้ามยาวก็พลันจ่อเข้าที่ต้นคอเสียแล้ว
“ อย่าคิดจะขยับเชียวนะ ”
..เจ้าน้องใหม่นั่นเอง.. ดุไม่เบาเลยทีเดียว..
โจเจ้น รี้ด จ้องมองร่างหนาด้วยสายตาหวาดหวั่น ราวกับว่าหากพลาดเพียงนิดคนตรงหน้านั่นจะเข้ามาทำร้ายได้ทุกวินาที คนผมบลอนด์จับมีดด้วยท่าทีงกๆเงิ่นๆ ..สำหรับคนที่มีพี่สาวปกป้องมาตลอดชีวิตกลับต้องมาจับอาวุธเองก็ดูลำบากพอควร ยิ่งเมื่อมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นในนิมิตของตนแล้ว.. โจเจ้นก็ยิ่งหวาดกลัวไปใหญ่
“ เฮ้.. ใจเย็นๆหน่าน้องใหม่ ” มินโฮยกสองมือขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายวางใจว่าตนเองนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย “ ฉันมาดี.. ไม่ได้จะทำร้ายนาย ”
“ แล้วข้าอยู่ที่ไหน?! ”
สรรพนามย้อนยุคนั้นทำเอามินโฮประหลาดใจและเริ่มคิดไปอย่างจริงจังแล้วว่าคนตรงหน้านี้น่าจะหลุดมาจากอดีตจริง “ ฟังฉันก่อนนะ ”
มินโฮถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อไม่ให้อาวุธนั้นประชิดตัวมากจนเกินไป “ เราเรียกที่นี่ว่าทุ่ง ทุกคนถูกส่งมาเพราะอะไรอันนี้ฉันก็ไม่รู้ เราจะจำได้แค่ชื่อของตัวเอง เอ่อ.. คือนายจะจำมันได้ในวันสองวั— ”
“ โจเจ้น! ข้าชื่อโจเจ้น รี้ด ” การสวนกลับในทันทีนั่นทำให้มินโฮประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง “ ข้าจำทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตข้าได้ทั้งหมด ”
หนุ่มเอเชียนิ่งงัน “ ทำไมกัน?.. ” มินโฮเอ่ยเสียงแผ่วราวกับเพียงแค่จะพึมพำกับตนเอง นึกสงสัยว่าเหตุใดโจเจ้นจึงพิเศษที่จำเรื่องราวของตนเองก่อนถูกส่งมาในทุ่งได้ทั้งหมด แตกต่างจากพวกเขา..
ทันใดนั้นเองที่แรงกดจากปลายแหลมของโลหะที่ต้นคอลดระดับลง ร่างของโจเจ้นร่วงหล่นลงพร้อมกับอาวุธ ร่างโปร่งนั่นหอบหายใจ นิ้วมือจิกเกร็งลงไปในด้ามมีด มินโฮตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามตั้งสติ ตรงเข้าไปประคอง ตบเบาๆลงบนใบหน้า
“ เฮ้! โจเจ้น นายโอเคมั๊ย? ”
โจเจ้นพยายามฝืนทนอาการที่เป็นอยู่ ฝ่ามือกว้างลูบตามแผ่นหลัง ถอดเอาเสื้อคลุมตัวยาวอันแสนรุ่มร่ามนั่นออก มันดูจะไม่จำเป็นเสียเลยสำหรับท้องทุ่งที่สภาพอากาศไม่เย็นนักอย่างที่นี่ ทั้งร่างสั่นสะท้านจนโจเจ้นรู้ว่าถ้าหากเป็นหนักยิ่งกว่านี้คงต้องชักเกร็งเป็นแน่ เพียงแค่หันมองหน้ามินโฮ อาการวิงเวียนก็เหมือนจะแล่นริ้วไปทั้งศีรษะ
“ ทำใจดีๆไว้ อยู่กับฉัน.. ”
ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าที่อาการเหล่านี้จะเริ่มสงบลงได้ โจเจ้นแทบจะทิ้งร่างเอนราบลงกับพื้นหากไม่ติดว่ามินโฮช่วยพยุงอยู่
“ ดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย? ”
คนผมบลอนด์พยักหน้าเชื่องช้า เก็บมีดด้ามยาวเข้ากับฝัก “ ด..ดีแล้ว ” ก่อนจะพยายามลุกขึ้นโดยไม่พึ่งความช่วยเหลือจากหนุ่มเอเชีย ดูเปราะบางเสียจนมินโอกลัวว่าจะเซล้มไปอีกรอบ “ ไม่เป็นไร.. ข้าไม่เป็นไร.. ”
“ อ้าวเห้ย! นี่นายจะเดินไปไหนตามใจชอบไม่ได้นะเว้ย! ” มินโฮตะโกนเมื่อพบว่าอยู่ๆอีกคนก็เดินเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ป่า ..แทบจะใกล้ถึงอีกแนวของกำแพงยักษ์แล้ว
“ มากับฉันนะโจเจ้น! ”
คนอายุน้อยกว่าชะงักฝีเท้า หันหลังกลับมา ราวกับเป็นคนละคนที่แสดงอาการป่วยเมื่อครู่นั่นเลย หากไม่ติดว่าใบหน้าซีดเซียวนั่นยังคงปรากฏอยู่
“ ข้าจำได้แล้ว ”
“ หืม? ”
“ ไม่รู้สึกคุ้นตากับที่นี่รึ? ตอนนั้นเจ้าก็อยู่กับข้านี่ ”
มินโฮมองรอบกาย ด้านหลังของโจเจ้นนั้นหากก้าวพลาดเพียงนิดเดียวก็จะตกลงไปในร่องเหว มันไม่ได้ลึกมากนักแต่ก็ควรจะระวัง เดี๋ยวนะ.. ร่องเหวงั้นหรอ.. เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยเจอบรรยากาศเช่นนี้จากที่ใด เขาก็แทบจะขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง
..เพราะมันคือความฝันของเขาเอง!
“ น..นี่อย่าบอกนะว่า.. เอ่อ.. ตอนนั้น.. ” มินโฮเริ่มจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก “ นายเข้ามาในความฝันของฉันได้?! ”
“ ใช่.. และเจ้าก็เป็นคนเดียวที่ข้าเห็นในนิมิต ”
คำยืนยันอันเรียบนิ่งนั่นทำเอามินโฮแทบล้มทั้งยืน จะให้บอกว่าคนตรงหน้านี่โกหกก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาก็ฝันว่าเจออีกฝ่ายมาแล้วจริงๆ
“ ล.. แล้วที่นายบอกฉันในฝันล่ะ? ”
“ ที่บอกว่าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปนั่นสินะ ” โจเจ้นเบือนหน้ามองยังความมืดทึบของแนวป่า ซึ่งหากเดินเข้าไปอีกนิดก็จะพบกับกำแพงอีกฝั่ง แต่ก็ไม่ค่อยมีผู้ใดที่จะกล้าเดินเข้าไปหรอก “ มันกำลังจะเปลี่ยนไปจริงๆ เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ”
“ เอาเป็นว่า.. ข้าเคยเห็นคนอื่นเรียกชื่อเจ้าในนิมิตด้วย มินโฮใช่มั๊ย? ” เป็นอีกครั้งที่หนุ่มเอเชียตกในภวังค์ตะลึง ก็เจ้าเด็กจิตสัมผัสนี่ดันมารู้ชื่อเขาทั้งที่ยังไม่ได้บอกเลยด้วยซ้ำ
“ ช่วยเก็บเรื่องนิมิตของเราเป็นความลับนะ อย่าบอกใครเป็นอันขาด ”
ให้ตายสิ.. เจ้าเด็กใหม่นี่จะมีเรื่องประหลาดใจให้มินโฮอีกมากมายเท่าไหร่กันนะ?
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
“ แกมีปัญหาอะไรนักหนาวะไอ้น้องใหม่! ”
เสียงโวยวายจากแกลลี่ดังลั่น ก่อนที่ใครคนอื่นจะได้ทันเข้าถึง ร่างสูงใหญ่ก็ตรงเข้าใกล้แล้วผลักโจเจ้นอย่างแรงจนล้มลง “ ไอ้เพียกเอ้ย! อยากตายรึไงถึงได้เดินไปไหนมาไหนสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้! ”
“ ทำปลวกอะไรของแกวะไอ้แกลลี่! ” มินโฮกระชากคอปกเสื้อของเด็กหนุ่ม ดึงร่างนั่นออกไปให้พ้นทาง
เสียงโหวกเหวกน่ารำคาญก่อตัวขึ้นภายในทุ่งอีกครั้ง ชาวทุ่งเตรียมจะแยกสองคนนั้นออกเพราะกลัวว่าทั้งคู่จะถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่กลับกลายเป็นว่ามินโฮสงบศึกเสียแทน และรีบตรงเข้าไปช่วยพยุงโจเจ้นที่พยายามลุกขึ้นมา
“ ข้า.. เอ่อ.. ฉันขอโทษ ” โจเจ้นพยายามใช้สรรพนามให้กลมกลืนเพื่อไม่ให้ดูเป็นที่น่าจับตาไปมากกว่านี้ แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะยังไม่รู้ว่าตนเองข้ามมิติมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็ตาม
“ ไม่ต้องไปฟังไอ้เพียกนั่นหรอก ว่าแต่นายน่ะ โอเคใช่มั๊ย? ” มินโฮก้มมองรอยถลอกบนท่อนแขน ยังดีที่ไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก ภาพที่เจ้าตัวเกือบเป็นลมชักนั่นยังคงติดตาอยู่เลย
“ ไม่เห็นต้องทำหน้าเหมือนมองข้าตายแบบนั้นก็ได้ ” โจเจ้นกล่าวเสียงกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะหัวเราะแผ่วๆ
..ก็มินโฮแค่เป็นห่วง.. แค่นั้นจริงๆนะ..
TBC.
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
TALK TO WRITER:
เหมือนจะหลุดคาร์ไปเยอะพอสมควร ๕๕๕๕
พยายามอย่างสุดความสามารถในการหาข้อมูลโจเจ้น รี้ดจนเกือบจะติด GOT ไปแล้ว(ซึ่งถ้าติ่งอีกคงตาย เพราะแฟนด้อมที่มีอยู่นี้ก็เอาไม่ทันแล้ว กร๊ากกก)
แล้วก็.. ขอบคุณแฟนอาร์ตสวยๆจากคุณ @maleen27 นะคะ เราชอบมากกกก เขินจนอยากวิ่งแล้วกรี๊ดรอบทุ่ง แอร๊ววว >w<
edit @ 20 Oct 2014 02:49:05 by KuNgWoN
Everything has changed (Minho/Jojen Reed): Intro
Title: Everything has changed
Pairing: Minho(The Maze Runner)/Jojen Reed(Game of Thrones)
Genre: Fluff, Angst
Intro
..มินโฮรู้ตัวว่ากำลังฝันถึงเรื่องเดิมๆอีกครั้ง..
สองเท้าเหยียบย่ำในพื้นที่ป่า พืชพรรณสูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขากว้างขวางและรกครึ้ม รอบกายมีเพียงความสลัวราวกับว่าแสงอาทิตย์เบื้องบนนั้นไม่อาจเล็ดรอดมาเยือนยังที่แห่งนี้ได้เลย นั่นทำให้มินโฮไม่อาจรู้ว่านี่เป็นเวลาใดกันแน่ และรูปแบบความฝันนี้ยังคงเดิมเสมอ เขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงการกระทำได้ตามใจอยากเลยสักครั้ง..
เสียงคำรามกึกก้องจากสิ่งมีชีวิตที่มินโฮไม่อาจรู้ดังไล่หลังมา ความกลัวที่เกาะกุมจิตใจสั่งการณ์ให้เขาออกวิ่งในทันที ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าลัดเลาะอย่างชาญชำนาญทั้งที่ตัวเขาก็ไม่รู้ว่าไปเอาทักษะการหลบหนีอันเยี่ยมยอดแบบนี้มาจากไหน มินโฮรู้เพียงแค่ว่าต้องหนีจากสิ่งที่ตามหลังในตอนนี้ให้ทัน
..เขาภาวนาให้ตนเองตื่นจากความฝันปลวกๆนี่เสียที..
ทว่าครั้งนี้ความฝันของเขาแลดูจะแตกต่างออกไป มันยาวนานจนแทบหาทางสิ้นสุดไม่เจอ มินโฮวิ่งจนกระทั่งว่าฝ่าเท้าของเขาเหยียบย่ำเอาความว่างเปล่าตรงหน้า กว่าจะรู้ตัวอีกที ทั้งร่างก็ร่วงหล่นสู่ห้วงความมืดมิดพร้อมกับเสียงร้องของตนเองที่ดังลั่น
!!!
ร่างกำยำหล่นกระแทกกับพื้นเบื้องล่างอย่างแรง หากแต่มินโฮกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ราวกับผืนหญ้าอ่อนนุ่มนี่เป็นดั่งพรมชั้นดีที่รองรับร่างเขาเอาไว้ มินโฮค่อยๆถดกายลุกขึ้น ก่อนจะพบว่าในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว.. แต่ยังมีใครอีกคน..
ร่างตรงหน้านั้นสูงโปร่งหากแต่ผอมบาง เครื่องแต่งกายที่สวมใส่อยู่นั้นก็ราวกับว่าเจ้าตัวหลุดมาจากอดีต มินโฮรู้สึกเหมือนว่าลำคอของตนแห้งผาก ไม่อาจเอ่ยคำพูดใดๆทั้งที่มีคำถามเป็นล้านอยู่ในความคิด
เจ้าของกลุ่มผมสีทรายยุ่งเหยิงนั่นจ้องมองมาที่เขาอย่างนิ่งงัน แม้จะมืดสลัว.. หากแต่มินโฮกลับมองเห็นว่านัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นวางเฉยจนไม่อาจคาดเดาจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ เนิ่นนานทีเดียวก่อนที่ฝ่ายนั้นจะแย้มยิ้ม ทว่ามันแห้งแล้งซึ่งความเป็นมิตรเหลือเกิน กล่าวประโยคสั้นๆที่ทำเอามินโฮสะท้านราวกับมีความเย็นวาบแผ่ซ่านทั่วสันหลัง
“ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป ”
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
พวกเขาก็มีกันเพียงแค่หกคนในท้องทุ่งแห่งนี้..
คำศัพท์ที่ชาวทุ่งแห่งนี้ใช้เรียกผู้ที่เพิ่งถูกส่งมาจากกล่องนั่นว่า ‘เด็กใหม่’ หรือ ‘น้องใหม่’ ..สถานะของมินโฮในตอนนี้คือรองน้องใหม่ เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้นเองคนล่าสุดที่ถูกส่งมานั่นก็คือแกลลี่.. เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่จอมเอาแต่ใจและยึดเพียงแต่ความคิดของตนเสมอ มินโฮไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเท่าไหร่หรอก
บ่อยครั้งที่พวกเขาทั้งคู่ขัดแย้งจนกระทั่งถึงขั้นลงไม้ลงมือ หากแต่อัลบีก็จะเป็นผู้ห้ามทัพได้ในที่สุด
นั่นก็เพราะว่าอัลบีเป็นหัวหน้า เป็นผู้ตั้งกฎ.. เนื่องด้วยชายผู้นั้นถูกส่งมายังที่นี่ก่อนใครอื่น ทำให้เจ้าตัวรู้ถึงความอันตรายของสถานที่เป็นอย่างดี พื้นที่ภายนอกกำแพงยักษ์ที่ล้อมรอบอยู่นั้นไม่ได้สงบอย่างที่เป็นอยู่ในท้องทุ่ง หากแต่มันเป็นดั่งห้วงแห่งความตายที่พร้อมจะกลืนกินทุกชีวิตที่เสี่ยงเข้าไป
อัลบีเคยบอกว่าข้างนอกนั่นน่าจะเป็นวงกต และเสียงครืดคราดน่ากลัวคล้ายสิ่งของขนาดยักษ์กำลังเคลื่อนย้ายยามราตรีก็ดูจะบอกเป็นนัยได้ ถ้าหากนั่นเป็นวงกตจริงอย่างที่อัลบีได้กล่าวไว้ มันก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบทุกค่ำคืน ฉะนั้นแล้วจงอาศัยอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยดีกว่าไปเสี่ยงอันตรายข้างนอก
..ราวกับว่าผู้สร้างหรือใครก็ตามที่ส่งพวกเขามาต้องการจะกักกันให้อยู่ที่นี่ตลอดไป
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องทำงานกันเป็นตันๆในแต่ละวัน สร้างสถานรับรอง หอสังเกตการณ์.. หรืออะไรก็ตามแต่ที่พอจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะได้
กึก.. กึก.. ครืดดดด..
เสียงของกล่องที่เคลื่อนตัวขึ้นมาตามสายทำเอาชาวทุ่งทั้งหมดชะงักกิจกรรมของตนเองกันในทันที พวกเขารีบเร่งตรงไปยังปากกล่อง ความใคร่รู้ว่าใครจะมาเป็นน้องใหม่แทนที่แกลลี่นั้นเดือดพล่านในความรู้สึกของแต่ละคน และทันทีที่กล่องนั้นถูกเปิดออก มินโฮก็รู้สึกเหมือนว่าเลือดทั้งกายแทบหยุดไหลเวียน ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานตลอดวันอันตรธานสิ้น
เพราะคนที่นอนแน่นิ่งภายในนั้น.. มันเหมือนกับคนที่เขาเพิ่งพบเจอในความฝันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งใบหน้าและการแต่งกาย
ไม่รู้ว่าความห่วงใยก่อตัวมาจากที่ใดมากมายเหลือเกิน มินโฮรีบกระโดดลงไปในกล่องก่อนใครอื่นเพื่อจะสำรวจว่าฝ่ายนั้นยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ และเมื่อพบว่าเจ้าตัวเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้นจึงโล่งใจ ค่อยบรรจงพยุงร่างอ่อนแรงนั้นขึ้นมา
“ เฮ้! ข้างล่างนั่นเป็นไงบ้าง? ” วินสตันตะโกนถามความเป็นไป เพราะอีกไม่นานเจ้าเด็กใหม่นั่นก็ต้องตกมาอยู่ในความดูแลของฝ่ายพยาบาลอย่างเขา
“ แค่สลบน่ะ ยังไม่ตายหรอก ”
ดูเหมือนเจ้าเด็กใหม่จะเริ่มฟื้นสติขึ้นมาบ้าง ฝ่ามือแบบบางดูตั้งใจจะพยายามผลักไสมินโฮที่ช่วยประคองร่างไว้อยู่ ทว่าก็อ่อนแรงเกินไป เรียวปากพึมพำเพียงประโยคเดียวให้เขาได้ยิน
“ ปล่อยข้า.. ได้โปรด.. ข้าต้องไป ”
“ ปล่อย.. ข..ข้าต้องกลับไป.. ”
TBC.
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
[SF: The Maze Runner] – How did the world get so shucked? (Minho/Newt)
ภาคต่อจาก [SF: The Maze Runner] – I will catch you if you fall (Minho/Newt)
Title: How did the world get so shucked?
Pairing: Minho/Newt (The Maze Runner)
A/N: มีการสปอยล์เนื้อหาจากหนังสือบางส่วน
How did the world get so shucked?
..มินโฮไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าโลกมันจะปลวกได้ถึงขนาดนี้..
เขาเคยคิดพลาดมาครั้งหนึ่งคือตอนที่ใช้เวลาสามปีพยายามหาทางออกมาจากท้องทุ่งและวงกตนรกนั่น ทว่าเมื่อหลุดพ้นจากที่แห่งนั้นมาได้.. กลับกลายเป็นต้องมาเจอกับสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่า.. นั่นคือแดนมอดไหม้และเหล่าบรรดา‘แคร้ง’ซึ่งสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว
ทั้งยังอันตรายยิ่งกว่ามากจนทำให้ต้องระวังตัวหนักเพราะแดนมอดไหม้แห่งนี้ไร้ซึ่งกำแพงยักษ์มากั้นเหมือนตอนที่พวกเขาอยู่ในทุ่ง ไม่รู้ว่าสิ่งน่ากลัวเหล่านั้นจะเข้ามาโจมตีทำร้ายได้เมื่อไหร่
มินโฮฝ่าฟันเหตุการณ์เฉียดตายต่างๆนานาที่เตรียมพุ่งเข้ามารอบทิศเพื่อให้พวกเขารอดปลอดภัยให้มากที่สุด โดยเฉพาะกับ ‘คนสำคัญ’ของเขา.. คนที่เขาเคยให้สัญญาว่าจะดูแลปกป้องฝ่ายนั้นด้วยชีวิต ทว่าในตอนนี้มันกลับตาลปัตรไปหมด.. เขาช่วยอะไรนิวท์ไม่ได้สักอย่าง
ก็พวกเขามันเป็นเพียงแค่หนูทดลองของวิคเค็ดนี่ จะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
.
.
สิ่งที่มินโฮเผชิญในตอนนี้ดูจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดแล้ว..
เขารู้สึกเหมือนกระแสบางอย่างแล่นผ่านทั่วร่างจนอ่อนแรงเมื่อสิ้นสุดคำประกาศรายชื่อผู้ไม่มีภูมิคุ้มกันไข้วาบจากไอ้หน้าหนูนั่น.. หนึ่งในนั้นคือชื่อที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุด หากแต่ชื่อของนิวท์กลับยังคงดังก้องสะท้อนในโสตครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาหันมองหานิวท์ที่ส่งรอยยิ้มฝืดเฝื่อนมาให้ ท่อนแขนผอมบางพยายามกอดร่างเขาไว้แนบแน่น แม้มันจะดูอ่อนแรงเหลือเกิน
“ ไม่เป็นไรหน่ามินโฮ ไม่เป็นไร.. ฉันจะอยู่กับนายให้ได้ ฉันสัญญา..”
นิวท์คงตั้งใจจะปลอบเขาอย่างดีที่สุดแล้ว หากแต่มินโฮกลับไม่รู้สึกดีขึ้นมาเลย.. ไม่เลยสักนิด..
วิคเค็ดนั้นดี.. หึ.. โกหกทั้งเพ
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
แต่ก็ใช่ว่ามินโฮจะยอมแพ้ให้กับโชคชะตาบัดซบนี้อย่างง่ายดายนัก เขาเชื่อว่าอย่างน้อยก็น่าจะยังพอหลงเหลือเศษเสี้ยวความหวังอยู่บ้าง.. เขาอยากให้นิวท์รอด หลุดพ้นไปจากการทดลองนรกนี่อย่างปลอดภัยไปด้วยกัน แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม มินโฮก็พร้อมจะยอมทำ
“ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะนิวท์ ”
นิวท์ที่มินโฮพบเจอในครั้งนี้แทบจะไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เขาเคยรู้จัก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นปรากฏเพียงความคลุ้มคลั่ง หมดแล้วซึ่งบุคคลที่เคยเป็นทุกอย่างคนนั้น เขาขยับเข้าไปหาอีกก้าวหนึ่ง
“ ถอยออกไปห่างๆเลยนะ! ” นิวท์ตวาดเกรี้ยว กำเครื่องยิงในมือแน่น และถ้าหากมินโฮมองไม่ผิด.. เรียวนิ้วสั่นเทานั่นอยู่เหนือไกอาวุธพอดี
“ เฮ้นิวท์ ใจเย็นๆก่อนเพื่อน อย่าเพิ่งวู่วาม ” โทมัสพยายามเข้าหาช่วยให้สถานการณ์ตึงเครียดนี้ผ่อนคลายลง ทว่ามันยิ่งดูเหมือนจะเลวร้ายลงเมื่อนิวท์ตวัดอาวุธเล็งมายังโทมัสเสียแทน
“ ไอ้เพียกอย่างนายมันฟังไม่รู้เรื่องรึไงวะ?! ฉันบอกนายไปแล้วไงว่าให้ออกไปห่างๆ! ”
โทมัสถอยออกเล็กน้อย ยกมือขึ้นปราม “ นายไม่จำเป็นต้องเล็งเครื่องยิงปลวกนั่นมาทางพวกเราก็ได้ ใจเย็นๆแล้วมาด้วยกัน โอเคมั๊ย? ”
“ ไม่!! โถ่เว้ย! ต้องให้ฉันพูดอีกกี่รอบ สมองปลวกๆของพวกจะจำได้ ห๊ะ?!! ”
“ ฉันไม่เข้าใจ.. นิวท์.. ทำไม? ” มินโฮเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว นิวท์เปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน.. ทั้งหัวดื้อและเจ้าอารมณ์
“ นายคิดว่าฉันจะเข้ามาในตำหนักแคร้งปลวกๆนี่เพื่ออะไรล่ะ? พวกฉันอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเข้ามาที่นี่เพราะนายเป็นเพื่อนเรา ฉะนั้นมากับพวกเรา แล้วถึงตอนนั้นนายจะคร่ำครวญเป็นบ้ายังไงก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ ”
“ ฉันเป็นแคร้งนะมินโฮ! ฉันเป็นแคร้ง! มันทะลุสมองหนาๆของนายไปไม่ได้รึไง?! ถ้านายติดไข้วาบแล้วรู้ว่าอาการมันเป็นยังไงนายจะอยากให้เพื่อนยืนดูอยู่หรอ?! อยากมั๊ย! ”
มินโฮนิ่งเงียบ อับจนซึ่งคำพูดจะต่อเถียง แต่เพียงครู่เดียวก็ช้อนนัยน์ตาเรียวรีขึ้นมา
“ ถ้าเป็นนาย.. ไม่ว่ายังไงฉันก็รับได้เสมอ มากับฉัน.. นะ.. ”
เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายก็แสดงออกถึงความขมขื่นและเจ็บปวดไม่แพ้กัน “ นายไม่เข้าใจ.. ” ร่างผอมบางนั่นยิ่งดูสั่นเทาหนักกว่าเดิม “ ฉ.. ฉันพยายามใจเย็นที่สุดแล้ว มันยากมากรู้มั๊ย ฉะนั้นได้โปรดเถอะ ไปซะ.. ไปจากที่นี่ ”
และแล้วความอดทนของมินโฮก็ขาดห้วงลง เขาตัดสินใจวิ่งกระโจนเข้าหาตัวนิวท์ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะได้ทันเล็งเครื่องยิงกลับมาทางตนเอง พวกเขาต่างล้มลงไปกองกับพื้นทั้งคู่ สองมือแกร่งกดท่อนแขนไว้อย่างแรงจนนิวท์ต้องปล่อยอาวุธในมือทิ้ง ฝ่ายนั้นดีดดิ้นไปมา แต่ไหนแต่ไรมาอีกฝ่ายก็สู้แรงเขาไม่ได้อยู่แล้ว
“ ทำบ้าอะไรของนายวะ?! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้ปลวก! ”
“ นายบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะนิวท์ ถ้านายมาด้วยกันดีๆตั้งแต่แรกก็จบ ” มินโฮพยายามมัดข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน หากแต่นิวท์สะบัดจนหลุดมาได้ เงื้อกำปั้นชกหน้าเขาเต็มแรง.. มันแรงเสียจนมินโฮแทบไม่อยากจะเชื่อ
เขาสะบัดไล่ความมึนงงจากแรงกระแทก ความแสบชาแล่นจี๊ดเข้ามาที่มุมปาก ..ทว่าก็ดูจะช้าไปสำหรับทุกอย่าง นิวท์คว้าเครื่องยิงที่หลุดกระเด็นนั่นมาไว้ในมือได้อีกครั้ง ทว่าทิศที่ฝ่ายนั้นเล็งในตอนนี้กลับไม่ใช่ตัวเขาหรือโทมัส.. หากชี้ยังร่างของตัวนิวท์เอง
“ ออกไป.. ” นิวท์ออกคำสั่งเสียงเหี้ยม ทว่านั่นไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้มินโฮยอมถอยหรอก เขากลัวว่านิวท์จะลั่นไกออกมาต่างหาก
“ นิวท์.. อย่า.. ”
ใจของมินโฮยิ่งกระตุกวูบเมื่อฝ่ายนั้นจ่อปลายกระบอกเครื่องยิงแนบกับลำคอแน่นกว่าเก่า “ ก็ได้.. ก็ได้.. ถ..ถ้ามันทำให้นายสบายใจ ” เขาค่อยๆลุกและถอยออกห่าง
“ นายน่าจะปล่อยฉันให้ตายตั้งแต่ตอนอยู่ในทุ่งแล้ว แต่ไอ้อัลบีนั่น.. ” ร่างนั้นลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ปาดหยาดน้ำตาที่เริ่มซึมครู่หนึ่ง “ มันจะช่วยฉันไว้ทำปลวกอะไรวะ?! ในเมื่อมีชีวิตเผละๆแบบนี้มันน่าตายๆไปก็ดีซะกว่า ”
“ นายก็ด้วยมินโฮ.. อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่นักหนา ถามฉันสักคำบ้างมั๊ย?!! ” นัยน์ตาคู่นั้นรื้นหยาดน้ำอีกครั้ง หากแต่เรียวปากกลับคลี่ยิ้มราวกับนี่เป็นเรื่องขำขัน “ พวกนายมันงี่เง่ารู้มั๊ย? งี่เง่าเป็นบ้า ฮ่าๆๆ ”
นิวท์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะนั้นเองที่มินโฮคิดว่านิวท์คงเริ่มจะ‘หลุด’เข้าแล้วจริงๆ ..มันไม่มีสักทางเลยหรือไง? แค่ขอให้นิวท์กลับมาเป็นเหมือนเดิม..
“ ฉันเคยบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรอนิวท์.. ” มินโฮกล่าวเสียงแผ่วทว่าหนักแน่น “ ที่ฉันบอกว่าฉันปล่อยให้นายตายไม่ได้ นายยังจำได้มั๊ย? ว่าฉันจะยิ่งกว่าตายถ้านายตาย ”
ราวกับว่าประโยคนั้นสะเทือนอารมณ์ของทั้งคู่อย่างแรง โทมัสที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำได้เพียงแค่นิ่งงันด้วยความสับสน ชายหนุ่มไม่เคยได้เห็นมินโฮแสดงความอ่อนแอมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย และยิ่งกับนิวท์ที่ตอนนี้มีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ แต่ฉันอยู่กับนายในสภาพแบบนี้ไม่ได้.. ” น้ำเสียงคุ้นเคยนั่นสั่นเครือ “ ไปซะ.. ไม่งั้นฉันจะฆ่าตัวตาย นายบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะมินโฮ ” ประโยคขู่ที่เหมือนกันกับของมินโฮอย่างไม่มีผิดเพี้ยนราวเศษแก้วที่กรีดเฉือนห้วงใจ
“ เลือกมาว่าจะให้ฉันตายต่อหน้า หรือจะให้ฉันเป็นบ้าตายไปเอง? ”
มินโฮถึงกับทรุดลง เขาซบใบหน้าลงฝ่ามือสะอื้นไห้ ..ทำไมกัน? ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ด้วย?.. เขาเคยเกือบสูญเสียนิวท์มาแล้วครั้งหนึ่ง และสัญญาทั้งกับตัวเองและอีกฝ่ายว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะปกป้องเจ้าตัวให้ดีที่สุด แต่ผลจากการสัญญาของเขามันกลับตรงกันข้าม
“ ออกไปเถอะ ถือว่าฉันขอร้อง.. ”
“ ไปกันเถอะมินโฮ ” โทมัสเข้ามาแตะที่ไหล่ ช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น “ มาเร็ว ”
มินโฮทอดสายตามองคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ไม่นึกอยากเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือความจริง “ นายไม่ได้ล้อเล่นกันใช่มั๊ยโทมัส? ”
โทมัสเพียงแต่พยักหน้า ไม่กล่าวตอบสิ่งใด ก่อนจะลากแขนมินโฮ พาร่างที่อ่อนแรงจากความเศร้าโศกที่รุมเร้าไปให้พ้นจากสถานแห่งนี้.. พ้นจากความรักที่แหลกสลายจากโชคชะตาไว้เบื้องหลัง เหลือเพียงห้วงความรู้สึกที่วูบโหวงไว้กับตน
..ทำไมโลกมันถึงได้ปลวกขนาดนี้กัน..
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
พวกนั้นเข้ามาข้างในได้ จะเอาฉันไปอยู่กับแคร้งอื่นๆ
ซึ่งก็ดีที่สุดแล้ว ขอบใจที่เป็นเพื่อนกัน
ลาก่อน
ทุกอย่างมันสายเกินแก้เสียแล้ว นัยน์ตาเรียวรีอ่านข้อความบนกระดาษในมือสั่นเทาครั้งแล้วครั้งเล่า ..นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ซึ่งทำให้เขานึกถึงนิวท์ เขากำมันจนยับยู่ ก่อนจะมองเหม่อยังผนังว่างเปล่า ในขณะนั้นเองที่โทมัสหย่อนกายนั่งลงข้างๆ พวกเขาต่างก็โศกเศร้าไม่แพ้กัน
ทว่าสำหรับโทมัส.. นี่คือการสูญเสียเพื่อนรักไปอีกคนหนึ่ง ส่วนมินโฮ.. เขาสูญเสียโลกทั้งใบ..
“ ไม่เป็นไรหน่ามินโฮ ไม่เป็นไร.. ฉันจะอยู่กับนายให้ได้ ฉันสัญญา..”
..ท้ายที่สุดแล้วเราทั้งคู่ต่างก็ผิดสัญญา..
THE END
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
[SF: The Maze Runner] – I will catch you if you fall (Minho/Newt)
ภาคต่อจาก SF: The thing I feared most (Minho/Newt)
Title: I will catch you if you fall
Pairing: Minho/Newt (The Maze Runner)
A/N: มีการสปอยล์เนื้อหาจากภาพยนตร์และหนังสือบางส่วน
I will catch you if you fall
..มินโฮไม่สบายใจทุกครั้งที่นิวท์หายไปไหนตามลำพัง..
ค่ำคืนนี้ก็เช่นเดียวกัน.. ขณะที่ทุกคนเคลิ้มหลับเนื่องด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานของตนเองกันอย่างหนักหน่วงเมื่อช่วงกลางวัน มินโฮพยายามฝืนความง่วงงุนมองยังร่างของอีกคนที่ก้าวห่างจากที่นอนออกไป แสงเรื่อเรืองจากตะเกียงในมือกวัดแกว่งตามการเคลื่อนไหวซึ่งไม่ค่อยคงที่นัก
เขารู้ถึงสาเหตุของมัน.. อุบัติเหตุของนิวท์ในครั้งนั้นที่ทำให้เขาหวั่นวูบในอกทุกครั้งที่นึกถึง
.
.
มันก็ไม่ใช่อุบัติเหตุสักทีเดียวหรอก..
นิวท์เคยเป็นนักวิ่งเฉกเช่นเขามาก่อน กิจวัตรประจำวันของพวกเขาทั้งคู่รวมถึงนักวิ่งคนอื่นๆคือการออกไปสำรวจพื้นที่รอบนอกวงกตเพื่อหาทางออกไปจากท้องทุ่งแห่งนี้ และเมื่อแสงอรุณแห่งวันใหม่เข้ามาทักทาย ภารกิจของพวกเขาก็จะเริ่มขึ้น
พวกเขาจะนัดรวมตัวกันในห้องแผนที่ก่อนจะออกวิ่งในวงกตเพื่อที่จะได้จะได้จัดแจงพื้นที่ในการสำรวจของแต่ละฝ่าย หากแต่วันนี้มีบางอย่างแปลกไป.. คือการไม่มาปรากฏตัวของนิวท์
คิ้วเข้มของหนุ่มเอเชียเริ่มขมวดกันเป็นปม เขาสบถกับตัวเองเสียงแผ่ว ความหงุดหงิดที่เกิดจากการรอคอยที่ยาวนานอันน่ารำคาญใจทำให้มินโฮไม่ได้คาดคิดไปว่าจะเกิดเหตุร้ายกับฝ่ายนั้นเลย บรรดานักวิ่งบางส่วนก็เริ่มแสดงความไม่พอใจขึ้นบ้าง
จนกระทั่ง..
“ มินโฮ! ” อัลบีที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเรียกความสนใจจากพวกเขาไปทั้งหมด “ น..นิวท์ ”
สีหน้าหวั่นวิตกพร้อมด้วยการเอ่ยชื่อผู้ที่หายไปนั่นทำเอามินโฮเริ่มใจคอไม่ดี “ เกิดอะไรขึ้น? ”
“ นิวท์บาดเจ็บ.. อยู่ที่ห้องพัก ”
ราวกับความคิดถูกกระชาก อารมณ์โกรธเกรี้ยวที่เคยมีต่อฝ่ายนั้นจางหายอย่างรวดเร็ว เขารีบวิ่งตรงไปที่ห้องพยาบาลในทันที
“ นิวท์! ”
มินโฮแทบหยุดหายใจเมื่อเจอสภาพสะบักสะบอมของฝ่ายเพื่อนรัก ร่างผอมบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลนั่นแทบจะกลืนหายไปกับพื้นที่เตียงผู้ป่วย เขาก้าวตรงไปนั่งที่ด้านข้าง เกลี่ยกลุ่มผมบลอนด์ยุ่งเหยิงออกจากใบหน้าขณะที่นัยน์ตาคู่นั้นพยายามปรือขึ้นมามอง
“ ม..มินโฮ.. ”
น้ำเสียงอ่อนแรงนั่นราวกับแรงที่มองไม่เห็นบีบรัดเขาไปทั้งใจ ยิ่งเห็นรอยช้ำขนาดใหญ่ที่ขาเพรียวนั่น ทั้งยังเลือดแห้งกรังที่เปื้อนชายกางเกงขึ้นมาเป็นวงกว้าง ทำให้มินโฮไม่อยากจะนึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเผชิญกับความเจ็บปวดขนาดไหนกัน
“ ทุกคนออกไปให้หมด ส่วนมินโฮ.. นายอยู่ช่วยทำแผลกับฉันที่นี่ ” อัลบีออกคำสั่งไล่เหล่าชาวทุ่งและนักวิ่งที่มายืนออกันหน้าประตูห้องเพราะอยากรู้ที่มาในอาการบาดเจ็บของนิวท์
มินโฮคาดคิดเอาไว้แล้วว่าวันนี้เขาคงต้องยุติภารกิจของตนไปเสียก่อน จะให้เขาออกวิ่งได้อย่างไรในเมื่อจิตใจของเขาเอาแต่ว้าวุ่นด้วยความเป็นห่วงคนบาดเจ็บนี่
“ ไม่เป็นไร.. นายต้องไม่เป็นไรนะนิวท์ ”
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
บาดแผลนั่นไม่ได้เกิดจากโศกา..
พวกฝ่ายรักษาพยาบาลบอกว่าแผลนั่นเกิดจากการกระแทกอย่างแรง นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้มินโฮโล่งใจ เพราะอย่างน้อยการส่งผลต่อนิวท์มันก็คงไม่ได้ร้ายแรงนัก และทำให้เขาไม่ต้องเลือกทำสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตด้วย.. นั่นคือการฆ่านิวท์ทางอ้อมด้วยการปล่อยในวงกตเพียงลำพัง ..ให้ทำอย่างนั้นเขายอมขาดใจตายเสียดีกว่า
เพราะถ้าหากเสียนิวท์ไป.. มินโฮเองก็ไม่ต่างจากคนที่สูญเสียโลกทั้งใบ
ทว่าความสงสัยของเขาก็ยังคงอยู่.. อะไรกันที่เป็นสาเหตุให้นิวท์บาดเจ็บหนักเช่นนี้?
“ นิวท์.. ”
มินโฮวางถ้วยซุปลงบนโต๊ะข้างเตียง เขาเข้ามาดูแลหลังจากการวิ่งตามที่อาสาเฉกเช่นทุกวัน ซึ่งนิวท์เองนั้นก็เริ่มจะอาการดีขึ้นบ้างแล้ว หากแต่บางอย่างที่มีในตัวฝ่ายนั้นกลับหายไป.. รอยยิ้มสดใสกลับไม่เคยได้ปรากฏอีกเลย
“ หืม? ” นัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นช่างว่างเปล่าเหลือเกิน ราวกับใบไม้แห้งไร้ชีวิตที่ร่วงโรย..
“ เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่? ”
ราวกับนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยถามออกไปเป็นอย่างยิ่ง สีหน้าของคนบาดเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความหวั่นวิตกในทันที
นัยน์ตาโศกคู่นั้นหลุบตาลงราวจะไม่อยากให้เขาล่วงรู้ความจริง “ นายคงไม่อยากรู้นักหรอก ”
“ อยากรู้สิ.. อุบัติเหตุหรืออะไรมันทำร้ายนาย? ”
..เพราะฉันเป็นห่วงนายแทบแย่แล้วรู้มั๊ย?..
“ ม.. ไม่ ฉันบอกไม่ได้ ”
นั่นยิ่งเพิ่มเติมความอยากรู้ของมินโฮมากขึ้นไปอีก เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนิวท์กันแน่ อาจเป็นฝีมือองคนในท้องทุ่งด้วยกันหรือไม่ก็ไอ้พวกเลวที่จับพวกเขามาขังไว้ที่นี่ ทำให้เขาจินตนาการไปต่างๆนานาว่าสาเหตุนั่นมันคืออะไร และเขาก็กลัวเหลือเกิน แต่ต่อให้มันจะร้ายแรงแค่ไหนเขาก็พร้อมจะยอมรับ
“ บอกฉันมาเถอะ.. ”
“ ฉ..ฉัน.. ” ร่างนั้นพยายามถดขาที่บาดเจ็บขึ้น ชันคางลงบนเข่า ขณะที่สองมือน้อยๆขยุ้มบนผ้าห่มแน่นจนยับยู่ “ ฉันตกลงมาจากกำแพง ”
“ แล้วนายขึ้นไปทำอะไรบนนั้น? ” คล้ายว่ามวลความอึดอัดตรงเข้าปกคลุมบรรยากาศ นี่มันน่ากลัวเกินกว่าที่มินโฮคาดคิดไว้เสียอีก
คนผมบลอนด์พยายามกลั้นเก็บเสียงสะอื้น ปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงหล่นอย่างเชื่องช้า “ ฉันโดดลงมาเอง ”
มินโฮตะลึงงัน.. ไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือเสียใจดีกับคำตอบที่ได้ยิน มือแกร่งกำหมัดแน่นท่ามกลางอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุ เขาโกรธ.. โกรธที่นิวท์คิดทำอะไรบ้าๆ ไม่รักตัวเองแบบนี้ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าคือตัวเอง.. ที่ดูแลอีกคนได้ไม่ดีพอ ทำให้ฝ่ายนั้นมองคุณค่าในตัวเองต่ำไปจนคิดสั้น
“ โธ่เว้ย! ” เขาตรงไปชกกำปั้นเข้ากับกำแพงห้องเต็มแรง
นิวท์ซบใบหน้าลงกับฝ่ามือ ยิ่งสะอื้นหนัก.. คนผมบลอนด์รู้ดีว่ามินโฮไม่ชอบคนที่มีความคิดงี่เง่า เขาคิดว่ามินโฮคงจะคิดตัดเพื่อนกับเขาแล้วเป็นแน่.. ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หากแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น..
“ โธ่นิวท์… ” มินโฮเอ่ยเรียกชื่อคนผมบลอนด์เสียงอ่อน รู้ตัวอีกที.. ความอบอุ่นจากฝ่ามือแกร่งก็เข้ามาสอดประสานแพนิ้วเสียแล้ว “ ทำไมนายทำแบบนั้น? ”
“ ฉันพยายามเอาตัวรอดในวงกตบ้าๆนั่น รีบมาให้ทันก่อนที่ประตูมันจะปิดทั้งที่ฉันน่าจะตายๆในนั้นไปแล้วเพื่ออะไรรู้มั๊ย? ” มินโฮยิ่งบีบเรียวมือนี่แนบแน่นเมื่อฝ่ายนั้นร่ำไห้จนตัวสั่น “ เพราะฉันอยากเจอนาย และฉันก็ภาวนาให้นายรอดทุกวัน ให้เราทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัย… ”
“ ไม่คิดเลยรึไงว่าถ้านายตายไปแล้วฉันจะทำยังไง?… ” มินโฮรู้สึกว่าลำคอของตนเองแห้งผาก น้ำเสียงสั่นเทา หากอัลบีไปพบเจอนิวท์ช้าเกินไป.. หากว่ามันไม่ทัน..
มินโฮนึกไม่ออกเลยว่าความเสียใจที่เขาจะเผชิญมันจะทรมานเจียนตายแค่ไหน
กระแสแห่งความรู้สึกผิดท่วมท้น นิวท์เอนศีรษะแนบกับแผ่นอกของหนุ่มเอเชีย หยาดน้ำตายังคงไม่จางหาย “ ฉันเหนื่อยแล้วมินโฮ.. นายไม่เหนื่อยบ้างรึไง? ”
“ ฉันเหนื่อยที่ต้องถูกขังไว้ที่นี่ วิ่งบนในวงกตบ้าๆนั่นเพื่อจะหาทางออกที่ไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่า ..ฉันอยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอด ”
“ ไม่! ” พลันนั้นเองที่มินโฮคว้าร่างอีกคนมากอดไว้แนบอก “ อย่าคิดแบบนี้อีกได้มั๊ย? ฉันขอร้อง.. ”
“ เพราะฉันจะอยู่ยิ่งกว่าตายถ้าหากนายตาย ”
สองมือน้อยค่อยๆเลื่อนขึ้นมากอดตอบ ซบใบหน้าลงกับลาดไหล่ “ ฉันขอโทษ.. มินโฮฉันขอโทษ ”
“ ชู่วว์.. ไม่ๆ ไม่เอาหน่า มันไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อยหน่า ” มินโฮค่อยๆผละร่างออก ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยหยาดน้ำตาบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั่นอย่างแผ่วเบา “ ฉันแค่.. ฉันแค่อยากให้นายรักตัวเองมากกว่านี้ ”
..รักเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึกกับนายจนแทบบ้าแบบนี้ทีสิ..
สองสายตาสบกันครู่หนึ่ง นิวท์ลังเลที่จะตอบรับ ไม่รู้ว่าเขาจะทำตามคำร้องขอนั่นได้หรือเปล่า “ ฉ.. ฉันจะพยายาม.. ”
“ นายนี่นะ… ” มินโฮถอนหายใจแล้วส่ายหน้า แต่ก็ไม่อยากให้อีกคนนั้นรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ เพราะเขาเองก็ยิ่งรู้สึกตาม.. เขาอดไม่ได้ที่จะลูบเรือนผมสีทรายอย่างจะปลอบประโยน
นิวท์ในความคิดของชาวทุ่งและนักวิ่งคนอื่นอาจแลดูเข้มแข็งและมีความเป็นผู้นำสูง หากทว่ามินโฮซึ่งเป็นคนที่รู้จักนิวท์ดียิ่งกว่าใครๆนั้นรับรู้ถึงความเปราะบางที่ฝ่ายนั้นเก็บซ่อนอยู่มาตลอด เขาอยากจะแบกรับความเศร้าโศกที่มีในใจนั่นไว้ทั้งหมดเหลือเกิน
อยากดูแล.. อยากปกป้อง..
ปกป้องจากสภาพโหดร้ายที่เป็นอยู่นี้ทั้งหมด.. รวมถึงความคิดด้านลบของเจ้าตัวนั่นด้วย
“ กินซุปเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว ” หนุ่มเอเชียรีบเปลี่ยนเรื่อง อีกสิ่งหนึ่งที่เขากังวลในตอนนี้คือการเลยเวลารับประทานอาหารของอีกคน ..แค่นี้นิวท์ก็ผอมบางจนแทบจะแตกหักอย่างง่ายดายได้อยู่แล้ว
ทั้งที่ความจริงแล้วบาดแผลที่ข้อมือของนิวท์นั้นเริ่มทุเลาลงเยอะจนสามารถใช้งานได้เองบ้างแล้ว ทว่าคนผมบลอนด์รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรมินโฮคงต้องดื้อด้านจะป้อนเขาให้ได้อยู่ดี ..เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก
“ ขอบใจนะ ”
แม้ว่ารสชาติของซุปข้นในถ้วยจะเริ่มเสียสภาพเพราะอุณหภูมิที่เย็นชืด หากแต่นิวท์ก็รับรู้ถึงความอบอุ่นทางการกระทำที่มินโฮตั้งใจทำให้เขานั่นทดแทนได้เป็นอย่างดี
THE END
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _