[Ficlet] Irish Bomb shot, innocent Alice and the Cheshire cat. (Gakook)

Title: Irish Bomb shot, innocent Alice and the Cheshire cat.

Pairing: Min Yoongi/Jeon Jungkook

Genre: fluff, smut

 

Irish Bomb shot, innocent Alice and the Cheshire cat.

 

“ คุณยุนกิ ”

            ครั้งแรกที่ได้เรียกชื่อคุณ เหมือนได้กลับไปเยี่ยมเยือนดินแดนที่ห่างร้างมานาน ความเคยคุ้นอันแสนประหลาดปรากฏขึ้น อยากเรียกอีกหลายต่อหลายครั้งไม่รู้จบ เราพบเจอกันครั้งแรกและรู้จักกันมากขึ้นหลังจากนั้นผ่านเหตุการณ์บังเอิญหลากหลาย แต่เราไม่เคยคิดจะถามชื่อของกันและกัน

 

คุณเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เร้นกายในความมืด ปรากฏให้พบเจอแค่เมื่อต้องการ

คุณซ่อนตัวตนเอาไว้ ความไว้วางใจที่คุณมีให้ผมดูช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับที่ผมมีให้คุณ การยอมบอกชื่อให้กันแบบนี้อาจเป็นการมอบความไว้ใจให้มากโขแล้วสำหรับคุณ

เหมือนอยู่ห่างกันออกไปทั้งที่เรานั้นใกล้แสนใกล้ ภาพลักษณ์ของคุณแสนเย็นชา หากแต่การกระทำและความเอาใจใส่ที่คุณมีให้ผมนั้นกลับเป็นตรงกันข้าม

 

“ ครับคุณจองกุก ”

 

และครั้งแรกที่ได้ยินชื่อตัวเองจากเสียงของคุณ ความรู้สึกแปลกประหลาดรื้นขึ้นในอก ไม่เคยรู้สึกว่าจะมีอะไรที่น่าฟังเท่านี้มาก่อน คุณยิ้มให้ รอยยิ้มไม่กระด้างเหมือนเก่า  “ คุณชงชาอร่อยเหมือนเดิมเลย ”

 

“ ขอบคุณครับ ”

 

ผมกลับไปที่ปูซานมาสี่วัน ไปเจอแม่และพี่ชายที่บ่นตลอดว่าอยากให้ผมดูแลตัวเองบ้าง และของที่ได้ติดกลับมาทุกครั้งหลังจากไปเยือนบ้านคือถุงใบชาแห้ง ซึ่งคนแรกที่ผมนึกถึงเรื่องการชงชาก็คือคุณ

 

รสละมุนเคล้ากลิ่นผลไม้ของชารอยบอสที่คุณเคยชงเพื่อให้จิตใจผมสงบในตอนนั้นยังคงติดตรึง เช่นเดียวกันกับชาเขียวในตอนนี้ คุณเปลี่ยนบทบาทจากบาร์เทนเดอร์เป็นนักชงชา คุณรู้เรื่องอุณหภูมิของน้ำ เวลาในการแช่ถุงชา จังหวะในการชง คุณรู้มันดีทั้งหมด จนทำให้ผมคิดว่าจะไปหาคนชงชาอย่างคุณได้จากที่ไหนอีก

 

ผมไม่อยากปล่อยคุณไปเลย อยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ อยากเจอคุณในทุกวัน ไม่ใช่แค่ในโอกาสที่ผมอยากมาดื่มหรือเอาของฝากมาให้อย่างวันนี้

 

คุณเคยบอกว่าคุณจะตกลงถ้าผมไม่เมาและต้องการ

ก็ควรใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกัน

 

รู้ตัวอีกทีก็พบว่าคุณมีแรงดึงดูด หลังจากนั้น กาน้ำและจอกกระเบื้องที่ยังคงหลงเหลือใบชาต้มแล้วเอาไว้ที่ก้นกานั้นก็ถูกทิ้งร้าง สถานะของตัวร้านเปลี่ยนจากเปิดเป็นปิด

คุณพาผมไปยังส่วนของห้องนอนเดี่ยวซึ่งผมเคยได้มาเยือนแล้วครั้งหนึ่ง ริมฝีปากเคล้าคลอไม่หยุด สองมือช่วยคุณปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต เลื่อนลงมาปลดซิปกางเกงอย่างเร่งรีบ ผมคุกเข่าลงตรงหน้าคุณ ปลายลิ้นไล้วนที่ขอบชั้นในก่อนจะกัดเข้าที่เนื้อผ้า ใช้ฟันช่วยถอดมันลงมา ขณะที่สายตายังคงมองคุณไม่ลดละ

 

“ คุณกำลังทำให้ผมคลั่ง ”

 

ผมยักคิ้วให้กับท่าทีปั่นป่วนของคุณ ลากลิ้นไปตามความยาวก่อนจะครอบครองมันไว้ทั้งหมด เสียงคุณแหบพร่ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ และสายตาของคุณก็ครึ้มทึมด้วยม่านความกระสัน เหมือนเสือร้ายจ้องจะขย้ำเหยื่อ

ผมเองก็อยากให้คุณขย้ำจะแย่

 

คุณสอดนิ้วเข้ามาในกลุ่มผม บังคับจังหวะให้รัวเร็วตามปรารถนา ขนาดที่คับแน่นและส่วนปลายที่สัมผัสกับเพดานอ่อนครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผมน้ำตาคลอ แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณถึงฝั่งฝันไปเสียก่อน ทำให้ตั้งขนาดนี้แล้วก็ควรจะรอกันหน่อย

 

เสียงหอบหายใจของเราทั้งคู่ดังสะท้อนภายในตัวห้อง ผมคลานไปที่ฟูกนอน แยกขากว้างออก สายตาท้าทายให้คุณตามมา รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคุณคำรามในลำคอ คุณเตะกางเกงที่ร่นลงอันแสนเกะกะนั่นออกไปแล้วรีบกระโจนเข้ามาร่วม

 

“ ผมต้องเตรียมคุณมั้ย? ” คุณถามขณะที่กำลังที่แตะเรียวปากลงบนเนื้อหนันของสะโพก ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังสั่นเล็กน้อย  “ ถ้าคุณกลัว ผมหยุดตรงนี้ก็ได้นะ ”

 

“ ไม่ต้อง! ” ผมรีบปฏิเสธ ที่เป็นอยู่ก็แค่อาการตื่นเต้นเกินพอดี ใช่ว่าไม่เคยลองมีเซ็กส์มาก่อน แต่ประสบการณ์ที่มีก็ดูจะไม่ได้ช่วยให้คุ้นชินกับความแปลกใหม่ที่ได้รับจากคุณมากนัก  “ ผมเตรียมตัวมาแล้ว ไม่ต้องใช้นิ้วช่วยหรอก คุณอยากทำอะไรก็ทำเลย ”

 

“ งั้นผมใช้ลิ้นนะ ”

 

คุณไม่รอคำตอบ รู้อยู่แก่ใจว่าอย่างไรผมก็ตอบตกลง คุณแตะจูบแผ่วบางที่ปากทางเข้า เลียวนรอบนอกอยู่อย่างนั้นก่อนจะสอดลิ้นเข้าในช่องทางเว้าลึก สองมือของคุณก็ไม่ได้ว่างเว้นจากหน้าที่ ไล้ลูบตามต้นขา บั้นเอว และหน้าท้อง บางครั้งก็วนมาตามความยาวด้านหน้าให้สะดุ้งเล่น

 

ลิ้นคุณสากเหมือนลิ้นแมว ทุกครั้งที่ขยับสัมผัสตามผนัง มันก่อความเสียวซ่านจนแทบทรงตัวไม่ตัว ผมขย้ำผ้าปูแน่นจนมันยับยู่ ซุกหน้าลงกับหมอนทำให้สะโพกถูกยกสูงขึ้น ไม่นึกว่าคุณจะใช้ลิ้นเก่งขนาดนี้

 

“ ย..ยุนกิ ยุนกิ! ” รู้สึกเหมือนจะขาดใจ ต้องการสิ่งที่ทำให้รู้สึกเต็มแน่นได้มากกว่านี้

 

คุณผละออก สัมผัสหายไปแล้วแต่ความรู้สึกร้อนวูบในท้องน้อยนี้ยังคงอยู่ ท่อนแขนนั่นคว้าเอวผมไว้ จากท่าคลานในตอนแรกถูกรั้งให้นอนตะแคงลง คุณกระซิบข้างใบหู

“ ต้องการอะไรครับคนดี? ”

 

“ ค..คุณ ผมต้องการคุณ ”

 

“ ชู่วว์ เดี๋ยวผมดูแลคุณเอง ”

 

            คุณกอดผมจากด้านหลังก่อนจะสอดตัวตนเข้ามาอย่างเนิบช้า ให้ปรับจนคุ้นชินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้แสดงท่าทีว่ารู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บอะไรนัก คุณจึงค่อยๆเพิ่มระดับจังหวะ ช่วยผมยกขาข้างหนึ่งขึ้นเพื่อให้สอดเข้ามาได้ลึกกว่าเดิม ส่วนปลายของคุณครูดไถกับต่อมลูกหมาก ยิ่งแรงขึ้น เร็วขึ้น ความรู้สึกก็ท้นทะลักจนแทบเห็นดาว

 

ณ ช่วงเวลาหนึ่งของจังหวะรักนั้นเอง ผมหันไปจูบกับคุณ แต่นัยน์ตาเรียวรีคู่เดิมที่ผมรู้จักกลับเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียวจาง คนธรรมดาไม่ควรเปลี่ยนสีตาได้รวดเร็วแบบนี้ และเท่าที่เคยเห็น คุณไม่ใช่คนที่เป็นโรคตาหลากสี

 

มันยิ่งชัดเจนว่าคุณไม่ใช่อะไรที่ใกล้เคียงกับมนุษย์เลยสักนิด

คุณเต็มไปด้วยปริศนาและสามารถกระทำเรื่องเหนือธรรมชาติมาแล้วตั้งหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่ผมจำเป็นต้องตกใจอีกแล้ว

 

ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไรหรือใคร.. คุณก็คือคนที่ผมยืนยันจะให้ความไว้ใจอยู่ดี

 

TBC.

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

TALK TO WRITER:

ไม่เคยเขียนอะไรรวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ ตกใจตัวเอง แต่ก็แอบกลัวว่าที่เขียนออกมานี่มันดูเป็นหนังโป๊เกรดบีจังค่ะ ม..มันโอเคใช่มั้ยคะ

คือเราปรับภาษาให้ดิบกว่าเดิมด้วยหน่อยอะค่ะ เพราะเล่าผ่านมุมมองคนเดียวให้ใช้คำประดิษฐ์ไปก็คงจะดูขัดๆน่ะค่ะ

 

 

[Ficlet] In the memory of our sweet vivid memories (Minjoon)

Title: In the memory of our sweet vivid memories

Pairing: Park Jimin/Kim Namjoon (AU – Behind the painting)

Genre: Angst, Mild fluff

Note: เนื่องจากช่วงเวลาในเรื่องข้างหลังภาพเป็นช่วงที่เกาหลีตกเป็นอาณานิคมของประเทศญี่ปุ่น และสองประเทศเขาก็บาดหมางกันอยู่นานจนไม่รู้ว่าจะลงไทม์ไลน์ไหนดี และไม่อยากเปลี่ยนเป็นโซนยุโรปเพราะอยากคงโลเคชั่นโทนเอเชียเอาไว้ ก็เลยให้นัมจุนกับจีมินเป็นชาวสยามนะคะ

 

 

In the memory of our sweet vivid memories

 

ความรัก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในยุคใด หรือสมัยใด

สมหวัง หรือแม้นว่าสิ้นหวัง เหล่านั้นคือสิ่งสุนทรีชั่วนิรันดร์

 

            เจตพลจับจดอยู่กับภาพวาดที่ถูกแขวนไว้มาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ภาพของชายสองคนโอบล้อมด้วยความงดงามของธรรมชาติ ถูกแต่งแต้มบนกระดาษแข็งธรรมดา เบื้องหลังของมันคือผนัง หากเมื่อได้เพ่งพิศ ความทรงจำพลันแล่นย้อน นำทางกลับไปทางอดีตที่พ้นผ่าน ครั้งหนึ่งที่มันเคยเกิดขึ้น ทั้งเรื่องราวในภาพ และความรู้สึกที่เคยท้นทะลักในอก

 

มันเคยเป็นความรักที่ลุกโชนอยู่ข้างใน ร้อนรุ่มเกินจะยับยั้ง

ครั้นเมื่อวันเวลาดำเนินไป และด้วยภารกิจหน้าที่อันต้องรับผิดชอบ หลากหลายสิ่งวุ่นวายที่ต้องเผชิญ ความรู้สึกนั้นจึงถูกหมางเมิน เปลวเพลิงที่ลุกท่วมจึงกลับกลายเป็นเพียงแค่ควันแผ่วจาง เป็นร่องรอยให้ระลึกถึงการมีอยู่ของมันในอดีต

 

ม่หลงเหลือสิ่งที่เรียกว่าความรักต่อไปอีกแล้ว

.

.

 

            สถานที่แห่งนี้งดงามราวสวรรค์รังสรรค์ สองข้างทางเรียงรายด้วยต้นไม้ใหญ่ ก้านใบเอนไหวตามแรงลม แสงจันทร์แจ่มกระจ่าง ณ โค้งฟ้า สะท้อนบนผืนน้ำที่กระเพื่อมไหวเป็นระลอกคลื่น เสียงไม้พายกระทบมันเป็นระยะ ก่อเกิดเป็นแรงขับให้ลำเรือเคลื่อนตัวไป

 

ปลายนิ้วยื่นออกไปสัมผัสกระแสธารเย็นเฉียบครู่หนึ่ง ดวงใจชื้นชุ่มกับความสงบที่ได้รับ

 

            ชีวิตของบุรุษสูงศักดิ์อย่างหม่อมราชวงศ์นทจรถูกตีกรอบเอาไว้อย่างชัดเจน ถูกปั้นแต่งให้เพียบพร้อม เป็นนักปกครองที่น่าเกรงขามและควรค่าแก่การนับถือ ถูกหมั้นหมายกับสตรีที่ใครอื่นต่างเห็นพ้องว่าเหมาะสมพอกัน เขาทำได้เพียงคล้อยตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่ แม้ความสัมพันธ์นี้จะปราศจากซึ่งความรักก็ตาม

 

ภายใต้ความนิ่งสงบของสรรพสิ่งที่รายล้อม เป็นช่วงเวลาที่เสียงความคิดดังก้องสะท้อนอย่างที่สุด

มันกรีดร้องถึงความแหลกสลายที่ป่นปี้อยู่ภายในหัวใจดวงนี้ ภายในกำแพงตัวตนที่ถูกสร้างออกมาให้มีรูปลักษณ์แข็งแกร่ง

 

“ เจตพล เธอเคยคิดถึงบ้านบ้างไหม? ”

 

“ เป็นบางคราวครับ กระผมอยู่ที่นี่มาสามปีกว่า คิดถึงบ้านบ้าง แต่เมื่อนานเข้า ความคิดถึงนั้นก็ชาลงครับ ” เด็กหนุ่มตอบคำถามขณะออกแรงขยับไม้พาย

 

“ ในเวลาเช่นนี้ ฉันคิดถึงสิ่งที่ฉันรักอย่างที่สุด ”

 

คิดถึงตัวตนที่ถูกซุกซ่อนไว้ข้างใน คิดถึงความรู้สึกรักที่มิเคยได้สัมผัส

แสนเสียดายกับเส้นทางชีวิตและระยะเวลาที่พ้นผ่าน เมื่อมีกรอบทางสังคมและยศฐานันดรบีบกั้นไว้ จึงยากยิ่งนักที่จะค้นพบความรักอันเกิดจากใจจริง

หัวใจกลายเป็นหลุมลึกมืดดำที่ทำให้ต้องดิ้นรนหาความสุขมาถมเต็ม กลบเกลื่อนความเคว้งคว้างที่ถาโถม

 

ขณะที่ความเดียวดายกำลังฉาบทาบนผนังหัวใจนั้นเอง เสียงแว่วหวานของบทเพลงจากสตรีผู้หนึ่งก็เรียกความสนใจในให้พ้นจากห้วงคำนึงของตนเอง

 

“ เพลงเพราะเชียว คงเป็นเพลงรักหวานซึ้งเป็นแน่ หญิงญี่ปุ่นผู้นั้นร้องว่าอะไรหรือเจตพล? ”

 

“ มันหาใช่เพลงรักหรอกครับคุณท่าน สิ่งที่เธอร้อง พูดถึงการเห็นคุณค่าในตัวเองครับ จะเป็นอะไรก็มิใช่ปัญหา สำคัญอยู่ที่ว่า จงเป็นอย่างดีที่สุด ไม่ว่าเราจะเป็นอะไรก็ตาม ”

 

คำกล่าวของเด็กหนุ่มสะท้อนในห้วงความคิดของหม่อมราชวงศ์อยู่ครู่ใหญ่ทีเดียว ราวกับถูกพูดออกมาเพื่อตัวเขาเอง ในบางครั้งชีวิตก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลือกเป็นได้ แต่สามารถเลือกจะมีความสุขและเป็นสิ่งนั้นอย่างดีที่สุดได้

“ เป็นเพลงที่มีความหมายดีทีเดียว ”

 

เสียงไม้พายกระทบผืนน้ำยังดงดำเนินไป สายลมยามค่ำคืนที่โชยพัดก่อความหนาวเหน็บได้แม้จะเป็นในฤดูร้อนก็ตาม พลันนั้นเองที่ลำเรือชะงักการเคลื่อนไหว สร้างความประหลาดใจให้นทจร จนเมื่อพบสาเหตุว่าเด็กหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามนั้นว่างเว้นจากการพายเรือ

 

“ มีอะไรหรือเจตพล? ”

 

“ ค่ำนี้อากาศเย็นน่ะครับ ” ถึงจะพูดเช่นนั้น ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำกลับเป็นการถอดผ้าพันคอออก “ ขอประทานโทษนะครับคุณชาย ” ก่อนจะขออนุญาตให้เขายกเท้าขึ้นมา นทจรสวมใส่เพียงแค่ถุงเท้าบางๆและเกี๊ยะไม้เท่านั้น

 

รู้ตัวอีกทีผ้าพันคอผืนนั้นก็ถูกคลุมบนฝ่าเท้า “ ทำอะไรน่ะเจตพล เอาผ้าพันคอมาคลุมเท้าฉันทำไม มันไม่ใช่ของคู่ควรกันเลย! ” นทจรร้องด้วยความตระหนก ตั้งใจจะดึงมันออก ทว่าคนอายุน้อยกว่ายังคงยืนยันจะทำอย่างเดิม

 

“ ขออนุญาตกระผมเป็นผู้ให้ไออุ่นแก่คุณชายในค่ำนี้เถิดครับ ”

 

ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบวนผ่านผืนผ้าให้เกิดความอบอุ่นกับผิวเนื้อ นัยน์ตาของเจตพลสบลึกซึ้งกับสายตาของหม่อมราชวงศ์ แสงจันทร์และมวลหมู่ดาวสะท้อนเป็นประกายภายในนั้น เจือด้วยความรู้สึกบางอย่าง แม้จะมืดสลัวจนไม่อาจมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ทว่าการกระทำของเด็กหนุ่มในก่อนหน้านี้ก็ได้ร้องบอกทุกอย่าง

 

“ ฉัน.. ..ขอบใจ ”

 

หลุมลึกในหัวใจแห่งนั้นเหมือนถูกถมให้เต็มตื้นขึ้นทีละน้อย

ตลอดชั่วชีวิตที่ต้องแสดงถึงความเป็นผู้นำ ปกครองคนใต้อาณัติ ไม่เคยนึกเลยว่าการได้รับการดูแลจากใครสักคนจะชวนให้อุ่นซ่านไปทั้งดวงใจเช่นนี้

 

นี่กระมังคือความรู้สึกรักอย่างที่เคยวาดฝันจะได้ค้นพบ จุดเริ่มต้นของมันเป็นอย่างนี้

 

น่าเสียดายนักที่หลังจากนี้ไป อีกนับหลายปี

ความรักที่ควรเป็นของคู่กลับสถิตย์ในหัวใจของคนหนึ่งเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

THE END

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

TALK TO WRITER:

*โควทต้นฟิคเป็นประโยคจากข้างหลังภาพเวอร์ชั่นอำพล-นาตยาค่ะ

จริงๆที่อยากเขียนคู่นี้เอยูนี้เพราะช่วงวันเกิดนัมจุนที่คุณพัครัวรูปรัวคลิปนั่นมีเพลงรักแท้มีอยู่จริงของพี่บี้เล่นวนมาพอดีค่ะ ก็เลยเกิดภาพคุณหญิงกีรตินัมจุนกับนพพรจีมินขึ้นมาในหัวเลยค่ะ! ๕๕๕ มีเหตุการณ์จากในเวอร์ชั่นละครเวทีด้วย

และด้วยความที่พอเปลี่ยนตัวละครเป็นผู้ชาย ด้วยกรอบสังคมอะเนอะคะ ให้เหมือนคุณหญิงกีรติไปเลยแบบนั้นก็คงไม่ได้ เลยปรับใหม่เป็นแบบนี้ค่ะ มีอะไรติชมได้นะคะ

 

แท็กฟิค #kwlfic ค่ะ

 

 

[OS] That sea, the farewell (Gakook)

Title: That sea, the farewell

Pairing: Min Yoongi/Jeon Jungkook

Genre: Angst, Hybrid AU

Bgm: 92914 – Okinawa

 

That sea, the farewell

 

เรื่องราวของเรามีจุดจบที่ชัดเจนยิ่งกว่าจุดเริ่มต้นเสียอีก

 

ดวงตาใส หูยาว หางปุย

ดูยังไงก็เป็นตัวประหลาด

 

คุณเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เป็นความสัมพันธ์แสนฉาบฉวย เหมือนฝนตก เยียบเย็น ชะล้างทุกความรุ่มร้อนที่เคยเผชิญ แต่เพียงครู่เดียวก็สงบ ทิ้งไว้เพียงร่องรอยฉ่ำชื้นและกลิ่นไอดินจางๆ

 

มันคงไม่อาจยาวยืดไปได้นานกว่านี้

ทุกอย่างจะสูญสลายทันทีที่รุ่งสางมาเยือน ความรัก ความฝัน ความสัมพันธ์ ความสุข

ทุกอย่าง

 

นั่งลงกับผืนทราย มองภาพเบื้องหน้าอันเป็นทะเลสีดำสนิทแทบกลืนไปกับสีท้องฟ้า แสงสลัวจากไฟริมทางสะท้อนให้เห็นระลอกฟองคลื่น

เปราะบาง แตกสลายอย่างง่ายดาย แต่ก็ซัดซาดเข้ามาเยี่ยมเยือนแผ่นดินไม่เคยรู้จบ

 

The ocean is holding everything

And tossed aside the weary

 

หันมองคุณ.. เจ้าของดวงตาพราวระยับ โดดเด่นบนใบหน้าอ่อนล้า ร่องรอยบอบช้ำจากการถูกทารุณในห้องทดลองนรกนั่นยังคงหลงเหลือให้ได้เห็น ตัวเลขที่ถูกสักบนท่อนแขนแสดงการตีตรา

ตัวประหลาด เพศชาย สายพันธุ์หายาก พวกเขาเห็นคุณเป็นสินค้า แต่ผมเห็นคุณเป็นหนึ่งชีวิต

ผมคงไม่อาจพาคุณไปได้ไกลกว่านี้  และไม่อาจร่วมทางไปกับคุณได้ตราบใดที่เครื่องช็อตไฟฟ้ายังถูกติดอยูในร่างกายแบบนี้ หลังจากนี้แล้วคุณต้องหนีต่อไปด้วยตัวเอง

 

เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงรุ่งสาง ยังพอหลงเหลือเวลาให้ทอดทิ้งความเหน็ดเหนื่อย

หลงเหลือเวลาให้แสดงการอำลา

 

หยุดเวลาที่เริ่มร่นถอยลงด้วยการจูบ มันไม่หวานเหมือนเคลือบด้วยน้ำตาล มันนุ่มหยุ่น นิ่มลื่น เจือด้วยรสเย็นฉ่ำของเมนทอลจากหมากฝรั่งในก่อนหน้านี้ เลาะเล็มตามริมฝีปากด้วยสัญชาตญาณ น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่น

 

กระนั้นเองเวลาก็ยังคงเริ่มดำเนินการนับถอยหลังต่อไป

 

“ อย่าไปเลย ”

สายตาแสดงความเศร้าโศก จากน้ำตาหนึ่งหยดเพิ่มกลายเป็นทางสายยาว เรียวมือนั้นลูบที่หูบนหัว

 

หูสามเหลี่ยม หางยาวตวัดไปมา ลิ้นสาก

ผมเป็นตัวประหลาดไม่ต่างกัน

 

“ ไม่ได้หรอก ”

 

หวังว่าคุณจะได้เริ่มต้นกับชีวิตใหม่ที่ดีกว่า กลายเป็นความฉ่ำชื้นพร่างพรมในดินแดนแห่งใหม่ สัญญาว่าจะเข้มแข็งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โปรดหนีไปให้ไกล และอย่าได้กลับมาที่นี่อีก

เพราะอีกไม่นานที่แห่งนี้จะกลายเป็นดินแดนแตกระแหงดังเดิม

 

หัวใจดวงนี้จะแห้งผากเหมือนอย่างที่เคยเป็น

 

THE END or TBC.?

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

 

TALK TO WRITER:

จะมองว่าจบก็ได้ แต่ก็อาจจะมาต่อในอนาคตค่ะ เคยเขียนเอยูแนวๆนี้ไว้เรื่องนึงด้วย(มิวแทนต์เอยูค่ะ) แต่ก็ไม่จบค่ะ ๕๕๕๕ อยากเขียนเรื่องยาว(ต่อให้จะเป็นไม่กี่ตอนจบ)ให้จบสักทีบ้าง แต่ก็… *ร้องไห้กลางสุสานไหดอง*

 

แท็ก #kwlfic นะคะ