[Fiction] One Rainy Night (ก๋วยเตี๋ยว/มิน): Chapter IV – The Heartbreaker

Title: One rainy night

Pairing: ก๋วยเตี๋ยว(เลือดข้นคนจาง)/มิน(โฮมสเตย์)

Genre: Heavy angst, Hurt/Comfort, Fluff

 

Chapter IV – The Heartbreaker

 

แรงสั่นสะเทือนของเครื่องมือสื่อสารที่ก๋วยเตี๋ยววางไว้ใต้หมอนปลุกให้เขาสะดุ้งตื่น ชายหนุ่มรีบคว้ามันออกมาแล้วกดหยุดการทำงานของมันให้เร็วที่สุด ทั้งที่ปกติแล้วก๋วยเตี๋ยวไม่ตั้งปลุกด้วยระบบสั่นแบบนี้หรอก มันไม่เคยทำให้เขาตื่นได้ เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งให้แสบแก้วหูที่สุดคงดังลั่นห้องไปแล้ว แต่เพราะเขาไม่อยากให้มันรบกวนอีกคนที่กำลังหลับอยู่ข้างกัน

 

มินทำให้เช้าวันธรรมดาของเขากลายเป็นเช้าที่ไม่ธรรมดา

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า แสงแดดยามเช้าจึงยังไม่ลอดผ่านริ้วของผ้าม่านเข้ามา ความสลัวรางยังอยู่คงเดิมไม่ไปไหน และเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศยังคงครางแผ่ว

แรงสั่นเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้มินรู้สึกตัวเลยสักนิด อีกฝ่ายยังคงขดตัวอยู่ใต้ผ้านวม ศีรษะโผล่พ้นจากผืนผ้าออกมาเพียงแค่บางส่วน กลุ่มผมกระจายไม่เป็นทรงบนใบหมอน ยากนักที่จะห้ามใจไม่ให้เอื้อมมือไปสัมผัส

 

“ มินครับ ตื่นได้แล้ว ”

 

สิ่งที่อีกคนทำมีเพียงการครางตอบรับในลำคอ กับเขยื้อนตัวเพื่อซุกในผ้านวมมากกว่าเดิมจนศีรษะนั่นแทบจะจมมิดหายไป ก๋วยเตี๋ยวยิ้มด้วยความเอ็นดู ถึงแม้มินจะยอมเปลี่ยนกำแพงในใจเป็นประตูให้เขาแล้ว บุคลิกเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนเดิมคือไม่ว่าอย่างไรก็ยังเหมือนแมว

           

“ มิน เช้าแล้วครับ ”

 

“ อือ..

 

“ ตื่นเร็ว เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทันนะครับ ”

 

ก๋วยเตี๋ยวเล็งเห็นว่าถ้ายังคงใช้ไม้อ่อนอยู่แบบนี้อีกฝ่ายคงไม่ตื่นแน่ เขาตัดสินใจกระชากผ้านวมที่มินนอนซุกอยู่ออก

 

“ พี่เตี๋ยว!

เมื่อผ้านวมถูกดึงออกจนเกินกว่าที่สองมือจะคว้ากลับมาไว้ได้ ทำให้มินต้องลุกขึ้นอย่างยอมจำนน เรียวปากยู่ลงเล็กน้อยเนื่องด้วยความไม่พอใจที่ถูกรบกวนการนอน ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

 

ก๋วยเตี๋ยวอยากจะรู้สึกเอ็นดูกับภาพตรงหน้าได้มากกว่านี้ ถ้าเขาไม่เห็นรอยแผลปริแตกที่ริมฝีปากนั่น กับขอบตาแดงช้ำที่เขารู้ว่าสาเหตุมันไม่ได้มาจากแค่การเพิ่งตื่นนอน

.

.

 

มินเคยคิดว่าถ้าหากยังมีแรงจูงใจในการใช้ชีวิตหลงเหลืออยู่ เขาก็คงไม่ต้องทำแบบนั้น

 

            มันเป็นความรู้สึกผิดแผกแปลกที่ เหมือนตนเองเป็นหยดน้ำมันท่ามกลางมวลน้ำเปล่า คนอย่างไรก็ไม่มีทางเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ความเดียวดายกลืนกินหัวใจของเขาจนต้องดิ้นรนหาทางถมเต็มความว่างเปล่าด้วยการค้นหาบ้านที่ตนเองไม่รู้จัก

            ก่อนจะว่าไม่มีที่ใดหรือใครเลยที่สามารถให้ความรู้สึกสมเป็น บ้าน

 

วันนี้แม่ของเขาไประนองตั้งแต่เช้าตรู่ ทิ้งเอาไว้เพียงข้าวต้มกุ้งในหม้อ เวลาที่ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงทำให้มันชืดเย็น มินจุดแก๊สเปิดไฟให้มันพออุ่น ก่อนจะตักแบ่งมาใส่ในถ้วยเล็ก การกระทำเป็นไปอย่างเชื่องช้า เหมือนว่าร่างนี้ไร้ซึ่งจิตวิญญาณไปเสียแล้ว

เรียวมือจับช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มในถ้วย รสชาติยังคงอร่อยสมเป็นฝีมือแม่เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด ทว่าเมื่อตักเข้าปากไปเพียงไม่กี่คำ ความอุ่นร้อนที่กำลังเคลื่อนผ่านลำคอลงไปนั้นทำให้มินนึกถึงอย่างอื่น

ม่านความทรงจำถูกกระชากออก เขากลับไปอยู่ในห้องวิทยาศาสตร์นั่นอีกครั้ง ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าตรงหน้าหว่างขาของครูพัฒน์ กล้ำกลืนบางอย่างที่ไม่ควร

 

ภาพน่าขยะแขยงแล่นวนเข้ามาก่อตัวเป็นความคลื่นเหียน มินวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ ขย้อนเอามื้อเช้าเล็กน้อยเมื่อครู่นั่นออก ก่อนจะนั่งขดตัวที่พื้นกระเบื้อง เฝ้าตั้งคำถามกับตนเองว่าทำผิดอะไรถึงได้มาพบเจอกับเรื่องราวเช่นนี้

เขาสะอื้นไห้จนตัวโยน สองมือดึงทึ้งกลุ่มผมจนเจ็บหนังศีรษะ การอาเจียนทำให้แสบไปทั้งลำคอและช่องท้อง หากแต่มินยังคงอยู่ในตัวห้องน้ำตามเดิมไม่ไปไหน อยากขังตัวเองไว้ในนี้ตลอดกาล หลบซ่อนจากเรื่องราวเลวร้ายทั้งปวง

 

มินอยากหายไปจากโลกนี้ ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครตามหา ไม่มีใครในโลกใยดีกับเขาเลยสักคน

ไม่มีดินผืนใดที่ต้อนรับการร่วงโรยของดาวอ่อนแรงด้วยความรัก มันอยากมืดดับไปตลอดกาลเพราะคงไม่มีใครเห็นคุณค่าในแสงดาวดวงนี้อีกต่อไปแล้ว

 

ถ้าหากตอนนั้นมินจะรู้สักนิดว่ามีดินผืนหนึ่งรอคอยจะโอบกอดเขาอย่างยินดี

ถ้าหากตอนนั้นมินจะรู้สักนิดว่าการไม่รักไม่เหลียวแลจะทำให้ดินผืนนั้นถูกทำลายโดยดอกไม้อย่างเชื่องช้า สีสันยวนตาและกลีบแบบบางของมันดูดกลืนชีวิตและลมหายใจจนเนื้อดินเกือบจะร่วนแหลกเป็นผงทราย

ถ้าตอนนั้นเขารู้.. เขาก็คงไม่ต้องทำแบบนั้น

.

.

 

            ก๋วยเตี๋ยวรู้ว่าน้ำเต้าหู้ร้อนดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับคนที่เพิ่งได้รอยแผลบนริมฝีปากมาเมื่อคืน เขาจึงรินจากถุงทิ้งไว้ให้ขณะรออีกฝ่ายอาบน้ำ เมื่อมินลงมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน สิ่งแรกที่ฝ่ายนั้นทำคือเป่าน้ำเต้าหู้ให้พออุ่น แต่ก็พลันชะงักเมื่อพบว่าอุณหภูมิของมันไม่ได้สูงอย่างที่นึกกลัว

 

มินเลิกคิ้วมองก๋วยเตี๋ยวที่กำลังยื่นจานขนมปังนึ่งสังขยาให้ เขารีบกลืนโจ๊กหมูเด้งของตนเอง

“ พี่รินทิ้งไว้อะ กลัวมันลวกปาก ”

 

ทั้งที่จริงแล้วก๋วยเตี๋ยวเองไม่จำเป็นต้องรีบอธิบายก็ได้ แต่เขาเพียงอยากให้มินได้รู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่มี ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเขามอบให้ใครต่อใครดาษดื่นก็ตาม

ก๋วยเตี๋ยวไม่กล้าปฏิเสธตัวเองอีกแล้วว่าพื้นที่พิเศษสำหรับมินยังคงอยู่ และถึงจะรู้อยู่ว่าควรรับฟังเสียงจากอีกเสี้ยวหัวใจที่เคยบอบช้ำในอดีตว่าอย่าได้กลับไปรู้สึก แต่เขาทนความเจ็บปวดของมินไม่ได้ มันฉีกทึ้งเสียงทัดทานเหล่านั้นจนขาดยุ่ย

 

“ ขอบคุณนะครับ ” มินยิ้มให้

 

และรอยยิ้มนั้นประทับจูบลงบนแผลเป็นกลางใจ

 

“ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วพี่จะไปส่งมินที่บ้านนะ? โอเคมั้ยครับ? ” ความอุ่นวาบแล่นพล่านทั่วผิวแก้มตอนที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป ยิ่งได้เห็นมินในชุดของเขาแล้วความคิดก็ยิ่งเตลิด มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้ออกเดทกันครั้งแรก ถึงแม้สถานการณ์เมื่อคืนนั้นจะไม่ใกล้เคียงกับคำว่าโรแมนติกเลยก็ตาม

 

“ ครับพี่เตี๋ยว ”

.

.

 

            แสงอรุณยังคงไม่โผล่พ้นเมฆมาต้อนรับวันใหม่เมื่อตอนที่ก๋วยเตี๋ยวขับรถมาส่งมินจนถึงตัวอาคารที่พัก มันมืดครึ้มคล้ายว่ากลุ่มเมฆหมองมัวจะร้องไห้ลงมาเป็นหยาดฝนได้ทุกเมื่อ นั่นทำให้ก๋วยเตี๋ยวต้องขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถด้านใน

            และแล้วสรรพเสียงรอบข้างก็ถูกกลบด้วยเสียงของเม็ดฝนที่ร่วงโปรยลงมาตกกระทบผืนดิน

 

“ โห ทันเวลาพอดีเลยอะ ” มินหัวเราะ ก่อนที่จะได้เอ่ยคำว่าขอบคุณออกไปนั้นเอง เขารอให้เสียงฝนทำหน้าที่ของมันอยู่ครู่หนึ่ง

 

            หลากหลายความรู้สึกตีรวนอยู่ในอกของมิน สายตาจับจดอยู่ที่ใบหน้าของก๋วยเตี๋ยว เขารู้สึกทั้งประหม่าและหวาดหวั่น เขากลัวว่าความกลัวของตนเองเนื่องด้วยเหตุการณ์จากเมื่อคืนนั้นจะพุ่งกระโจนออกมาแล้วทำทุกอย่างเสียเรื่อง ถึงกระนั้นเองมินก็ยังตัดสินใจที่จะกระทำสิ่งนี้

            มือข้างหนึ่งแตะเข้าที่ต้นแขนของคนอายุมากกว่า ขณะที่มืออีกข้างเคลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้า สายตายังคงนิ่งค้างอยู่ที่เดิม

 

“ พี่ก๋วยเตี๋ยวครับ ” แม้แต่ตนเองยังรู้สึกได้ว่ากระแสเสียงนั้นสั่นเล็กน้อย

 

คล้ายว่าเสียงฝนโปรยภายนอกนั่นแผ่วซาลงไปเมื่อมินเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ ทาบทับริมฝีปากลงบนอวัยวะเดียวกัน สัมผัสนั้นมีเพียงการกดแตะ ไม่ได้รุกล้ำไปมากกว่านั้น และถูกจำกัดไว้ด้วยระยะเวลาเพียงวินาที

 

ทว่าเท่านั้นก็เพียงพอ

 

            ก๋วยเตี๋ยวยังคงไม่อยากเชื่อว่าเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นอยู่จริง ชายหนุ่มชะงักนิ่งแม้ว่ามินจะผละออกห่างแล้วก็ตาม สัมผัสนิ่มหยุ่นหนึ่งเดียวนั้นทำให้ระบบประมวลผลในความคิดลัดวงจร “ เอ่อ.. คือ.. ” ใช้เวลาครู่หนึ่งทีเดียวกว่าที่จะเค้นสติและเสียงตัวเองกลับมาได้

 

“ คือพี่.. ขอนะครับ? ”

 

เขาเห็นใบหน้าของมินที่เรื่อแดงพยักตอบรับ มุมปากนั่นพยายามที่จะไม่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม และเขาคิดว่าตนเองนั้นก็คงไม่ต่างจากอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก ก๋วยเตี๋ยวเลื่อนฝ่ามือขึ้นวางทับบนมือที่ประคองใบหน้าอยู่นั้น สอดแพนิ้วประสานกันก่อนจะหันไปแตะแนบเรียวปากบนข้อนิ้วและหลังมือ

 

คราวนี้ก๋วยเตี๋ยวเริ่มรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ

เขาอยากทำมากกว่านี้ อยากได้มากกว่านี้

แต่ความยับยั้งชั่งใจกำลังร้องบอกว่ามันยังไม่เหมาะควรในสถานการณ์นี้ และที่สำคัญคืออายุของอีกฝ่ายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย

 

            มินค่อยๆคลายเรียวมือออกให้พ้นจากการเกาะกุม สายตาเลื่อนมองสิ่งอื่นเนื่องด้วยความขลาดเขินที่ยังคงมีอยู่หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ภายในชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง มินขยับตัวเข้าไปประทับจูบอีกครั้ง คราวนี้เปลี่ยนเป็นบนผิวแก้ม ก่อนจะรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างรวดเร็ว

 

“ ขอบคุณมากครับ ขับรถกลับดีๆนะครับพี่เตี๋ยว ” มินรีบพูด เขาเปิดประตูรถออกไปโดยที่ไม่แม้แต่จะสบตากันด้วยซ้ำ แต่แม้ว่าก๋วยเตี๋ยวจะเห็นอีกฝ่ายแค่เพียงจากข้างหลัง ทว่าใบหูแดงจัดนั่นก็เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นก็คงเรื่อด้วยเลือดฝาดไม่ต่างกัน

 

สายฝนยังคงร่วงโปรยอยู่เช่นเดิม หากแต่ในห้วงหัวใจนั้นเปี่ยมด้วยแสงจัดจ้าของพระอาทิตย์

 

ก๋วยเตี๋ยวยังคงติดค้างรอยจูบบนริมฝีปาก

และเขาคิดว่าจะต้องให้คืนในคราวถัดไป

.

.

 

ในเวลาที่ขาดก๋วยเตี๋ยวข้างกาย มินรู้สึกเหมือนตนเองไร้ซึ่งที่ยึดเหนี่ยว

            สภาพในโรงเรียนยังคงเป็นไปตามเดิม บุคลากรและนักเรียนทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนตามอย่างปกติ ทว่าความวิตกกังวลนั้นฝังตัวอยู่ในซอกหลืบของห้วงหัวใจ เขาอยากทำเมินเฉยเหมือนว่ามันไม่มีอยู่ ตราบใดที่ยังมีโอกาสได้เจอหน้าครูภัทร เขาต้องปกป้องตนเอง ปกป้องเจ้าของร่างนี้ซึ่งคือมินคนเก่า แม้จะไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยเลยก็ตาม

 

“ ไอ้มิน มึงไหวแล้วเหรอ? เมื่อคืนมึงเป็นอะไรวะ? ” ลี้เข้ามาถามไถ่อาการกันหลังจากที่เมื่อคืนนั้นเขาไม่ได้รับสายและไม่ได้ติดต่ออีกคนกลับเลย

 

“ เราไม่เป็นไรหรอก แค่อาหารเป็นพิษ ” มินเลือกที่จะโกหกออกไป และเขาก็รู้เสียด้วยว่าฝ่ายเพื่อนสนิทไม่เชื่อในข้ออ้างนี้เนื่องจากสายตาที่ลี้พิจารณามองร่องรอยบอบช้ำบนใบหน้า แต่เด็กสาวก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา เป็นตัวมินเองที่ต้องหลบเลี่ยงสายตานั้น  “ ขอโทษนะที่เมื่อคืนไม่ได้โทรกลับ ”

 

“ ไม่เป็นไรๆ เห็นพี่เตี๋ยวอยู่กับมึงกูก็วางใจละ ” ลี้ปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เลื่อนหาภาพที่ถ่ายไว้เมื่อคืน “ เออ งานเพลทอะ ส่วนของมึงกูทำให้เสร็จแล้วนะ ไม่ต้องห่วง ”

 

“ ขอบใจนะลี้ ”

 

“ อีกอย่างนะไอ้มิน ” เด็กสาวสูดลมหายใจครู่หนึ่ง ดูก็รู้ว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูดออกมามากกว่านั้น แต่ลี้ก็ทำเพียงแค่วางมือบนลาดไหล่ “ คือกูก็เพื่อนมึงอะนะ ถ้ามีอะไร มึงบอกกูได้เสมอนะเว้ย ”

 

ความเงียบงันโรยตัวลงมาห้อมล้อมบรรยากาศไว้ครู่ใหญ่ มินถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าแล้วคลี่รอยยิ้มบางเบาให้อีกคน อันที่จริงเขาอยากเล่าให้ฟังจะแย่ ถ้าหากมันพอจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ ถ้าหากมันจะช่วยเจือจางความหวาดวิตกที่เขามี แต่สิทธิ์ของร่างนี้ไม่ใช่ของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์

 

เขาแค่มาอาศัยโฮมสเตย์ก็เท่านั้น..

.

.

 

เด็กหนุ่มเดินลงบันไดของตึกเรียนหลังจากทำหน้าที่รวบรวมสมุดวิชาภาษาไทยไปวางไว้ที่โต๊ะของอาจารย์ประจำวิชา เขาใช้สายตามองแต่ละคนที่เดินสวนไปมาอย่างระแวดระวัง 

เวลาหนึ่งวันนี้ผ่านไปอย่างทรมาน ความหวาดระแวงทำให้โสตประสาททั้งหมดทำงานได้ดีกว่าปกติ มันผสานกับจินตนาการของตนเองจนบางครั้งก็ดีเกินไป แค่เพียงเห็นแผ่นหลังของครูท่านใดที่คล้ายกันกับครูภัทรขึ้นมา สมองก็ยิ่งเร่งสั่งให้สองขาก้าวห่างไปให้ไกล ลมหายใจหอบถี่ขึ้นมากะทันหัน

นี่คงเป็นความหวาดกลัวที่เจ้าของร่างคนเดิมเผชิญมาตลอด ความทรมานของมินที่ถูกคนรอบข้างเมินเฉย ไม่มีใครรู้เลยว่าคนนี้ถูกทำร้าย ถูกปิดปากไว้ด้วยความกลัวและความรังเกียจในตนเองจนไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้

เขาไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน อยากร้องไห้ อยากหายไปจากที่แห่งนี้ ไปสักที่ที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย และคนเดียวที่เขานึกถึงคือก๋วยเตี๋ยว

 

เวลาดำเนินอย่างเชื่องช้าเหลือเกินในความรู้สึก

แม้จะใกล้เวลาเลิกเรียนแล้วก็ตาม แต่เขาอยากให้มันจบสิ้นลงในตอนนี้ ขณะนี้

 

“ มิน ”

 

เขาชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ก่อนจะหันไปพบกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ..พี่รหัสของเขาหรือพายนั่นเอง เมื่อเห็นใบหน้านั้น ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาทันที

 

พายรู้สึกทรมานหรือขยะแขยงตัวเองอย่างที่มินเป็นหรือเปล่า

 

จบความคิดนั้น คลื่นความรู้สึกผิดก็พลันโถมถล่มเข้ามากลางใจ

 

“ มีอะไรเหรอพาย? ”

 

“ เราอยากขอคุยด้วยหน่อย ”

 

พวกเขาทั้งคู่หยุดตรงหน้าโต๊ะม้าหินอ่อนข้างตึกเรียน นัยน์ตาของพายอาบเคลือบด้วยหยาดน้ำคล้ายว่าจะร้องไห้ออกมาได้ทุกขณะ “ พายขอโทษนะ พายนึกว่ามินจะไม่อยากคุยกับพายด้วยแล้ว ”

 

เขารู้สึกผิดที่เคยใช้คำพูดรุนแรง ไล่คนตรงหน้าให้ไปตาย

ทั้งที่คนเป็นเหยื่อสมควรได้รับความรักและการปกป้อง ไม่ใช่การซ้ำเติมด้วยอารมณ์เหมือนอย่างที่เขาทำลงไป

 

“ ไม่พาย คือเรา.. เราว่าเรานี่แหละที่ต้องขอโทษพาย ” มินสบสายตาฝ่ายพี่รหัส แสดงความจริงใจที่มี “ เรื่องครูภัทรอะ พายไม่ผิดเลยนะ คนผิดคือมันต่างหาก ”

 

“ มินไม่โกรธพายใช่มั้ย? ”

 

“ เราไม่โกรธพายแล้ว จริงๆนะ ” มินเคลื่อนกายเข้าใกล้ ยิ่งได้เห็นสภาพเปราะบางของอีกคนก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ พายเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจสูง ไม่ควรมีใครใช้ประโยชน์จากความพยายามที่เธอมี

 

เด็กหนุ่มตั้งใจว่าจะสวมกอดอีกฝ่าย หากแต่สิ่งที่คนตรงหน้าทำคือการประทับรอยจูบบนริมฝีปาก

ความตกใจที่มีทำให้เขาชะงักนิ่ง เรียวปากเผลอเผยอออกต้อนรับเมื่อสัมผัสโค้งนุ่มนั่นเริ่มบดเบียดเข้าหา

คล้ายกันกับเหตุการณ์เมื่อเช้า เพียงแต่เปลี่ยนตัวบุคคลจากก๋วยเตี๋ยวมาเป็นพาย

 

ความเผลอไผลทำให้เขาตอบสนอง มินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เศษซากความห่วงหาอาวรณ์ในตัวอีกคนที่เขาเคยนึกว่าจะถูกพัดหายไปหมดแล้วนั้นถูกกอปรขึ้นมาใหม่ มันเป็นความจริงที่เขาเคยรู้สึกดีกับคนนี้ เคยปรารถนาในริมฝีปากคู่นี้

เสียงร้องหนึ่งในใจตะโกนบอกให้เขาหยุดการกระทำนี้จากทั้งตัวเองและพายเสียที แต่ก็ดูเหมือนว่าจะสายเกินไป..

 

พายผละใบหน้าออกมาเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มประหลาด ก่อนจะหัวเราะเสียงแผ่วในลำคอ

 

“ พาย? ”

 

เด็กสาวเอ่ยประโยคหนึ่งด้วยเสียงกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน “ มึงนี่หลอกง่ายเนอะ ”

 

ในตอนนั้นเองที่มินได้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พี่รหัสของเขาอีกต่อไป แต่เป็นผู้คุม

“ มึงอย่าลืมดิวะ ว่ามึงต้องทำอะไร ”

 

เขารีบก้าวฝีเท้าถอยหลังออกมา นอกเหนือจากความจริงที่เพิ่งตระหนักรู้เมื่อครู่นั้นเอง เขาเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่ที่นี่ และคงได้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด

 

“ พ..พี่ก๋วยเตี๋ยว..

 

แววตารวดร้าวคู่นั้นทำให้หัวใจเขาเจ็บ ทว่าก่อนที่จะได้เข้าไปอธิบายให้ก๋วยเตี๋ยวเข้าใจความเป็นจริง ฝ่ายนั้นก็รีบเดินหนีไปอีกทางเสียแล้ว

แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะหาข้ออ้างใดมาแก้ตัวก็คงฟังไม่ขึ้นอยู่ดี การกระทำก่อนหน้านี้แจ่มชัดแล้วว่าเขากำลังทำร้ายและทำลายความเชื่อใจที่ก๋วยเตี๋ยวเคยมีให้กันมาตลอด

 

มันจบแล้ว

.

.

 

มันจบลงแล้ว

 

สองมือของชายหนุ่มจับแน่นที่พวงมาลัย ก๋วยเตี๋ยวบังคับยวดยานให้ไปตามเส้นทางด้วยจิตใจสับสน ความเสียใจระคนกับความโกรธ ภาพที่เห็นในโรงเรียนนั้นทำให้คนใจเย็นมาตลอดอย่างเขานึกอยากจะอาละวาด อยากจะตะโกนถามออกไปว่าที่ผ่านมาเห็นเขาเป็นตัวอะไรถึงได้ทำกันแบบนี้

แต่ถ้าหากไม่รัก ทำไมถึงได้ลากเขากลับไปที่หลุมรักแห่งนั้นอีกหน กลบฝังกันด้วยรอยจูบ อย่างจะหวังไม่ให้เขาสามารถตะเกียกตะกายปีนกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง ทั้งที่ครั้งก่อนนั้นเขาเคยเพียรใช้ความพยายามแทบตายในการตัดใจ เสี่ยงเอาชีวิตไปแลกกับดอกไม้ความรักในปอด

 

“ แม่งเอ้ย!

เท้าขวาเหยียบเบรกเมื่อขับมาถึงในซอยของตระกูล เขาขยับเกียร์เป็นตัว P ให้รถจอดนิ่งสนิทอยู่เช่นนั้นแต่ยังไม่ดับเครื่องยนต์ เพิ่งตระหนักได้ว่าวันนี้เขาขับด้วยความเร็วเกินกำหนด อีกไม่นานใบสั่งคงถูกส่งมา แต่ช่างมันปะไร

 

มินก็ยังเป็นเหมือนเดิม ความรักนั้นไม่เคยเป็นของก๋วยเตี๋ยว

กว่าจะรู้ว่าดาวดวงร่วงโรยที่ตนเองประคับประคองไว้นั้นคือเศษแก้ว สองมือก็เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะเสียแล้ว

 

            ความรักครั้งนี้ไม่มีก้านกิ่งของดอกไม้เลื้อยพันในอก หากแต่แรงมัดตรึงที่ไม่มองเห็นนี้กลับกำลังบีบรัดหัวใจจนแน่น มันเคลื่อนขึ้นมากลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ครอบครองขอบตาร้อนผ่าว ก๋วยเตี๋ยวซบหน้าลง ซุกซ่อนมันไว้หลังสองมือ

            และเมื่อรู้ตัวอีกที เรือนกายก็สั่นเทาด้วยแรงสะอื้น

 

เป็นเวลาเดียวกันกับที่เมฆครึ้มกลั่นตัวลงมาเป็นเม็ดฝน ร่วงโปรยลงมาเหมือนอย่างที่มันเป็นเมื่อเช้า

สายฝนที่เคยเป็นพยานในรอยจูบ กำลังร่วมร้องไห้กับความรักแหลกสลายไปด้วยกันกับเขา

 

TBC.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

TALK TO WRITER:

ขอโทษจริงๆนะคะที่หายไปหลายเดือนเลย T/\T ไม่ว่ายังไงก็จะพยายามไม่ทิ้งเรื่องนี้นะคะ

ถ้าใครที่ยังเข้ามาอ่านอยู่ อยากบอกว่าขอบคุณมากๆนะคะที่ไม่ทิ้งเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

 

แท็ก #ficlovegrown ที่เดิมค่ะ :3